ผู้จัดการรายวัน 360 - “คณะทำงานอัยการศาลสูง” มติเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค” ฟอกเงินกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร 10 ล้านบาท รอ “ดีเอสไอ” เห็นแย้งหรือไม่
วานนี้ (14 เม.ย.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการอุทธรณ์คดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นจำเลยในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในส่วนเช็ค 10 ล้านบาท ว่า คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง เมื่อคัดถ่ายคำพิพากษามาแล้ว ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษซึ่งฟ้องคดี ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวนอย่างละเอียด โดยในที่สุดคณะทำงานสำนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯชอบแล้วที่ยกฟ้อง จึงเห็นด้วยกับคำพิพากษา จากนั้นเสนอเห็นควรไม่อุทธรณ์ไปที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูง สำนักงานคดีศาลสูงมีนายมนต์ชัย บ่อทรัพย์ เป็นอธิบดีอัยการฯ ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คน ร่วมกันพิจารณาสำนวนเช่นกัน
“ทั้ง 5 คน เห็นเป็นเอกฉันท์ เห็นพ้องต้องกันว่า คำพิพากษาของศาลที่ยกฟ้องนายพานทองแท้ว่าไม่ได้กระทำผิด นั้นชอบแล้ว พูดง่ายๆ คือทั้งอัยการคดีพิเศษและอัยการคดีศาลสูงเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ยกฟ้อง ก็เลยเสนอสำนวนไปที่ดีเอสไอ ต่อไปก็อยู่ที่ขั้นตอนของดีเอสไอ ส่วนรายละเอียดทำไมเห็นด้วย นั้นคดียังไม่ถึงที่สุด ไม่สามารถที่จะลงไปในรายละเอียดได้ แต่หลักใหญ่ที่ตอบได้คือ คณะของอัยการเห็นด้วยกับการตัดสินของศาล” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุ
นายประยุทธ กล่าวถึงขั้นตอนขณะนี้ว่า อยู่ระหว่างที่ดีเอสไอจะพิจารณาเห็นแย้งหรือเห็นด้วย ถ้าดีเอสไอเห็นด้วยกับอธิบดีอัยการศาลสูงก็จบ ไม่ต้องเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด แต่จะไปอัยการสูงสุดต่อเมื่อดีเอสไอมีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการเท่านั้น
เมื่อถามถึงคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯที่เป็นศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่มีองค์คณะผู้พิพากษาท่านหนึ่งทำความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาให้ลงโทษนายพานทองแท้
นายประยุทธ กล่าวว่า คดียังอยู่ระหว่างพิจารณา คดียังไม่ถึงที่สุด ทำให้ไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้ เมื่อถามว่าหากประชาชนมีความข้องใจ จะต้องแถลงชี้แจงรายละเอียดหรือไม่
นายประยุทธ กล่าวว่า สิ่งที่อัยการเราเห็นก็คือสิ่งเดียวกับที่ศาลท่านยกฟ้อง กระบวนการทั้งหมดมีการตรวจสอบละเอียด รอบคอบ รัดกุมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่ศาลพิพากษาตัดสินมาอย่างนั้น ก็แสดงว่าศาลท่านได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว
วานนี้ (14 เม.ย.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการอุทธรณ์คดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นจำเลยในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในส่วนเช็ค 10 ล้านบาท ว่า คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง เมื่อคัดถ่ายคำพิพากษามาแล้ว ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษซึ่งฟ้องคดี ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวนอย่างละเอียด โดยในที่สุดคณะทำงานสำนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯชอบแล้วที่ยกฟ้อง จึงเห็นด้วยกับคำพิพากษา จากนั้นเสนอเห็นควรไม่อุทธรณ์ไปที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูง สำนักงานคดีศาลสูงมีนายมนต์ชัย บ่อทรัพย์ เป็นอธิบดีอัยการฯ ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คน ร่วมกันพิจารณาสำนวนเช่นกัน
“ทั้ง 5 คน เห็นเป็นเอกฉันท์ เห็นพ้องต้องกันว่า คำพิพากษาของศาลที่ยกฟ้องนายพานทองแท้ว่าไม่ได้กระทำผิด นั้นชอบแล้ว พูดง่ายๆ คือทั้งอัยการคดีพิเศษและอัยการคดีศาลสูงเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ยกฟ้อง ก็เลยเสนอสำนวนไปที่ดีเอสไอ ต่อไปก็อยู่ที่ขั้นตอนของดีเอสไอ ส่วนรายละเอียดทำไมเห็นด้วย นั้นคดียังไม่ถึงที่สุด ไม่สามารถที่จะลงไปในรายละเอียดได้ แต่หลักใหญ่ที่ตอบได้คือ คณะของอัยการเห็นด้วยกับการตัดสินของศาล” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุ
นายประยุทธ กล่าวถึงขั้นตอนขณะนี้ว่า อยู่ระหว่างที่ดีเอสไอจะพิจารณาเห็นแย้งหรือเห็นด้วย ถ้าดีเอสไอเห็นด้วยกับอธิบดีอัยการศาลสูงก็จบ ไม่ต้องเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด แต่จะไปอัยการสูงสุดต่อเมื่อดีเอสไอมีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการเท่านั้น
เมื่อถามถึงคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯที่เป็นศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่มีองค์คณะผู้พิพากษาท่านหนึ่งทำความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาให้ลงโทษนายพานทองแท้
นายประยุทธ กล่าวว่า คดียังอยู่ระหว่างพิจารณา คดียังไม่ถึงที่สุด ทำให้ไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้ เมื่อถามว่าหากประชาชนมีความข้องใจ จะต้องแถลงชี้แจงรายละเอียดหรือไม่
นายประยุทธ กล่าวว่า สิ่งที่อัยการเราเห็นก็คือสิ่งเดียวกับที่ศาลท่านยกฟ้อง กระบวนการทั้งหมดมีการตรวจสอบละเอียด รอบคอบ รัดกุมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่ศาลพิพากษาตัดสินมาอย่างนั้น ก็แสดงว่าศาลท่านได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว