เมืองไทย 360 องศา
ก็ต้องถือว่ารับฟังข่าวดีกันมาอย่างต่อเนื่องตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการแถลงของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน มีจำนวน 15 ราย มียอดผู้ป่วยสะสม 2,826 ราย หายป่วยและกลับบ้านได้เพิ่มเติม 244 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 49 ราย
“ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ (22 เมษายน) ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่ง และความสำเร็จเล็กๆ ระหว่างทางเราต้องเก็บความสำเร็จเล็กๆ นี้ไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่จบสิ้น การเผชิญไวรัสโควิด-19 เป็นวิกฤตของทั่วโลก ของเราเองแม้ตัวเลขจะต่ำลงมา ก็เป็นความภาคภูมิใจของทั้งประเทศ แต่ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ยังทอดยาวกันไปอีก หลายคนบอกว่าอีกหลายเดือนและบางทฤษฎีบอกว่าอีกเป็นปี การลากยาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง ตัวเลขวันนี้เป็นการทำงานของคนไทยทั้งประเทศที่ทำให้ลดลง ผลของการทำงานวันนี้จะเห็นผลในอีก 14 วันข้างหน้า ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ เบาใจได้ แต่วางใจไม่ได้ การ์ดอย่าตก” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้ ตัวเลขของจังหวัดที่ปลอดเชื้อ จำนวน 14 วัน ก็ยังถือว่ามีแนวโน้มที่ดี มีจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มและแม้ว่าจะมีบางจังหวัดพบผู้ป่วยเพิ่ม แต่ก็ถือว่าเจ๊ากันไป ที่จำนวน 36 จังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า สถานการณ์กำลังมีแนวโน้มไปทางบวกอย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นผลจากความร่วมแรงร่วมใจกันของคนไทยทั้งประเทศ และอย่างที่บอกตัวเลขที่เห็นในวันนี้เป็นผลมาจากเมื่อ 14 วันที่แล้ว ดังนั้น หากยังร่วมมือกันแบบนี้ต่อไป ก็เชื่อว่า ในอีกสัปดาห์ข้างหน้า หรือถัดไปอีก ตัวเลขผู้ป่วยและคนที่หายป่วยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านก็จะมีมากขึ้น จะทำให้มีเตียง มีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้นไปอีก และที่สำคัญ ตัวแพทย์และพยาบาล รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์จะได้มีเวลาไปทุ่มเทรักษาคนป่วยที่เหลือได้อย่างเต็มที่กว่าเดิม
แต่เอาเป็นว่าในเวลานี้ถือว่ามาถูกทาง เมื่อพิจารณาจากตัวเลขก็ถือว่าดีขึ้นทุกตัว เพราะหากมองย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ที่เริ่มมีการระบาดที่เมืองอู่ฮั่นของจีน จำได้ว่าในตอนนั้นประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ “เป็นอันดับสองของโลก” แม้ว่าตัวเลขจะห่างกันมากกับตัวเลขในประเทศจีน แต่ก็ทำให้หลายคนจิตตกเหมือนกันว่า “เราคงจะตายกันหมด” จนแทบเกิดความโกลาหล มีการด่าทอ โจมตีรัฐบาล ด่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสียๆ หายๆ
แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป ประเทศเราก็ค่อยๆ แก้ปัญหาลงไปได้ทีละเปลาะในแบบของเราเอง ด้วยความสำนึก ความตื่นตัว ร่วมไม้ร่วมมือกัน ในแบบจิตอาสา ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทำให้เวลานี้เราได้รับคำชมจากทั่วโลก หลายประเทศที่คิดว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว หลายประเทศในยุโรป หรือแม้แต่อเมริกา ก็ชมเราว่ามีการเตรียมการรับมือและป้องกันได้ดี โดยเฉพาะระบบสาธารณสุขที่สามารถดูแลคนป่วย และคนที่ยังไม่ป่วยได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุม
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งจากผลของการร่วมแรงร่วมใจกันดังกล่าวของคนไทย จนทำให้เกิดผลที่ปรากฏในทางบวกวันนี้ มันก็ต้องแลกกับความเจ็บปวด ความสูญเสีย เหมือนกับว่า “ยอมเจ็บเพื่อจบเร็ว” อะไรประมาณนั้น ดังนั้น เมื่อได้เห็นตัวเลขผู้ป่วยลดลง คนรักษาหายจนออกจากโรงพยาบาลมากกว่าผู้ป่วยรายใหม่ในสัดส่วนที่ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เวลานี้เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวของหลายจังหวัด และภาคเอกชน กำลังเตรียมการเพื่อจะกลับมา “เดินเครื่อง” กันอีกครั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมของ ศบค. ที่จะพิจารณาตามความเห็น ตามมาตรการทางสาธารณสุขเป็นหลัก แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วเชื่อว่า จะมี “ข่าวดี” แน่
อีกทั้งที่ผ่านมาก็ได้เห็นสัญญาณบางอย่างออกมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กล่าวยอมรับในเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง และการควบคุมโรคได้ผลดี ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าจะมีการต่ออายุพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีกหรือไม่
แม้ว่าจะแย้มออกมาว่าอาจจะต่อไปอีก 30 วันก็ตาม แต่ก็น่าเชื่อว่า จะมีการ “ผ่อนปรน” มาตรการบางอย่างออกมาด้วย เช่น จะอนุญาตให้บางธุรกิจ ร้านค้าบางประเภท กลับมาดำเนินกิจการได้ หรือในบางจังหวัดที่ปลอดผู้ติดเชื้อ ก็จะได้รับการพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งจะมีการพิจารณาทบทวนกันในสัปดาห์หน้าก่อนที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 เมษายนนี้
ดังนั้น นาทีนี้แม้เชื่อว่าจะมีการต่ออายุพระราชการกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 30 วัน แต่ขณะเดียวกัน ก็จะมีมาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะเปิดให้บางธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ เพียงแต่มีข้อแม้ในเรื่องการรักษาระยะห่าง และต้องมีมาตรการในการควบคุมป้องกันตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเกรงว่าจะหากปล่อยฟรี ก็จะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่จนเอาไม่อยู่เหมือนกับบางประเทศที่เป็นตัวอย่างในเวลานี้ !!