xs
xsm
sm
md
lg

เจาะดรามา “ผู้กองเบนซ์” ด่าคนอยู่บ้านเฉยๆ ช่วงโควิด “ขี้เกียจ-กระจอก” ย้ำไม่ได้ซ้ำ แค่ให้เปลี่ยนแปลง!! [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจาะใจ #ผู้กองเบนซ์ โดนฉะแหลก จนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ปล่อยคลิปหาว่าคนอยู่บ้านเฉยๆ ช่วงโควิด-19 เสพคอนเทนต์สนับสนุนความกระจอก งานมีเยอะแยะไม่รู้จักทำ สังคมตั้งคำถามปลุกใจหรือซ้ำเติม ยอมรับไม่สนใจว่าคนจะด่ามานานแล้ว แค่อยากให้คนได้ตระหนัก อย่ามัวแต่รอความช่วยเหลือ พร้อมตอบคำถามการวิจารณ์อาชีพไลฟ์โค้ชของ “J.K. Rowling” นักเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์



ไม่ใช่ซ้ำเติม แค่อยากให้เปลี่ยนแปลง

“ผมไม่ได้มองเป็นการซ้ำเติมเลย เป็นธรรมดาที่เรานำเสนออะไรออกไป จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ จะมีทั้งคนที่รู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจแล้วก็ซ้ำเติม ถ้าคนรู้สึกว่าซ้ำเติมก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนรู้สึกว่าเป็นกำลังใจมันก็ดี

ขอยืนยันว่าจุดประสงค์จริงๆ ก็เพื่อเป็นการให้คนได้ตระหนักได้คิดจริงๆ ว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะนะถ้าคุณคิดจริงๆ อย่ามัวแต่รอความช่วยเหลือนะ”

ผู้กองเบนซ์ - สี่ทิศ อ่ำถนอม อดีตข้าราชการตำรวจวัย 34 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังจากมีกระแสดรามาจนแฮกแท็ก #ผู้กองเบนซ์ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ประเทศไทย ซึ่งเกิดจากคลิปที่โพสต์ผ่านเพจ “ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz” ที่มีชื่อคลิปว่า Ep.44 วิธีคิดเปลี่ยนโควิด ให้เป็นโอกาส Work for Home มียอดผู้เข้าชมเกือบ 2 ล้านคน

เนื้อหาในคลิปเป็นการออกมาแนะวิธีคิดเปลี่ยนโควิดให้เป็นโอกาส สำหรับคนที่อยู่บ้านแล้วไม่ได้ทำงาน เพราะได้รับผลกระทบ ว่ามีโอกาสมากมายรออยู่ แต่หลายคนกลับขี้เกียจ

“ยึดติด คิดลบ ขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน กลัว มึงก็ติดอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ มึงก็เสพเข้าไปดิ ไอ้content สนับสนุนความกระจอกในตัวมึง เสพเข้าไป เรียกหาความรับผิดชอบจากคนอื่นเข้าไป แล้วมึงก็นั่งดูว่า ที่มึงฉิบหายจะตายห่าอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเพราะวิกฤตหรือเพราะวินัยมึง”




นี่เป็นเพียงคำพูดบางส่วนในคลิป ที่กลายเป็นดรามาร้อนแรง ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย บางฝ่ายก็มองว่าสิ่งที่ผู้กองเบนซ์บอก เป็นสิ่งที่ดี ช่วยปลุกใจ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่า ไม่ต่างกับการซ้ำเติมคนที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว

“ผมมองว่าจริงๆ ก็แล้วแต่คนจะมอง ผมรู้ว่าเจตนาของผม คือถ้ามันทำแล้วต้องการซ้ำเติมคนจริงๆ คนจะต้องพร้อมใจกันด่า 100% แต่นี่คือ ตอนแรกที่ทำคลิปนี้ออกไป หลายต่อหลายคนที่เขาคิดได้

คลิปนี้ถ้าเขาดูจริงๆ เขาจะรู้ว่าไอ้การที่ให้ไปขับแกร็บ หรือให้ไปทำอะไร มันเป็นแค่การยกตัวอย่าง เรามองเห็นอย่างนั้นถูกไหม เป็นแค่การยกตัวอย่างเฉยๆ ถ้าเกิดเขารู้สึกว่า อันนี้คือทางเลือกเดียว อันนี้ระบบความคิดน่าจะมีปัญหาแล้ว พอคลิปนี้ออกไป คนแชร์เยอะมาก แล้วก็มีแต่คนที่คิดได้เนอะ แล้วก็ชื่นชมว่ามันเป็นประโยชน์

ก็มีคนมาแชร์ว่าตัวเองเริ่มต้นสร้างชีวิตในช่วงนี้แหละ บางคนก็บอกว่าช่วงโควิดทำให้เขาขยันมากขึ้น ช่วงแรกก็มีคนชมเยอะ ก็ธรรมดาคนชมก็รู้อยู่แล้วว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราบอกออกมาก่อนหน้านี้แล้วเราจะออกมาพูดเรื่องนี้ ออกมาให้ไอเดียเรื่องนี้เรื่อยๆ

แล้วก็พอว่ามันดังไป มันก็ไปโดนคนวงนอกที่ไม่รู้จักเราไง พอไม่รู้จักเราพอเห็นแบบนี้ก็หนึ่งไม่รู้จัก สองก็คืออาจจะมีบางคำพูดไปกระทบเขา พอไปกระทบความคิดเขา มันไปโดนตัวกระจอกในใจเขาเอง เขาก็เลยเกิดเดือดดาลขึ้นมา ก็ธรรมดาไป ก็แล้วแต่ว่าใครจะมอง”




สำหรับผู้กองเบนซ์นั้นโด่งดังจากการทำคลิปวิดีโอย่อยเนื้อหาธรรมะให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย ในสไตล์ แรง ชัด จัดหนัก จัดเต็ม ผลงานของเขากลายไวรัลว่อนโลกออนไลน์ และส่งให้มีผู้ติดตามเพจทะลุ 2,600,000 คนไปแล้ว

นอกจากนี้ ผู้กองเบนซ์ยังมองว่าดรามาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ พร้อมย้ำว่าไม่ได้ต้องการที่จะซ้ำเติม หรือดูถูก หากมีอะไรให้ช่วยก็สามารถบอกได้

“มองเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ได้สะดุ้งสะเทือน คนที่เห็นด้วยก็ดีครับ ผมเป็นกำลังใจให้ ถ้าเกิดว่ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้ ส่วนคนที่เขาไม่เห็นด้วยก็เป็นกำลังใจให้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกผิดหรือรู้สึกอะไรกับคลิปนี้ เพราะว่าผมเห็นมาพอสมควรแล้วกับคนที่ผลลัพธ์ชีวิตไม่ค่อยดี คนส่วนใหญ่ที่มาด่าผลลัพธ์ชีวิตก็ไม่ได้ดี

คนดังส่วนใหญ่ที่มาด่าผู้กองเบนซ์แล้วคนสนใจไง ก็โอเค ก็แล้วแต่ ถือว่าผมได้เป็น topic ของเขา แต่ว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นอีกไม่นานหรอก แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็หายไป”





นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าหากทุกคนมีวินัยที่ดี ก็จะสามารถผ่านทุกวิกฤตไปได้ด้วยดีเช่นเดียวกัน และยังเชื่อมาตลอดว่า สิ่งที่มันเหนี่ยวรั้งคนไว้มีอยู่ 5 อย่างเท่านั้น ยึดติด คิดลบ ขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน แล้วก็กังวล

คนจะทุกข์ได้เพราะยึดติดกับอดีต กับอีกอย่างที่จะทุกข์ได้คือกังวลถึงอนาคต ถ้าเขาอยู่กับปัจจุบัน ตั้งสติอยู่กับปัจจุบันว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

“วิกฤตมันเกิดทุกวินาทีนะวิกฤตอะ แล้วแต่คนมอง แต่ถ้าคุณมีวินัย แล้ววินัยเนี่ยแหละจะทำให้คุณอยู่รอด แล้วเมื่อวิกฤตหายไป แล้ววินัยก็ยังคงอยู่นะ ถ้าเรามีวินัยตั้งแต่ไหนแต่ไร เราก็จะเตรียมตัว เราก็จะเตรียมพร้อมกับมัน ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่เราก็จะมองหาหนทางที่เราจะเอาชีวิตให้รอด

ทำไปแล้วร้อยคน ล้านคนด่า แต่มีเพียงแค่คนเดียวที่สามารถเอาแนวคิดในคลิปนี้เอาไปเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ซึ่งมี เขาก็มาแสดงตัวอยู่ในคลิปตลอดเวลา ผมภูมิใจกับการที่ได้มีส่วนหนึ่งทำให้คนคนนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิต กับการที่ล้านคนในโลกยังด่าอยู่ก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นในหลักการนี้

ไม่สนใจว่าจะโดนด่ามานานแล้ว แล้วก็รู้อยู่แล้วว่าเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทุก Ep ตั้งแต่ Ep1 จนถึง Ep44 เพียงแต่ว่า Ep นี้อาจจะไปกระทบแล้วก็ไปเข้าหูคนดังสักคนสองคน แล้วคนดังคนนั้นก็มีอิทธิพลในกลุ่มของเขาอย่างที่บอก คนของเขาก็เข้ามาโวยวายกับเรา ซึ่งก็อาจจะคนละพื้นฐานกัน ซึ่งไม่เป็นไร ตอนนี้เข้าใจแล้ว

มันก็เหมือนหนังสือในร้านหนังสือ ถ้าปกไหนไม่น่าสนใจก็เลื่อนผ่านไปบ้าง มัวแต่มาวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเล่มนั้นอยู่มันมีประโยชน์อะไรกับเขาหรือเปล่า ถ้ามันมีประโยชน์ก็ทำต่อไป ผมก็รู้ว่าผมมีประโยชน์ก็ทำของผมต่อไป

แม้เราจะเป็นเพียงแสงสว่างจากแท่นแค่ดวงเดียว เดินไปที่ไหนเราก็สว่างของเรา ความมืดทั้งโลกมันทำอะไรได้ ทำไม่ได้ เขาทำอะไรได้มากกว่านี้ละนอกจากด่า เขาทำอะไรให้สังคมได้มากกว่านี้เหรอ ใช่ไหม”




โยงดรามาอาชีพไลฟ์โค้ช

ไม่จบเพียงเท่านี้ ดรามานี้ยังถูกโยงไปพูดถึงอาชีพไลฟ์โค้ช เมื่อมีคนยกคำพูดของ J.K. Rowling นักเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ออกมาบอกว่า การที่พวกไลฟ์โค้ชบอกว่าคนอื่นขี้เกียจ ขาดแรงกระตุ้นที่จะทำอะไรใหม่ๆ ในช่วงที่เกิดวิกฤต ไม่ใช่การพยายามปลุกใจ แต่มันคือการประณามหยามเหยียดคนอื่น

ผู้กองเบนซ์ก็ได้แสดงถึงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ยอมรับว่านักเขียนชื่อดังพูดถูก แต่จะให้ทำอย่างไร จะให้อยู่เฉยๆ ก็คงไม่ได้ พร้อมออกมาปฏิเสธว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นไม่ใช่ไลฟ์โค้ช เป็นเพียงการเหมารวมของคนทั่วไปเท่านั้น

การที่ J.K. Rowling พูดแบบนั้นก็ถูกของเขาเลย ยอมรับเลยว่า J.K. Rowling ก็พูดถูก แต่จะให้ทำไงเหรอ จะให้อยู่เฉยๆ รับชะตากรรมนี้ด้วยกันนะ พวกเราต้องโดนกระทำจากโลกนี้พร้อมกันนะอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าให้ทำอย่างนั้น J.K. Rowling ก็บอกมา

ได้ไปดูต้นฉบับมาแล้ว คนที่ J.K. Rowling เขาด่า เป็นฝรั่งด้วยกันเนี่ยแหละ ออกมาบอกว่าคุณต้องสู้เพราะคุณมันขี้เกียจ ซึ่งจริงๆ สิ่งที่เขาพูดมันถูกไหม มันไม่ผิดเลย เพราะว่า 5 อย่างพื้นฐานที่ทำให้คนไม่สามารถที่จะไปต่อได้ในชีวิตก็คือยึดติด คิดลบ ขี้เกียจ ฟุ้งซ่าน กังวล

สิ่งนี้ผมไม่ได้พูดเองนะ พระพุทธเจ้าพูดไว้ มันคือนิวรณ์ 5 ประการ คนส่วนใหญ่ก็ติดอยู่ใน 5 ประการ เวลาที่ได้ยินสื่อ หรือคลิปไปจี้โดนจุดตรงนี้เข้า เขาก็จะรู้สึกว่าเขากำลังถูกทำร้าย แต่คำถามคือแล้วเขาจะทำอย่างไรให้เขาไม่รู้สึกว่าถูกทำร้ายล่ะ

วิธีการง่ายที่สุดก็คือว่าเราต้องทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันมีอยู่ในตัวเขาจริงๆ แล้วเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงนะ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแปลงช่วยไม่ได้จริงๆ

ประเด็นคือคนส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง ติดอยู่ในดรามาที่ว่าฉันคือคนที่ถูกทำร้ายตลอดเวลา เพราะฉะนั้นพอมีคนที่ออกมาบอกว่าคุณต้องสู้นะ คุณต้องตั้งสติ ต้องคิดนะ คนที่ออกมาพูดแบบนั้นก็เลยถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายสำหรับเขา เพราะเขาต้องการหาใครที่ออกมารับผิดชอบบางอย่าง ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเขา”




ส่วนประเด็นที่หลายคนบอกว่า ผู้กองเบนซ์ไม่ได้รับกระทบจากโควิด ก็ไม่มีสิทธิมาต่อว่าคนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าตัวเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่รู้จักคิด วางแผนล่วงหน้าจึงยังสามารถประคับประคองผ่านวิกฤตในครั้งนี้ได้

“ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับผลกระทบเลย เราเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ลูกศิษย์เราคนที่อยู่รอบๆ ตัวเราปรึกษาเราเยอะมาก พอเราให้คำแนะนำเขาไปถ้าเขาเอาจริง เขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้

แต่ก่อนหน้านี้เราเตรียมมานานแล้ว อย่างเงินในบริษัทก็สำรองไว้ใช้จ่ายล่วงหน้ากรณีไม่มีรายได้เลย 6 เดือน คือผมสำรองแบบนี้มานานแล้ว คือผมต้องใช้เดือนหนึ่งประมาณ 500,000 บาท ในบัญชีบริษัทผมมีทุนสำรองอยู่ 6 เดือน

คือเราก็สำรองแบบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าวิกฤตจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็แล้วแต่ เราก็สำรองไว้แบบนี้ เพราะฉะนั้นกับคำถามที่ว่าเรากระทบไหม บอกเลยว่าเราก็กระทบเช่นเดียวกัน แต่เราเห็นทางออกเดียวเท่านั้นก็คือการที่จะต้องนั่งคิดให้ดีว่ามันมีอะไรทำได้อยู่เยอะมาก

มันมีวิกฤตแต่คนมันมีความต้องการ เพราะฉะนั้นแล้วหาความต้องการขอคนให้เจอ คุณทำอะไรได้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์”




ท้ายนี้ผู้กองเบนซ์ยังฝากอีกว่า อย่ายึดติดกับอดีตมากเกินไป ให้อยู่กับปัจจุบัน ตั้งสติให้มั่น พร้อมเป็นกำลังใจให้แก่ทุกคนที่กำลังเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

“ตั้งสติให้มั่น มันไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะมีอุปการคุณกับเรามากเท่ากับสติ อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น อย่าไปนึกถึงอนาคตให้มันมากเกินไปนัก อย่าไปยึดติดอยู่กับอดีตมากเกินไปนัก

ลองดูสิว่าตัวเรามีประโยชน์อะไรแล้วทำสิ่งนั้นออกมาทันที ประกาศตัวออกไปว่าฉันทำสิ่งนี้ได้นะ ใครอยากให้ฉันช่วย ฉันยินดี สิ่งนี้จะเป็นตัวก่อเกิดอาชีพ ก่อเกิดรายได้เข้ามา

จริงๆ แล้วก็อยากเป็นกำลังใจให้แก่สังคมนะ เพราะว่านี่มันเหมือนเป็นเครื่องสะท้อนแล้วว่าเราอยู่ในเรื่องลบๆ จนเป็นนิสัย แล้วเราก็สนุกกับมัน เวลามีใครคนใดคนหนึ่งมาบอกว่าคุณต้องออกมาได้แล้วนะ กลับกลายเป็นว่ามันเป็นแบบนี้ มันเกิดจากการที่เราอยู่ในเรื่องแย่ๆ จนเคยชินแล้วก็สนุกกับมัน

ยังไงก็แล้วแต่ก็ขอบคุณทุกคนแหละ แม้ว่าเขาจะชอบไม่ชอบหรืออะไรยังไง อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้เกิดอะไรในใจขึ้นมา”







View this post on Instagram

A post shared by LIVE Style (@livestyle.official) on


ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz”
ข่าว : MGR Live
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล

** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


กำลังโหลดความคิดเห็น