xs
xsm
sm
md
lg

เกินไปแล้ว! “ดร.นิว” จวกยับ แก๊งต่ำตม ด่า “ลุงตู่” เหมือนหมูเหมือนหมา เทียบอเมริกัน ไม่มีใครโยนผิดให้ “ทรัมป์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.นิว” จวกยับแก๊งต่ำตมในโลกโซเชียลฯ ด่า “ลุงตู่” เหมือนหมูเหมือนหมา ทั้งที่อายุมากกว่าบิดามารดา ไม่มีมารยาททางการเมืองตามหลักประชาธิปไตยสากล เห็นแก่ตัว ต่างกับคนอเมริกัน ไม่มีใครโยนผิดให้ “ทรัมป์”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ตามข่าวที่ไทยแต่ใจหดหู่”

โดยระบุว่า “ผมไม่ใช่แฟนคลับลุงตู่

ผมไม่ได้เลือก พปชร. ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

วันก่อนที่กลับเมืองไทยช่วงปีใหม่มี 3 พรรคการเมืองมาทาบทามผมไปทำงานการเมืองด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มี พปชร. แล้วก็มีเครือข่ายการเมืองอื่นๆ ที่ผมไปพบปะเจอะเจอเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ ก็ไม่ได้มี พปชร.เลยจริงๆ อีกเหมือนกัน

มาวันนี้ ผมรู้สึกแย่มากๆ ที่เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มเดียวที่เป็นกลุ่มแอบอ้างว่า ตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่มีตัวตนและปิดบังตัวตนในโลกโซเชียลฯ ของประเทศไทย แต่กลับมีพฤติกรรมที่ต่ำตมออกมาด่าและดูถูกเหยียดหยามลุงตู่เหมือนหมูเหมือนหมา หรือจนแทบหมดสิ้นความเป็นคน ทั้งๆ ที่ลุงตู่อายุมากกว่าบิดามารดาพวกเขา แล้วก็ทำงานหนักจนสุขภาพดูย่ำแย่ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

เหอะๆ ใครจะปั่นกระแสสร้างภาพโกหกหลอกลวงประชาชนในโลกโซเชียลเก่งเหมือนศาสดาของพวกเขากันละครับ? แม้นความดีไม่เคยมีปรากฏ แต่ก็ลุ่มหลงงมงายราวกับเป็นเทพเจ้า จนขนาดที่ทำผิดกฎหมายชัดๆก็ยังบอกว่า ถูกกลั่นแกล้ง โดยที่ไม่เคยพูดถึงตัวบทกฎหมายและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว

ในขณะที่ตัวของคนกลุ่มนี้กลับไม่เคยช่วยอะไรให้สังคมดีขึ้นเลย วันๆ เอาแต่ด่าคนอื่นในโซเชียลฯ ไปทั่ว โดยไม่คำนึงถึงความจริงในโลกของความเป็นจริงของเหตุการณ์ในโลกและสังคม สนใจแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว จมปลักอยู่กับโลกโซเชียลฯ และข้อมูลโกหกที่ถูกปั่นกระแสขึ้นมา แล้วที่ด่าๆ ออกมาก็มีแต่สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวที่รู้สึกขัดใจที่อาจจะขัดต่อความสุขส่วนตัวหรือความเชื่อส่วนตัวแทบทั้งนั้น

หารู้ไม่...ต่างประเทศประสบปัญหา COVID-19 มากกว่าไทย แถมมาตรการการรับมือต่างๆ ก็ห่วยกว่า ดูจากการแพร่ระบาดในยุโรปตอนนี้ที่หนักกว่าไทยเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ไทยเคยติดอันดับสองในการแพร่ระบาดรองจากจีนในระยะต้นๆ และการแพร่ระบาดในยุโรปนั้นเกิดขึ้นในภายหลัง แต่กลับไม่ได้ใช้โอกาสและการเตรียมตัวที่ดีเพื่อป้องกันหรือรองรับการแพร่ระบาดให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เห็นอยู่ในตอนนี้เลย

ส่วนที่อเมริกาเนี่ย ช่วงแรกๆ ไม่มีป้องกันอะไรเลยจริงๆ ที่สนามบินก็ไม่มีตรวจ หรือคัดกรองอะไรเลยทั้งนั้น ทั้งๆที่ไทย และประเทศอื่นๆ เขาเริ่มมีการคัดกรองกันแล้ว

แล้วอเมริกานี่ก็เพิ่งมาตรวจแบบจริงๆ จังๆ เหมือนวัวหายล้อมคอก ถึงพบจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เฉกเช่นทุกวันนี้ ที่ยังตรวจไม่พบเพราะไม่ได้ตรวจอีกเท่าไหร่ นี่ไม่อยากจะพูดเพราะคนอเมริกันแทบจะบ่นเป็นเสียงเดียวกันเลย

แต่ผมก็ไม่เห็นใครโยนความผิดทั้งหมดไปที่ทรัมป์ หรือด่าทรัมป์แบบเสียๆ หายๆ ถึงขั้นดูถูกเหยียดหยามจนหมดความเป็นคน แล้วบอกให้ทรัมป์ลาออกท่ามกลางวิกกฤตการณ์ระดับโลกด้วยอคติหรือความเห็นต่างทางการเมืองแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลกโซเชียลฯ ของไทย ทั้งๆ ที่ทรัมป์เองก็ค่อนข้างมีมาตรการที่ล่าช้าและดูไม่ได้ตระหนักถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในตอนต้น

นี่คือความเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกที่มีมารยาททางสังคมสูงมาก ที่ถึงแม้จะมีความเห็นต่าง แต่ก็สู้กันด้วยเหตุและผลอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีความเคารพต่อกฎหมายและกติกาของสังคม มีความรับผิดชอบต่อการกระทำ และเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เอาหลักการของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาหลักกูเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่พอมีสิทธิเสรีภาพแล้วก็จะด่าหรือดูถูกเหยียดหยามคนอื่นเหมือนกับหมูเหมือนกับหมายังไงก็ได้ตามใจฉัน

ภาพจากแฟ้ม
ไม่มีขบวนการระดมคนไปเข้าด่าคนอื่นตามขบวนการชี้เป้าของคนที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลฯ ของไทยหรอกครับ

มันเป็นอะไรที่บ้าบอ วิปริต และขัดกับเสรีภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบตามหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงมากๆ

เพื่อนร่วมงานของผมหลายๆ คนก็ไม่ชอบทรัมป์ถึงขั้นเกลียด และต่อให้ไม่ชอบหรือเกลียดทรัมป์แค่ไหน รู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของทรัมป์แค่ไหน เขาก็บ่นๆ วิจารณ์ด้วยเหตุผลที่รับฟังได้แบบอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และมีมารยาททางสังคมที่ดีโดยปราศจากความต่ำตมและกักขฬะแบบคนกลุ่มดังกล่าวในโลกโซเชียลฯ ของไทยเลยจริงๆ

ส่วนเรื่องความตื่นตระหนก ตื่นตระหนกกันทั่วโลก การกักตุนอาหารและสินค้าก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมืองเฟย์เอตต์วิลล์ รัฐอาร์คันซอ ที่อเมริกาที่ผมอยู่ในตอนนี้ก็ขาดแคลนสินค้าแบบไม่ได้แตกต่างไปจากที่ประเทศไทยเลย

ล่าสุดวันนี้เองอาหารจำพวกของสดก็หมดเร็วมาก ไปตอนเย็นก็หายไปเกือบหมดแล้ว ชั้นวางของต่างๆ ก็โล่งมากขึ้นกว่าเมื่อวันก่อนจริงๆ

สรุปคือ หลายประเทศทั่วโลกกำลังประสบปัญหาหนักกว่าไทยมาก ดูได้จากข่าวทั่วไป หรือข้อมูลต่างๆ ที่มีการอัปเดตแบบเรียลไทม์ แต่ไม่มีคนกักขฬะและต่ำตมที่ไม่ช่วยอะไรให้สังคมที่พวกเขาอยู่ดีขึ้น แล้วยังคอยซ้ำเติมให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกแบบที่ประเทศไทยมี

ประเทศเรามีแบบนี้ มันไม่น่าภูมิใจเลยจริงๆ ครับ

ความต่ำตมมันเกินขอบเขตไปแล้วจริงๆ

ความเป็นประชาธิปไตยคงจะไม่มีอยู่จริงสำหรับคนพวกนี้ หรือมีก็คงจะเป็นแค่ประชาธิปไตยจอมปลอม

มารยาททางสังคมที่เป็นสากลในขั้นพื้นๆ ก็คงไม่ต้องไปคาดหวัง

เพราะความเป็นคนที่แสดงออกมายังหาไม่เจอเลยจริงๆ
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

อ้างอิง...https://topic.newsbreak.com/covid-19.html

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ของนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “มีใครเบื่อและรำคาญพวก ดารา/นางงาม ที่ออกคลิปต่อว่า ตั้งคำถามกดดันรัฐบาล กรณี Covid 19 แบบผมบ้าง?”

ทั้งนี้ มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นว่าเบื่อจำนวนมาก รวมทั้ง ดร.เสรี วงษ์มณฑา ตอบโพสต์ว่า เบื่อและรังเกียจมากค่ะ (จากไทยโพสต์)

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ มีคนบางกลุ่มพยายามฉวยโอกาส โหนกระแสที่รัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผชิญวิกฤตใหญ่หลวงจากไวรัส “โควิด-19” ระบาดหนักทั่วโลก รวมทั้งในไทย เช็กบิลลุงตู่จากปมปัญหาสืบทอดอำนาจเผด็จการ ซึ่งเป็นเรื่องของการรัฐประหาร เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง ที่กำลังจะเข้าสู่การนองเลือด แล้วคนบางกลุ่มในประเทศ อ้างเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นเผด็จการทหาร จึงไม่พอใจ เพราะขัดกับอุดมการณ์ตัวเอง

โพสต์ของ ดร.นิว จึงสะท้อนความจริงข้อที่ว่า พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยสนใจวิธีการ ขอให้เป้าหมายถูกกำจัดก็พอ และอย่าถามถึงความเป็นคนของพวกเขาเลยที่จะแบ่งเบาภาระสังคม ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 มันหาไม่ได้แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น