เมืองไทย 360 องศา
นับเป็นวันที่รู้สึกดีขึ้นอีกวันหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นวันที่สอง หลังจากที่มีการแถลงตัวเลขล่าสุด เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” เพิ่มอีกเพียง 38 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน รวมยอดติดเชื้อสะสมจำนวน 2,258 คน รักษาหาย 824 คน ยอดรวมผู้เสียชีวิตจำนวน 27 คน
ที่ถือว่าเป็นข่าวดี เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อพิจารณาจากยอดผู้ป่วยที่ลดลงต่อเนื่องกันเป็นวันที่สอง หลังจากเมื่อวันที่ 6 เมษายน มียอดผู้ป่วยจำนวน 51 ราย แม้ว่ายังไม่อาจวางใจ หรือรีบด่วนสรุป แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีลึกๆ อยู่ในใจก็แล้วกัน
แน่นอนว่า ในทางการแพทย์ก็เชื่อว่าคงจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อได้เห็นตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ และตัวเลขผู้เสียชีวิตประจำวันมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง เพราะนั่นเท่ากับว่า ได้มีเวลาได้หายใจหายคอ มีเวลาบริหารจัดการ เตรียมการในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีการพร้อมมากขึ้น หากมีสถานการณ์พลิกผันกลับมาเลวร้ายฉุกเฉินในอนาคต อย่างน้อยการทิ้งระยะห่างของจำนวนยอดผู้ป่วยที่เริ่มลดลงในประจำวันย่อมเป็นเรื่องน่าชื่นใจไมใช่หรือ
แม้ว่าในทางการแพทย์เขาจะบอกว่าจะต้องรอประเมินสถานการณ์อีกระยะหนึ่งถึงจะสรุปออกมาว่าผลออกมาแบบไหน แต่เมื่อเห็นสัญญาณแบบนี้มันก็พอเดาออกได้บ้างเหมือนกันว่าจะไปทางบวก หรือลบ ซึ่งก็ต้องรอให้เขาสรุปสถานการณ์ก็แล้วกัน
แต่นาทีนี้หากให้ประเมินด้วยสายตาก็ต้องถือว่า “มีแนวโน้มมาถูกทาง” แล้ว ทั้งในเรื่องมาตรการควบคุม ที่เริ่มจากเบาไปหาหนัก รวมไปถึงการรณรงค์สร้างจิตสำนึกทางสังคม การขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน และเว้นระยะทางสังคม ก็สามารถทำได้ดี จนสามารถสร้างกระแสกดดันจากสังคมส่วนใหญ่กับคนที่ไม่ให้ความร่วมมือกับมาตรการทางภาครัฐได้มากขึ้น ทำให้พวก “ตัวป่วน” ทั้งหลายต้องสงบปากสงบคำกันไปพอสมควร
หรือแม้แต่พวกที่ “บ้าคลั่งเสรีภาพ” แบบไม่รู้กาลเทศะ ก็ถูกกันออกไปนอกวงทันที ขณะเดียวกัน สังคมเริ่มมีกระแสในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน “ก็กำลังมา” หลายจังหวัดมีคนใจบุญ มีจิตสาธารณะ มีให้เห็นมากขึ้น มีน้ำใจแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ขาดแคลนปรากฏให้เห็นทุกจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าชื่นใจ และกลบเสียงพวกที่ “ขวางโลก” ไปทุกเรื่อง หรือประเภท “บริจาคสิบบาท” แต่ขอให้ประกาศชื่อ หรือ “ขอร้องเพลง” ด้วยอะไรประมาณนั้น เหมือนกับที่ปรากฏเป็นข่าวกำลังถูกสังคมกระหน่ำอยู่ในเวลานี้
อย่างไรก็ดี หากนับมาจนถึงวันนี้ พิจารณาจากตัวเลขที่เห็นทำให้ประเมินได้ว่าการแพร่ระบาดจาก “กลุ่มสนามมวย” และ “กลุ่มสถานบันเทิง” ทั้งจากการเป็นผู้ป่วย และจากการสัมผัสกับผู้ป่วย รวมไปถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการร่วมพิธีทางศาสนาก่อนหน้านั้นเริ่มสงบลงแล้ว เพราะมีแนวโน้มไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในต่างจังหวัด หลายจังหวัดเริ่มนิ่งมาสองสามวันแล้ว
หากสรุปเท่าที่เห็นในเวลานี้ ก็ต้องถือว่าเป็น “สัญญาณดี” แม้จะต้องรอดูไปอีกสักระยะก็ตาม แต่ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี และมีความหวังไม่หดหู่มากนัก เมื่อยิ่งเปรียบกับอีกหลายประเทศในยุโรป และอเมริกา ที่หลายคนนิยมยกย่องบูชา กลับอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย “ยิ่งกว่าอยู่ในนรก” ทำให้คนไทยหลายคนต้องรีบเผ่นกลับบ้านกับแบบตาลีตาเหลือก
เมื่อวกกลับมาพิจารณาสถานการณ์ในประเทศไทยในวันนี้ต่อเนื่องไปจนถึงวันข้างหน้า ก็พอมองเห็นว่ากำลังดีขึ้น แต่ก็คงยังต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดแบบเข้มงวดต่อไปอีกยาวนาน อย่างน้อยก็นานหลายเดือนกว่าจะกลับมาเป็นปกติ
ที่สำคัญ สำหรับประเทศไทยเมื่อสามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว ก็จะเข้าสู่การป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งนั่นเท่ากับว่าต่อไปนี้ประเทศไทยจะต้องมีวิถีชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปจากเดิม นั่นคือ ต่อไปคนไทยทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเวลาออกจากบ้านอีกนาน ถึงแม้ว่าเมื่อทุกอย่างกลับมาสู่ปกติ แต่ในวันหน้าสังคมไทยก็ต้องเข้าสู่ภาวะ “สังคมใส่หน้ากาก” ไปอีกนาน !!