ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ชาวโซเซียลฯ ทัวร์ลง “ผู้กองเบนซ์” จนต้องขอโทษ บทเรียนไลฟ์โค้ชชื่อดังบนความรู้สึกอ่อนไหว ปมดรามาคลิปโควิด
“ผู้กองเบนซ์” หรือ ร.ต.อ.สี่ทิศ อ่ำถนอม ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ถูก “ทัวร์ลง” เมื่อชาวโซเซียลฯ จากทั่วสารทิศวิพากษ์วิจารณ์คลิปที่โพสต์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “Ep.44 - วิธีคิดให้โควิด เป็นโอกาส”
ในคลิปดังกล่าว “ผู้กองเบนซ์” พูดถึงช่วงโควิด-19 ว่า มีโอกาสมากมายรออยู่ แต่หลายคนกลับยึดติด คิดลบ ขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน เสพแต่คอนเทนต์ที่ปลุก “ความกระจอก” ในตัวเอง เอาแต่เรียกหาความรับผิดชอบจากคนอื่น ให้กลับมาคิดว่าที่ฉิบหายทุกวันนี้เป็นเพราะวิกฤตหรือเป็นเพราะวินัยของมึงกันแน่?
แน่นอนว่า แม้ “ผู้กองเบนซ์” จะเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นคนทำคอนเทนต์ที่ช่วยปลุกใจ ด้วยการพูดจาฉะฉาน ลีลาเร้าใจ ติดเรตที่ออกจะดาร์ก ดิบ เถื่อน โดยที่หลายคลิปที่ผ่านมาเป็นคลิปที่ได้รับการยอมรับว่าเขาพูดจริง พูดตรงใจ เนื้อหาสร้างสรรค์ จนมีชาวโซเชียลฯ ติดตามจำนวนมาก เพจ “ผู้กองเบนซ์ – Capt.Benz” ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 2.6 ล้านคน
แต่สำหรับคลิปโควิด เป็นดรามาขึ้นมาเพราะหลายคนมองว่าเป็นการพูดเหยียด ซ้ำเติมคนที่ได้รับผลกระทบ นั่นเพราะช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดตอนนี้ โดยสถานการณ์ย่อมทำให้ทุกคนเครียดอยู่แล้ว คนทั่วโลกอยู่ในภาวะที่หวาดผวา หวาดกลัว คนอยู่อย่างยากลำบาก กระทั่งงานหรือการดำรงชีวิตปกติประจำวันก็เดือดร้อน แค่ประคองชีวิตให้อยู่รอดก็แย่และเครียดพออยู่แล้วจะให้ลุกขึ้นมาทำนู้นทำนี่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้
เหมือนก่อนหน้านี้ ที่ “เจเค โรลลิ่ง” นักเขียนชื่อดังของโลก ผู้แต่งแฮร์รีพอตเตอร์ออกมาปรามไลฟ์โค้ช และให้เข้าใจผู้ที่ประสบปัญหาจากภัยโควิดที่เป็นวิกฤตหนักหนาสาหัสของคนที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อมีความอ่อนไหวทางอารมณ์และความรู้สึก จึงเห็นว่า คำพูดของ “ผู้กองเบนซ์” นั้นไปในทำนองซ้ำเติม
ดราม่านี้ยังมีชาวเน็ตเชื่อมโยงถึงอาชีพ “ไลฟ์โค้ช“ ว่า เป็นอาชีพที่สร้างความร่ำรวยให้คนที่เป็นไลฟ์โค้ช หากินกับการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความหวัง สร้างฝัน แต่การยกตัวอย่างพูดดูถูกเหยียดยาม กดคนอื่นเสมอ
ความที่ไลฟ์โค้ช “ผู้กองเบนซ์” โด่งดังด้วยอายุน้อยแค่ 34 ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะ “วัยวุฒิ-คุณวุฒิ” ย่อมเป็นเครื่องหมายคำถาม เป็นใครมาจากไหนมาสอนคนอื่น ขณะที่ ว่ากันว่าจิตแพทย์ที่เก่งๆ ต้องเรียนแพทย์ 6 ปี ต่อด้วยการเรียนจิตเวชอีก 3-4 ปี เฉลี่ยแล้วกว่า 10 ปี และต้องเรียนรู้ประสบการทำงานอีกอย่างน้อย 4-5 ปี ก่อนที่จะสามารถเป็นนักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาได้ แต่ในกรณีของไลฟ์โค้ชบางคนอบรมแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตั้งตัวเป็นไลฟ์โค้ช
เมื่อดรามาลุกเป็นไฟไม่มีทีท่าจะหยุด ล่าสุดวันที่ 14 เมษายน “ผู้กองเบนซ์” ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงและขอโทษถึงคลิปโควิดที่เป็นปมโดนทัวร์ลง
“ถ้าผมได้พูดหรือทำอะไรผิดพลาดไป หรือกระทบกระเทือนจิตใจใครไปบ้าง ผมขออภัยทุกท่านจากใจจริงนะครับ และขอขอบคุณสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมจะนำไปปรับปรุง และพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปครับ”
เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญของผู้กองเบนซ์ ดราม่า บนภาวะอ่อนไหวของคนในห้วงวิกฤติแห่งชีวิต ต้องคิดให้หนัก
เจตนาดีแต่บางทีไม่ถูกที่ถูกเวลาก็เกิดดรามาได้
** มันจะจบแล้วมั้ยครับนาย!?? สายมโนทำงานสงสัยปฏิบัติการโยนขี้หรือเกี้ยเซี้ย? หลังอัยการไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค-พานทองแท้” ฟอกเงินกรุงไทย
ตามกันมานานว่าคดีฟอกเงินกรุงไทยที่ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีไปใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นจำเลยที่สุดแล้วจะจบอย่างไร หลังจากศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง อัยการจะอุทธรณ์ต่อหรือไม่
ล่าสุดก็มีคำตอบเมื่อ ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แจงว่าคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง เมื่อคัดถ่ายคำพิพากษามาแล้ว อัยการสำนักงานคดีพิเศษซึ่งฟ้องคดีก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวนอย่างละเอียด โดยในที่สุดคณะทำงานสำนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ “ชอบแล้วที่ยกฟ้อง”
จึงเห็นด้วยกับคำพิพากษา จากนั้นเสนอเห็นควรไม่อุทธรณ์ไปที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูง สำนักงานคดีศาลสูงมี มนต์ชัย บ่อทรัพย์ เป็นอธิบดีอัยการฯ ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คน ร่วมกันพิจารณาสำนวนเช่นกัน
โดยทั้ง 5 คน เห็นเป็นเอกฉันท์ เห็นพ้องต้องกันว่าคำพิพากษาของศาลที่ยกฟ้อง “พานทองแท้” ว่าไม่ได้กระทำผิดนั้นชอบแล้ว พูดง่ายๆ คือ ทั้งอัยการคดีพิเศษและอัยการคดีศาลสูงเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ยกฟ้อง
แต่... มันจะจบแล้วมั้ยครับนาย?
ฟังว่า โดยหลักการขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างพิจารณา ถือว่าไม่ถึงที่สุด สามารถไปอีกหลายขั้นตอนตามกฎหมาย จากนี้สำนวนจะถูกเสนอไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขึ้นอยู่กับ “ดีเอสไอ” จะพิจารณาเห็นแย้งหรือเห็นด้วย ถ้าเห็นด้วยกับอธิบดีอัยการศาลสูงก็จบ ไม่ต้องเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด แต่ถ้าเห็นแย้งก็จะไปที่อัยการสูงสุด
คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง “พานทองแท้” เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2561 จากกรณีรับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่ง “โอ๊ค” ถูกกล่าวหาว่าเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยกับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มี วิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับ รัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกชายของวิชัย และอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ตกเป็นจำเลย ซึ่งต่อมาถูกพิพากษาจำคุก
ว่ากันว่า พอรองโฆษกฯ แจกแจง ก็มีคำถามจากสื่อเป็นชุด สงสัยระคนแปลกใจว่า อย่างเช่น ถึงคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่เป็นศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่มีองค์คณะผู้พิพากษาท่านหนึ่งทำความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาให้ลงโทษ “พานทองแท้” ถูกนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่
ปกติธรรมดาแล้ว อัยการที่เปรียบเป็นทนายของแผ่นดิน เมื่อคดีนี้อัยการเป็นผู้สั่งฟ้องเอง ทำไมไม่ไปให้สุดทาง?
พอสงสัยกันมาก ท่านก็โยนว่าเป็นเรื่องที่ลงลึกในรายละเอียดไม่ได้... เมื่อถามว่าหากประชาชนมีความข้องใจจะต้องแถลงชี้แจงรายละเอียดหรือไม่ ท่านก็ว่าอีกว่า ที่ศาลยกฟ้องโดยคำพิพากษาของศาล ศาลตัดสินอย่างไร ท่านพิจารณาโดยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมอยู่แล้ว สิ่งที่อัยการเราเห็นก็คือสิ่งเดียวกับที่ศาลท่านยกฟ้อง กระบวนการทั้งหมดมีการตรวจสอบละเอียดรอบคอบ รัดกุมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่ศาลพิพากษาตัดสินมาอย่างนั้นก็แสดงว่าศาลท่านได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว
งานนี้ยิ่งตอบยิ่งไม่เคลียร์ “สายมโน” ทั้งหลายก็อดคิดไม่ได้ว่า คล้ายๆ อัยการพยายามจะปัดให้พ้นส่วนที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ที่ควรจะเป็นหรือไม่?
สุดท้ายแล้วเป็นปฏิบัติการ “โยนขี้” ไปที่ดีเอสไอหรือเปล่า
“สายมโน” พวกที่ชอบจินตนาการก็คงคิดต่อไปกันต่างๆ นานาว่าอัยการไม่อุทธรณ์ เป็นเพราะ “โอ๊ค” นามสกุลชินวัตร เส้นใหญ่ หรือมีการเกี้ยะเซี้ยะ ตั้งธงกันไว้แล้ว?
เอาเป็นว่า กลับสู่โลกความเป็นจริงไว้ก่อน เมื่อคดียังไม่จบ มหากาพย์นี้ก็ต้องโปรดติดตามกันในตอนต่อไป