เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าล่าสุดทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ยืนยันล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่มีการประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยย้ำว่าข่าวที่ออกมาในเวลานี้ถือว่าเป็น “ข่าวปลอม”
“ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร แต่นายกรัฐมนตรีต้องเตรียมการมีแผนล่วงหน้าในเชิงรุก ทุกอย่างคือแผน เมื่อถึงกำหนดเวลาที่จะปฏิบัติ คือ คำสั่งเป็นข้อกำหนดที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ถือว่าเป็นข่าวปลอม” และขอให้ประชาชนรอฟังการประกาศจากทางการ จากรัฐบาลและจากศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) รวมทั้งปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ประกาศแล้วอย่างเคร่งครัด
การออกมาแถลงยืนยันดังกล่าวของโฆษกรัฐบาล ก็เพื่อยืนยันหยุดข่าวลือที่มีการแพร่กระจายกันในสื่อโซเชียลฯตลอดทั้งวัน ว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเตรียมประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยให้สังเกตจากคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่ส่งไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ยกระดับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 โดยในคำสั่งดังกล่าวให้มีการยกระดับเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มที่และมีความตื่นตัวตลอดเวลาอะไรประมาณนี้
อย่างไรก็ดี ในคำแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง แต่อย่างใด และย้ำว่า “ยังเป็นข่าวปลอม” แต่น่าสนใจก็คือ เพียงแค่ให้รอฟังประกาศจากทางการเท่านั้น และที่สำคัญ “ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ในอนาคต
แต่เอาเป็นว่า “เวลานี้ยังไม่มีเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง” ส่วนจะมีหรือไม่ในอนาคตให้รอฟังประกาศจากทางการก็แล้วกัน
แน่นอนว่า การออกมาแถลงยืนยันเพื่อดับข่าวลือ และป้องกันการตื่นตระหนก แห่กันไปกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค และการรีบเดินทางข้ามถิ่นข้ามจังหวัด เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนปิดห้าง ปิดสถานบริการก่อนหน้านี้ และนำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคออกไปสู่ต่างจังหวัดแบบแพร่กระจายไปทั่วประเทศ และแม้ว่าอาจจะมีปัจจัยอื่นมาประกอบในการแพร่กระจายดังกล่าว แต่การอพยพเดินทางข้ามถิ่นที่ว่านั้นก็ถือว่าเป็นต้นเหตุสำคัญ และไม่ได้คาดหมายไว้ล่วงหน้า
แต่สิ่งที่ต้องจับตากันแบบ “ไม่กะพริบ” ก็คือ ในช่วง “วันสงกรานต์” ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าตั้งแต่วันที่ 12-15 เมษายนนี้จะทำอย่างไร แม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการยกเลิกวันหยุดกันไปแล้ว รวมไปถึงเวลานี้ก็มีการยกเลิกการเดินทางของรถโดยสารสาธารณะลงมาเรื่อยๆ หรือแทบจะสิ้นเชิงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการเดินทางโดยรถส่วนตัวข้ามถิ่น ข้ามจังหวัดกันอยู่ และยังเชื่อว่าในเทศกาลดังกล่าว ซึ่งสำหรับคนไทยแล้วถือว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นวันปีใหม่
แม้จะรับรู้ว่าอยู่ในช่วงโรคระบาดมีการกักกัน แต่ในเมื่อไม่มีการ “สั่งห้าม” มันก็ย่อมต้องมีการเดินทางแบบ “หนาตา” แน่นอน แม้จะไม่ใช่ลักษณะของการหลั่งไหลกันออกไปแบบทุกปี เพราะทุกอย่างถูกเบรก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสาดน้ำ หรือแม้แต่การรวมกลุ่มกันทำบุญในวัด ในบ้าน รวมไปถึงต้อง “เซฟผู้สูงอายุ” เป็นสำคัญก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องจับตาว่าจะมีการเดินทางในช่วงดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากมีหลายคนเริ่มเป็นห่วง เพราะได้รับบทเรียนมาจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เมื่อเป็นแบบนี้มันอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ข่าวลือที่ว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ในวันที่ 10 เมษายนหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากไทม์ไลน์มันก็น่าคิดเหมือนกัน อีกทั้งการออกมาประกาศยืนยันของโฆษกรัฐบาลก็ไม่ได้ปฏิเสธแบบเด็ดขาดว่าไม่มี เพียงแต่ว่าให้รอฟังประกาศจากทางการ และเพื่อป้องกันการตื่นตระหนกแห่กันไปกักตุนสินค้ากันวุ่นวายโกลาหลหรือเปล่า
แต่เอาเป็นว่า เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงมันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันแบบไม่กะพริบตาว่าจะ “เกิดขึ้น” หรือไม่ โดยเฉพาะคำสั่งห้ามเดินทางหรือห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเทศกาลสำคัญนี้หรือไม่ เพราะเมื่อได้เห็นตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา มีจำนวน 51 ราย ลดลงจากวันก่อนหน้าที่เป็นจำนวนหลักร้อยคน ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีสำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เริ่มคงที่แบบลดลง
ดังนั้น นาทีนี้ก็ต้องรอฟังประกาศจากทางการเท่านั้น ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้จะคำสั่งห้ามแบบไหนออกมาหรือไม่ แต่ที่เห็นก็เหมือนกับเป็น “สัญญาณเตือน” ออกให้สังเกตได้ในช่วงเวลาสำคัญที่ว่านี้แล้ว !!