xs
xsm
sm
md
lg

บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย แต่ “เสรีภาพ” รอไปก่อน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา

จากรายงานตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แถลงโดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า มีผู้ป่วยใหม่จำนวน 27 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,792 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม มีผู้หายป่วยกลับบ้านมากกว่าจำนวนที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลขณะเดียวกัน มีจังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 14 วัน เพิ่มขึ้นมาอีกสองจังหวัด รวมแล้วมี 35 จังหวัด

พิจารณาจากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด ยังเป็นเลขสองหลักต้นๆ ต่อเนื่องมาสามสี่วันแล้ว ที่สำคัญ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมขึ้นมา รวมไปถึงได้เห็นรายงานของหลายจังหวัด ที่ไม่มีผู้ป่วยเพิ่มในรอบ 14 วันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นอกเหนือจากจังหวัดเดิมที่เป็น “ไข่แดง” นั่นคือ ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อมาตั้งแต่ต้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะเป็นแนวโน้มที่ดีอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในทางสาธารณสุข ยังประมาทไม่ได้ ยังต้องเตือนให้เฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้นต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ดี หากมองกันแค่ตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มมันก็ย่อมทำให้เห็นบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างน้อยก็สามารถผ่านพ้นคำเตือนมาเมื่อราวกลางเดือนมีนาคม ที่ว่า หากเราไม่เข้มงวดเคร่งครัดในการป้องกัน อาจทำให้มียอดผู้ติดเชื้อในเวลานี้นับแสนคน หรือราวสองแสนคนก็ได้ แต่มาถึงวันนี้เรามีตัวเลขผู้ป่วยใหม่ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายน สะสมอยู่ที่ 2,792 เท่านั้น โดยเป็นผู้ป่วยใหม่เป็นเลขสองหลักต้นๆ คือ 27 ราย เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนที่ลดลง อีกทั้งไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านก็มากกว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามาในโรงพยาบาล ขณะที่ในหลายจังหวัดก็ทยอยกันหายป่วย ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่นานกว่า 14 วัน มากขึ้นเรื่อยๆ ค่อนประเทศแล้ว

ซึ่งนอกจากการมีมาตรการที่ได้มาตรฐานทางกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ การตื่นตัวและความร่วมมือของประชาชนในประเทศที่ทำได้ดี ทำให้ยอดตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ จนทำให้เห็นแนวโน้มในทางบวกดังกล่าว

เมื่อได้เห็นแนวโน้มในทางบวกออย่างที่ว่านั้น ก็ย่อมมีการพูดถึงเรื่อง “การผ่อนคลาย” บางมาตรการควบคุมลงมาบ้าง ซึ่งก็มีเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้น โดยเฉพาะในบางธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง หรือมีความจำเป็นให้มีการ “ทยอยคลายล็อก” ลงมาบ้าง ซึ่งก็มีการพูดถึงมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อได้เห็นตัวเลขจำนวนผู้ป่วยลดลงแบบดีวันดีคืน

แม้ว่าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา มีการแย้มออกมาแล้วว่าจะขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อให้ความเข้มงวดเฝ้าระวังการแพร่ระบาดอย่างได้ผลต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน ก็น่าจะมีมาตรการที่ผ่อนคลายในบางธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย

รวมไปถึงในบางจังหวัดที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างดีเยี่ยม ก็คงจะมีการพิจารณากันเป็นรายจังหวัด และในแต่ละธุรกิจตามมาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แน่นอน

อย่างไรก็ดี เมื่อเป็นแบบนี้ การที่จะต้องขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ย่อมต้องสร้างความอัดอั้นตันใจให้กับพวกที่ “คลั่งเสรีภาพ” จะต้องออกมาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นตัวการ “ปล้นเสรีภาพ” ไปหรือเปล่า ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดความเคลื่อนไหวในแบบที่มีการประท้วงในสหรัฐอเมริกา ที่ขอ “มีเสรีภาพในการตาย” มี “เสรีภาพในการติดเชื้อโควิด” แบบที่เกิดขึ้นมาสองสามวันตามแรงยุของผู้นำที่สติแตกที่นั่น

ดังนั้น หากให้สรุปในภาพรวมๆ เวลานี้ถือว่าทุกอย่างกำลังเดินไปทางที่ดี หรือมาถูกทางแล้ว เพียงแต่ว่าห้ามประมาท “การ์ดอย่าตก” ทุกอย่างยังรัดกุมอยู่เสมอ เพียงแต่บางอย่างอาจมีการผ่อนคลายไปตามสมควร ส่วนเรื่องการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนนั้น มันก็เหมือนกับการ “เข้ม” เอาไว้ก่อน แต่เชื่อว่าบรรยากาศจากนี้คงจะมีการผ่อนคลายมากกว่าเดิม ที่สำคัญ วิถีชีวิตของคนไทยเริ่มปรับตัวใช้ชีวิตในแนวใหม่ได้มากขึ้นแล้ว

แต่อีกด้าน แม้ว่าคงไม่มีเสียงค้านการขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไป เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่มองเห็นถึงความจำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เพียงแต่อาจจะมีบางกลุ่มที่อาจได้อ้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลมาเคลื่อนไหว ด่ารัฐบาล ด่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้าง ถือว่าเป็นสีสันขำๆ ก็แล้วกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น