วันที่ 6 มี.ค.63 เมื่อเวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ที่จะมาเล่าเรื่องราวของคนไทยที่ลักลอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย หรือเรียกว่า “ผีน้อย” ที่ต่างกำลังเดินทางกลับสู่ประเทศไทยเพื่อหนีเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในประเทศเกาหลี ...สถานการณ์แบบนี้ควรทำอย่างไร จะเป็นจุดเริ่มต้นการความแตกแยกในสังคมหรือไม่ พร้อมกับเปิดปริศนาคดี ฆาตกรรมโหดอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
ในประเด็นแรงงานไทยที่ลักลอบทำงานในเกาหลีใต้หรือที่เรียกว่า “ผีน้อย” ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศเพื่อหนีกการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น นายสนธิเห็นว่า ควรจะได้รับความเห็นใจเช่นเดียวคนไทยที่กลับจากอู๋ฮั่น เพราะถือว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน ที่ลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ก็เพราะมีความต้องการแรงงานมาก และเป็นช่องทางที่จะมีรายได้มากกว่าทำงานในประเทศไทย จึงมีแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ประมาณ 150,00 คน ขณะกระทรวงแรงงานจัดสรรให้ได้เพียง 2 หมื่นกว่าคน ในการรับคนไทยเหล่านี้กลับประเทศ ต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในการประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและเกาหลีใต้ เพื่อวางแผนว่าจะรับกลับมาอย่างไร ถ้ากลับมาทีเดียวเป็นหมื่นคน จะรับไหวหรือไม่ หรือจะมาทีละล็อต เพราะฉะนั้นจะต้องมีการเตรียมการไว้อย่างดี แต่ดูเหมือนว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร มีแต่โยนให้กระทรวงสาธารณสุข
นายสนธิ เห็นว่า ไม่ควรจะรังเกียจแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีใต้ แต่คนที่กลับมาแล้วไม่ยอมกักตัวเอง ออกไปแพร่เชื้อตามที่ต่างๆ ก็ควรจะถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะที่การใช้ชีวิตประจำวันของเราก็ไม่ควรไปแสดงอาการรังเกียจคนที่สงสัยว่าจะมีเชื้อไวรัส เพียงแต่ต้องระมัดระวังตัวเอง เพื่อไม่ให้สังคมแตกแยกไปมากกว่านี้
นายสนธิ กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 กำลังจะเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศ ประชาชนกับประชาชน หลังจากโควิด-19 หมดไป การท่องเที่ยวจะกลับมาดีขึ้นกว่าปัจจุบัน บางภูมิภาคจะได้กำไร บางภูมิภาคจะไปได้ อย่างเช่น ยุโรป กับอเมริกาทางตะวันตก ซึ่งดูถูกเหยียดหยามคนเอเชีย ก็จะมีคนเอเชียไปเที่ยวน้อยลง ประเทศบางประเทศในเอเชียที่ไม่ได้ทำให้ประเทศจีนมีความชอกช้ำใจ อย่างเช่นประเทศไทย ก็จะได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา และมีจังหวะเหมาะพอดีคือ ระเบียงเศรษฐกิจ อีอีซี จะได้อานิสงส์จากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ในจีนที่หยุดชะงักในช่วงการระบาดของโควิด-19 นักลงทุนจะพิจารณาประเทศอื่น แม้กระทั่งนักลงทุนจีน หรือคนซึ่งผลิตห่วงโซ่อุปทานในจีน ก็จะย้ายฐานการผลิตในจีนมาไว้ที่ไทย ในอีอีซีที่มีความพร้อม
นายสนธิ ยังได้เตือนไปถึงกลุ่มนักศึกษาที่จะจัดชุมนุมแฟลชม็อบว่า เชื้อโควิด-19 ไม่ได้แบ่งแยกว่าฝ่ายไหนเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ การไปรวมตัวของคนจำนวนมากนั้นเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อทั้งสิ้น จึงควรจะรอให้เชื้อโควิด-19 หยุดระบาดเสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยชุมนุม ถึงอย่างไรรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังอยู่ให้ไล่ เพราะการเมืองไทยจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน อย่าเพิ่งมาแสดงออกว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ควรหยุดเอาความเป็นความตายมาเป็นประเด็นดิสเครดิตกัน ควรจะเสนอความคิดเห็นที่มีเหตุมีผล
ส่วนคดีฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษานั้น นายสนธิกล่าวว่า มีเบื้องหลังเชื่อมโยงกับคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ถูกฟ้องในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์ 300 ล้านบาท คดีดังกล่าวมีจุดเริ่มมาจากการที่ พ.ต.ท.บรรยิน รู้จักกับนายชูวงษ์ ในการอบรมหลักสูตรสถาบันวิทยาการตลาดทุน หรือ วตท. รุ่น 20 ด้วยกัน และทราบว่านายชูวงษ์ กำลังนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงให้พริตตี้ 2 คนที่เป็นมาร์เก็ตติ้งซื้อขายหลักทรัพย์มาดูแลบัญชีหุ้นของนายชูวงษ์ จากนั้นได้ปลอมเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปเข้าพอร์ตของแม่พริตตี้เป็นจำนวน 300 ล้านบาท และเมื่อนายชูวงษ์เริ่มรู้ว่าหุ้นถูกลักลอบโอนออกไป จึงถูกฆ่าโดยการจัดฉากว่าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากไปตีกอล์ฟกับ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งมีข้อพิรุธมากมาย ต่อมาภรรยาและพี่สาวของนายชูวงษ์ทราบว่ามีการปลอมเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์ จึงดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยินพร้อมกับพริตตี้และแม่ เป็นจำเลย 4 คน ส่วนคดีฆาตกรรมก็มีการแจ้งความดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยินเช่นกัน แต่มีการพักไว้ก่อนเพื่อรอผลคำพิพากษาคดีโอนหุ้น ซึ่งจะส่งผลถึงคดีฆาตกรรมด้วย เพราะหาก พ.ต.ท.บรรยินมีความผิดในคดีโอนหุ้นก็จะแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.บรรยินมีเหตุจูงใจในการฆ่านายชูวงษ์ โดยศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีโอนหุ้นในวันที่ 20 มีนาคมนี้ พ.ต.ท.บรรยินจึงให้ลูกน้องไปลักพาตัวพี่ชายของผู้พิพากษาคนหนึ่งซึ่งเป็นสุภาพสตรี แล้วโทรศัพท์ข่มขู่ให้ตัดสินยกฟ้อง โดยมีเสียงของ พ.ต.ท.บรรยินเล็ดลอดออกมาทางโทรศัพท์เป็นเบาะแสให้ตำรวจตามจับ พ.ต.ท.บรรยินและลูกน้องได้ในที่สุด โดยลูกน้องได้ซัดทอดว่า พ.ต.ท.บรรยินเป็นคนฆ่า และต่อมามีการพบกระดูกของพี่ชายผู้พิพากษา เป็นหลักฐานมัดตัว คาดว่าตำรวจจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องเร็วๆ นี้
นายสนธิ กล่าวอีกว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนที่จะเกิดคดีฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ นั้น พ.ต.ท.บรรยิน เคยเกี่ยวข้องกับคดีลักษณะนี้มาแล้ว กรณีภรรยาคนแรกที่ชื่อ รสริน ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.บรรยิน กำลังไปคบหากับผู้หญิงอีกคนชื่อ “เจ๊ไก่”ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาคนปัจจุบัน จนมีเรื่องทะเลาะกันกับนางรสริน และต่อมา พ.ต.ท.บรรยินได้พานางรสรินไปเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชรและเกิดอุบัติเหตุรถตกถนนชนต้นไม้ นางรสรินเสียชีวิต ซึ่งก็เป็นเรื่องผิดปกติเพราะนางรสรินขับรถไม่เป็น แต่ พ.ต.ท.บรรยินบอกว่านางรสรินเป็นคนขับ
นอกจากนี้ ยังมีคดีฆ่ากันตายในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และกำแพงเพชร ช่วงปี 2553-2562 อีกประมาณ 6 คดี จากประเด็นขัดแย้งเรื่องการรับเหมาก่อสร้างและการเมืองท้องถิ่น ซึ่งยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ และมีข้อสงสัยว่า พ.ต.ท.บรรยินเข้าไปเกียวข้องด้วย
คำต่อคำ SONDHI TALK [6 มี.ค. 63] : เเรงงานไทยกับ covid19 ควรทำอย่างไร? ใครอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา เปิดปริศนาคดีฆาตกรรมโหด
สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563 กลับมาพบกับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นประจำทุกๆ วันศุกร์ เสียเวลานิดหน่อยนะครับ เป็นปกติธรรมดาผมต้องอธิบายถึงการเข้าชมเพจนี้ว่ามีทางเข้าได้กี่ทางบ้าง
วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"
สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ
สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป
ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องอยู่ 3-4 เรื่อง ที่จะต้องมาคุยกัน แต่ก่อนจะคุยกันถึง 3-4 เรื่องวันนี้ ก็ต้องคุยกันถึงเรื่องอาทิตย์ที่แล้วก่อน อาทิตย์ที่แล้วที่ผมได้ออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็เป็นปรากฏการณ์ใหม่อันหนึ่งที่มีท่านผู้ชมเข้ามาชมมากมายมหาศาล และที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของคลิปที่มีความเห็นเข้ามาเป็นหมื่นความเห็น ความเห็นที่น้อยๆ หน่อยก็เป็นหลายพัน ความเห็นที่เยอะก็ประมาณ 11,000 ความเห็น เป็นการแลกเปลี่ยนวิวาทะกันระหว่างคนที่ชมชอบสีส้ม กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับสีส้ม ผมดูแล้วมันก็ค่อนข้างจะประเทืองปัญญาพอสมควร แต่ก็เป็นปกติธรรมดาที่คนที่ชอบอีกฝ่ายหนึ่ง บางทีก็ไม่ฟังเหตุไม่ฟังผล อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ฟังเหตุไม่ฟังผลเหมือนกัน แต่จะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นนิมิตหมายที่ดี อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่ผมได้พูดออกไปนั้นได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันในจุดยืนของแต่ละฝ่าย ส่วนฝ่ายใดจะถูกหรือจะผิดก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลและหลักฐานที่ผมแสดงในการที่จะออกรายการวันนั้นไป แต่ก็แน่นอนที่สุด บางครั้งถึงจะมีหลักฐานชัดเจนว่าทำเช่นนี้ๆ แต่คนที่ชอบฝ่ายหนึ่งที่ถูกกล่าวหา ก็จะต้องออกมาปกป้องอย่างชนิดไม่สนใจเหตุผลหรือหลักฐานอะไรทั้งสิ้น
อาทิตย์นี้ผมจะพูด ... จริงๆ แล้ว 2-3 เรื่อง แต่จะมี 2 เรื่องที่มันซ่อนอยู่ในเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง เรื่องหนึ่งก็คือ โควิด-19 บวกผสมผีน้อย ผมรู้ว่าในขณะนี้เรื่องผีน้อยเป็นเรื่องราวใหญ่โตมากในสังคมไทย จนกระทั่งมีการด่ากันไปด่ากันมา มีแม้กระทั่งพวกผีน้อยต้องการที่จะแสดงออกถึงจุดยืนของตัวเอง บางคนก็ออกคลิปตัวเองแล้วก็ใส่กันเป็นชุดๆ เหมือนตลาดร้านค้าเลย จนกระทั่งต้องมีการเซ็นเซอร์คำพูดหลายๆ อย่าง
อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของโควิด-19 ตอนนี้เริ่มไปเกือบทั่วโลกแล้ว และที่สำคัญที่สุด มันเริ่มมีผลกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป อย่างเช่น ประเทศอิตาลีตอนนี้สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ 15 วัน และในที่สุดก็มีผลที่ตอบสนองกลับมาในลักษณะกรรมใดใครก่อคนนั้นก็รับไป และจีนเป็นอย่างไรบ้าง และผลพวงของโควิด-19 ที่จะพูดให้ฟังนั้น มันจะเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปอย่างไรก็ตาม
อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องสุดท้ายก็คือคดีฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษา ที่คุณบรรยิน ตั้งภากรณ์ ถูกตำรวจจับพร้อมกับลูกสมุนอีก 5-6 คน และลูกสมุนนั้นก็ซัดทอดว่าคุณบรรยินเป็นคนบงการ ตำรวจก็ได้หลักฐานจากคำให้การและมีหลักฐานเพิ่มเติมอีกหลายประการที่ตำรวจมีความมั่นใจว่าจะสามารถส่งฟ้องคุณบรรยินได้
เรื่องเอกสารโอนหุ้นที่ศาลอาญาใต้นั้น มันจะมีผลโยงกลับไปสู่คดีที่คุณบรรยินถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการฆ่าคุณชูวงษ์ คุณชูวงษ์ก็คือคนที่เป็นเจ้าของหุ้น และมีการทำการโอนหุ้นโดยใส่ข้อความที่ปลอมแปลงเอกสารไปเพื่อให้โอนหุ้นมูลค่า 300 ล้าน เข้าสู่บัญชีของคุณบรรยิน ซึ่งอันนี้จะเป็นตอนสุดท้าย
เรามากันเรื่องผีน้อยกันสักนิดนะครับท่านผู้ชม ข้อแรก ผมงงเป็นไก่ตาแตกว่าทำไมคนไทย คนที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถึงถูกเรียกว่าผีน้อย ก็ปรากฏว่าคำว่าผีน้อย จริงๆ แล้วเป็นการตั้งกันเองในระหว่างแรงงานที่ผิดกฎหมายที่ไปทำงานที่เกาหลี ก็คือพูดง่ายๆ ว่าพวกเขาถือว่าเขาเหมือนสัมภเวสี ไม่มีที่อยู่อย่างเป็นหลักแหล่ง ไม่มีสวัสดิการ เปิดบัญชีธนาคารก็ไม่ได้ ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีโน่นไม่มีนี่ ทำได้อย่างเดียวคือได้เงินมา แล้วเอาเงินที่เขาจ่ายมาเป็นเงินสด มันจะมีร้านรับจ้างส่งเงินกลับบ้าน ก็เอาเงินนั้นส่งกลับบ้าน ก็เลยเรียกว่าผีน้อย แต่ผมก็ยังไม่สบายใจ เพราะคำว่าผี มันไม่ดี ถึงแม้เขาจะเรียกตัวเขาเองว่าผีน้อย อาจจะเป็นเพราะเขามีความรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องเรียกเขาตามเป็นผีน้อยก็ได้นี่ครับท่านผู้ชม
ผมจำได้ สมัยผมเรียนอยู่สหรัฐอเมริกา ผมเรียนปริญญาตรี ผมจำได้เลยว่าตอนช่วงเช้าผมไปทำงาน ผมจะตื่นประมาณตี 5 ผมจะเดินไปที่หน้าร้านโดนัทที่มหาวิทยาลัย ร้านนั้นชื่อ Winchell's Donut ผมจำได้ ไปถึงนั่นก่อน 6 โมงสัก 15 นาที ผมก็เปลี่ยน เอาผ้ากันเปื้อนมาคลุมแล้วก็ไปนั่งทอดโดนัท ทอดจนถึง 8 โมงเช้า เสิร์ฟกาแฟให้คนที่มาทานกาแฟ ได้ค่าแรงตอนนั้นรู้สึกจะ 1.65 เหรียญต่อชั่วโมง ทำงานประมาณ 2 ชั่วโมง ได้เงินค่าแรงประมาณเกือบ 4 เหรียญ แต่ว่าได้ทานอาหารเช้าฟรี และ 8 โมง ผมก็เข้าไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัย พอเรียนถึงตอนเที่ยง เขาพักเที่ยง ผมก็ไปทำงานใน Caffetteria แล้วข้างนอกมันมีร้านอาหารพวกแฮมเบอร์เกอร์อะไรอยู่ ผมก็เข้าไปช่วยงานเขา ก็ได้อีก 2 ชั่วโมง พอตกเย็นผมก็ไปทำงานที่ห้องสมุด ไปเข็นหนังสือ ไปเอาหนังสือจัดโน่นจัดนี่ ซึ่งถ้าเราเป็นนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น เรามีสิทธิ์สมัครงานได้ เขาไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แต่ระหว่างที่ผมทำงานร้านโดนัทกับร้านแฮมเบอร์เกอร์ ผมก็ต้องเป็นผีน้อยเหมือนกันสิครับ เพราะว่าผมไม่มีใบอนุญาต แต่ทำไมที่อเมริกาเขาถึงเรียกว่าผมว่าโรบินฮู้ดล่ะ ให้เกียรติจังเลย โรบินฮู้ดก็คือจอมโจรที่ปล้นคนรวย เอาเงินมาให้คนจน และไปต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมของสังคม หรืออาจจะเป็นเพราะอเมริกามันมีกลิ่นอายของฝรั่ง โรบินฮู้ดก็เลยเหมาะที่สุด แต่พอมาเอเชีย มันมีกลิ่นอายของเอเชีย ผีดูจะเหมาะสม เพราะในเอเชียมีทฤษฎีและมีนิยายปรัมปราเรื่องผีเยอะ
ในขณะเดียวกัน คนที่ทำตัวเป็นโรบินฮู้ดที่อเมริกาไม่ใช่น้อย จนทุกวันนี้ก็ยังมีคนทำตัวเป็นโรบินฮู้ดอยู่ ผมกำลังจะพูดว่าสถานภาพของคนที่เป็นโรบินฮู้ดในอเมริกา กับผีน้อยในเกาหลีนั้น สถานภาพใกล้เคียงกันมาก ประการแรก คนที่เป็นโรบินฮู้ดในอเมริกานั้นก็ไม่มีบัตรประกันสังคม ที่เขาเรียกว่า Social Security ไม่มี ร้านอาหารไม่มีบัญชีที่จะต้องจ่ายเงินเดือนเอาเข้าธนาคาร จ่ายเป็นเงินสดให้ คนนี้ก็เอาเงินสดเก็บมาแล้วก็ใช้จ่ายไป
ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าเราน่าจะเรียกพวกผีน้อยว่าเป็นแรงงานในเกาหลีดีกว่า จะง่ายกว่า เพราะผมคิดว่าเขาเป็นคนไทยเหมือนกัน นอกจากเป็นคนไทยแล้ว เขาก็ทำมาหากินโดยสุจริต เขาไม่ผิดหรอกครับ เพราะว่าเขาต้องไปแสวงหาโอกาสที่ให้เขาได้ทำงานและมีเงินส่งกลับมาที่บ้าน ถ้าเขายังอยู่เชียงราย เขายังอยู่ขอนแก่น เขายังอยู่อุดรธานี หรือเขายังอยู่ปทุมธานี ด้วยการศึกษาที่น้อย หรือแม้กระทั่งคนมีการศึกษา ได้งานเงินเดือนอย่างมาก ถ้าเป็นการศึกษาน้อย ก็อาจจะต้องเป็นแรงงานวันละ 300-400 บาท แต่ถ้าเป็นมีการศึกษาหน่อยอาจจะได้สัก 10,000 หรือ 8,000-9,000 บาท หรือจบปริญญาตรี ก็ได้ 15,000 บาท ถ้าคุณโชคดีหางานได้ แต่คนพวกนี้พอไปที่เกาหลีแล้ว เขาก็ได้รายได้เฉลี่ยประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน แล้วคนพวกนี้จะอยู่ด้วยกันเป็นชุมชน บางทีที่พักห้องหนึ่งอาจจะนอนกัน 10 คน หรือ 5 คน เพื่อเสียค่าเช่าให้น้อยที่สุด และเก็บเงินสะสมให้มากที่สุด แล้วก็ส่งกลับมาบ้านเรา
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย เป็นเรื่องที่น่าชมเชย ที่เขาขยันขันแข็งไปทำมาหากินเพื่อส่งเงินกลับมาที่บ้าน แน่นอนที่สุด มันก็จะมีบางประเภทที่ทำงานได้เงินได้ทองแล้วเอาเงินไปเล่นการพนัน นั่นทุกสังคม ทุกชุมชน จะมีคนประเภทนี้อยู่มาก
พอมีไวรัสโควิด-19 ระบาดขึ้นมา มันก็จะเกิดคนจำนวนหนึ่งในจำนวนที่เป็นแรงงาานที่ผิดกฎหมายในเกาหลี ซึ่งตามการประเมินแล้ว เขาประเมินว่ามีประมาณ 150,000 คน ส่วนแรงงานที่ถูกกฎหมายนั้น จะมีอยู่แค่ 20,000 กว่าคนเท่านั้นเอง แต่ผมหยุดตรงนี้ ผมมีคำถามนิดหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าความต้องการของธุรกิจที่เกาหลี ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการบริการ ถ้าเขาไม่มีความต้องการแล้วพวกที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายจะได้งานทำได้อย่างไร แสดงว่ามันมีความต้องการมหาศาลมาก แล้วทำไมเราส่งไปได้แค่ 22,000 คน กระทรวงแรงงานอาจจะบอกว่า กระทรวงแรงงานมีมาตรฐาน 1..2..3..4..5..6.. คัดสรรเรียบร้อยแล้วก็เหลือ 22,000 ทำได้สูงสุด แต่ผมคิดว่าถ้าประเทศอย่างเกาหลีใต้ หรือประเทศไต้หวัน หรือประเทศสิงคโปร์ หรือประเทศอะไรก็ตาม ต้องการแรงงานที่มาจากทางนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานไทย แรงงานเวียดนาม แรงงานโน้นแรงงานนี้ มันเป็นหน้าที่ของรัฐไม่ใช่หรือครับ ที่ต้องไปนั่งคุย ให้รู้ว่าคุณต้องการแรงงานจริงๆ แบ่งเป็นประเภทได้ไหม แรงงานการบริหาร แรงงานการทำงานในโรงงาน แรงงานทำเกษตรกรรม แล้วคุณก็จัดสรรคนเข้าไปลง บางคนคุณภาพอาจจะไม่ถึงกรมแรงงานที่ต้องการ หรือกระทรวงแรงงานที่ต้องการ แต่ว่าเขามีความสามารถพอที่จะไปทำงานในส่วนนั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถอะไรมากมายนัก นอกจากใช้แรง ผมก็เลยคิดว่านี่คือข้อบกพร่องของกระทรวงแรงงาน แล้วมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น แล้วพวกนี้กว่าจะไปได้ต้องเสียเงินเสียทองเยอะแยะไปหมด แต่คนพวกนี้ก็ยอม เพราะหวังมีชีวิตที่ดีกว่า นี่คือพื้นฐานของมัน
เรากลับมาพูดถึงเรื่องแรงงานเกาหลีที่ผิดกฎหมายที่กลับมา เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมาก ก็คือพอไวรัสโควิด-19 ระบาดขึ้นมาปั๊บ ความกลัวของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่อยู่ตามต่างจังหวัด บางคนอยู่เชียงราย บางคนอยู่อุดรฯ บางคนอยู่บึงกาฬ อยู่ปทุมธานี อยู่นนทบุรี ก็บอกว่าลูกกลับมาเถอะ เรื่องเงินเรื่องทองไม่เป็นไร อย่าไปเสี่ยงเลย เดี๋ยวลูกตายไปแล้วพ่อแม่จะทำอย่างไร พี่กลับมาเถอะ ถ้าพี่ตายไปแล้วหนูกับลูกจะทำอย่างไร อย่างน้อยมาเมืองไทย เงินเดือนน้อยลงก็ไม่เป็นไร เราช่วยกันทำกินช่วยกันใช้ นั่นคือที่มาว่าทำไมในบรรดาจำนวนคนที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายประมาณแสนกว่าคนนั้น มีประมาณ 5,000-6,000 คน อยากกลับมา นั่นคือที่เริ่มต้นมา
ทีนี้การกลับมา กลับมาอย่างไร แน่นอนที่สุดก็ต้องติดต่อมา กระทรวงการต่างประเทศ โดยคุณดอน ปรมัตถ์วินัย เอาอีกแล้วคนนี้ เป็นพระเอกของเรื่องนี้อีกแล้ว คุณดอน ที่ผมตั้งฉายาเขาว่า เฮ้าเลี่ยนดอน ท่านผู้ชมจำได้ไหม ท่านเฮ้าเลี่ยนเรื่องอะไรบ้าง เรื่องแรกที่ท่านเฮ้าเลี่ยนก็คือเรื่องที่วันนั้นอเมริกาส่งโดรนไปถล่มและฆ่านายพลตรีกอเซ็ม สุไลมานี ของอิหร่าน ที่ได้รับเชิญจากประเทศอิรัก เพื่อไปเจรจาหาทางสงบสงคราม เพื่อสร้างสันติสุขในอิรัก ปรากฏว่าคุณดอน แสดงออก เหตุผลที่ต้องแสดงออกก็คือ ทางยุโรปต่อว่าอเมริกามาว่าคุณจะฆ่ากอเซ็ม สุไลมานี คุณไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยแม้แต่นิดเดียว คุณทำโดยพลการ คุณดอนเกิดเฮ้าเลี่ยนขึ้นมา ให้สัมภาษณ์เลย ผมรู้ก่อนล่วงหน้า 1 วัน เหมือนกับว่าให้การสนับสนุนอเมริกาว่าอเมริกาเขาไม่ได้ปิดข่าวนะ มิตรประเทศเขาแจ้ง อย่างผมเขายังแจ้งผมมาเลย ก็ปรากฏว่าโดนคนทั้งประเทศไทย ผมยืนยันนะครับ คนทั้งประเทศไทยที่มีสติปัญญาและที่เล่นโซเชียลมีเดีย ถล่มจนคุณดอนไม่รู้ไปมุดอยู่ที่ไหน ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเลย ต้องปล่อยให้อธิบดีกรมสารนิเทศออกมาชี้แจง แก้ข่าว ว่าจริงๆ แล้วไม่รู้ แต่คุณดอนพูดจากปากแล้วว่าท่านรู้ นี่คือฝีมือคุณดอน งวดนี้ก็ฝีมือคุณดอนอีก
ท่านผู้ชมครับ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ นอกจากจะอยู่ในความดูแลของกระทรวงแรงงาน ถ้าที่ไหนก็ตาม เขาจะมีแรงงานประจำเกาหลี แรงงานประจำไต้หวัน แรงงานประจำไต้หวันก็จะมีที่เกาสง ทางใต้ของไต้หวัน และไทเป เกาหลีก็อาจจะมีอยู่หลายเมือง พวกนี้คอยดูแลสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของคนไทยที่เข้าไปทำงานในเกาหลี จะถูกหรือผิดกฎหมาย เขาต้องดูแลอยู่แล้ว ทีนี้การที่จะต้องเคลื่อนย้ายคนประมาณเกือบ 5,000 คน กลับมา แรงงานจะต้องแจ้งให้กับกระทรวงการต่างประเทศทราบ เหมือนกับคนไทยที่อู่ฮั่น อยากกลับมาประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมที่จะทำ แต่ปรากฏว่ากระทรวงการต่างประเทศตอนนั้นก็ปรึกษาหารือ กระทรวงสาธารณสุขตอนนั้น กำลังมีเรื่องโควิด-19 และหมอไทยเป็นหมอที่เก่งมาก ท่านผู้ชมครับ นี่คือเบื้องหลังซึ่งคนไม่รู้ จำได้ไหมว่าตอนนั้นโซเชียลมีเดียเล่นงานกระทรวงสาธารณสุข เล่นงานรัฐบาลไทยว่าทำไมไม่รีบเอากลับมา ทำไมอเมริกาพอมีเรื่องปั๊บ ส่งเครื่องบินไปรับคนของเขากลับมาหมด ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินไปรับคนของเขากลับมาหมด หมอไทยบอกว่า เนื่องจากว่าเชื้อโควิด-19 มันมีระยะฟักตัว 14 วัน ทิ้งมันไว้สัก 14 วันก่อน แล้วค่อยไปรับกลับมา การที่ครบ 14 วัน คนที่ติดเชื้อก็จะมีอาการออกแล้ว ก็สามารถจะคัดกรองได้ทันทีว่า คนนี้ติดเชื้อ ยังไม่ให้กลับ
เพราะฉะนั้นแล้ว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมกระทรวงสาธารณสุขถึงรีรอ เพราะว่าประเทศไทย รัฐบาลไทย ยังไม่กล้าส่งเครื่องบินไปรับ เพราะว่ายังไม่ได้ไฟเขียวจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขจะบอกว่าผมพร้อมแล้วนะ เอามาได้แล้ว ต้องมีการจัดอุปกรณ์ มีการจัดสถานที่ บุคลากรทางการแพทย์ แล้วตกลงใจว่าถ้าคนไทยกลับมาจากอู่ฮั่น เอาไว้ที่ไหน ซึ่งที่ปรากฏขึ้นมาคือเอาไปไว้ที่สัตหีบ ด้วยเหตุนี้ก็เลยไปรับหลังจากนั้น 14 วัน ก็เลยทำให้ถูกต่อว่าต่อขานว่าไม่ทำอเะไร ไม่เห็นแก่ชีวิตคนไทย โน่นนี่นั่น เป็นห่วงเป็นใยกันมาก กลัวชีวิตคนไทยเดือดร้อน แต่วันนี้พวกแรงงานเถื่อนเกาหลีกลับมา กลับไม่เป็นห่วงเป็นใยเขา กลับไปกระทืบซ้ำเขา คุณจะรีบกลับมาทำไม โน่นนี่นั่น เดี๋ยวก็จะไปแพร่เชื้อ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ไม่มีใครผิด นอกจากคุณดอนคนเดียว ในตอนต้น เพราะคุณดอนจะต้องรู้เรื่อง กระทรวงการต่างประเทศต้องรู้เรื่อง ว่าทางเกาหลีมีคนไทยที่แจ้งความจำนงที่จะกลับ แล้วพวกนี้ ท่านผู้ชมครับ เขาซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเองนะ ประเทศไทยไม่ได้ส่งเครื่องบินไปรับเขาเลย เขาซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเอง สิ่งแรกที่จะต้องทำคือคุณดอนจะต้องไปเรียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้วประชุมร่วมกัน ว่ายอดคนที่จะกลับมาประมาณ 5,000 คน จะเอาอย่างไร ทยอยกลับมาทีละล็อตๆๆ ดีไหม ท่านจะว่าอย่างไร เพราะถ้าเกิดมีคนที่เป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายอยู่ ยอดประมาณ 1 แสนกว่าคน ถ้ากลับมาทันที 10,000 คน ผมถามท่านผู้ชมว่าประเทศไทยจะรับไหวไหม ประเทศไทยรับไม่ไหว แต่ถ้ามีการเตรียมการเอาไว้ก่อน เราจะต้องคัดกรอง เราจะต้องทำโน่นทำนี่ ด้วยเหตุนี้ผมจะไม่ตำหนิใคร งานนี้ แต่ผมต้องตำหนิคุณดอน ที่คุณดอนท่านทำงานไม่รู้เรื่องเลย ไม่เป็นเรื่องเป็นราว หรือท่านอาจจะ สไตล์ท่านคืออดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านไม่ใช่นักการเมือง และท่านไม่ใช่ผู้บริหาร ท่านทำอะไรจะมีกลิ่นอายของข้าราชการ ปกป้องตัวผมเองดีกว่า พอผมโยนเสร็จเรียบร้อยแล้วผมหลบเข้ารูที่กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้นแล้ว ให้เป็นภาระของกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางเสียงก่นด่าโคตรพ่อโคตรแม่ ของหมอทั้งหลาย ที่ผมเชื่อว่าคงจะตั้งเป้าไว้ด่าคุณดอนอย่างแน่นอนที่สุดว่าทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาหารือกัน ทำไมไม่ทำโน่นทำนี่
ท่านผู้ชมครับ ทีนี้พอมาถึงปัญหามันเกิด เพราะว่าคนไทยทุกวันนี้ ไม่ใช่แตกแยกเฉพาะเรื่องใครสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ใครสนับสนุนรัฐบาล ใครสนับสนุนลุงตู่ ไม่ใช่แล้วนะ ไม่ใช่เรื่องสีส้ม หรือสีเขียว หรือเผด็จการทหารแล้ว ไม่ใช่เลย มันเป็นเรื่องชีวิตของเขา เขาก็โวยวายกันว่าพวกคุณกลับมาทำไม ทำไมคุณไม่อยู่ที่นั่นก่อน ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยไม่ใช่ปากีสถาน ขอประทานโทษ จำเป็นต้องพาดพิงถึงปากีสถาน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคนปากีสถานที่อยู่ในอู่ฮั่น มีอยู่ 800 คน 800 คนนี้เรียกร้องจะกลับไปที่ปากีฯ ปรากฏว่ารัฐบาลปากีฯ โวยวายออกมา แจ้งไปว่าอย่าเพิ่งกลับ อีนี่ ปากีสถานไม่มีหมอนะนายจ๋า หมอไม่มี ขอให้อยู่ที่อู่ฮั่น ให้หมอจีนรักษาต่อไป แต่ประเทศไทยเนื่องจากการสาธารณสุขของเราติดอันดับโลก ช่วยไม่ได้ การระงับยับยั้งโรคระบาดทุกประเภทของเราอยู่อันดับ 6 ของโลก จาก 130 กว่าประเทศ เพราะฉะนั้นเราอยู่ Top 10 ด้วยเหตุนี้หมอไทย ซึ่งในขณะนี้ พยาบาล โรงพยาบาลบำราศฯ แทบจะรากเลือดเลยตอนนี้ เพราะทำงานตลอดเวลา ไม่ได้หยุดเลย
เอาล่ะ พวกนี้ก็เลยกลับมา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเรียว่าข้าวสารเป็นข้าวสุกแล้ว ก็ขึ้นเครื่องบินมา เขาก็บอกว่าก่อนขึ้นเครื่องบินก็คัดกรองมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อคัดกรองมาเรียบร้อยแล้ว ก็เอาเฉพาะคนที่ไม่มีไข้ ไม่มีอาการ มา ถ้าคนไหนเจ็บหนัก มีอาการ ติดแน่นอน เขาก็คงจะต้องเก็บเอาไว้ดูแลรักษาอยู่ที่นั่นต่อไป หลังจากนั้นพอมาถึงกรุงเทพฯ ก็เจอกระบวนการคัดกรองอีกขั้นตอนหนึ่ง ก็ดูว่ามีใครมีอะไรไหม ทีนี้การคัดกรองมันไม่ได้รับประกันความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะอย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าเชื้อโควิด-19 มันมีเวลาฟักตัวอยู่ในร่างกายเรา 14 วัน ก็อาจจะไม่มีไข้เวลาวัดอุณหภูมิ ใช้เทอร์โมสแกน จะใช้ยี่ห้ออะไรก็ตาม ผมไม่แคร์นะ ก็ยังไม่มีอาการ เขาก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ได้ไหม ถ้ามีอาการ หรือมีไข้ เขาจับแยกออกไปเลย คนพวกนี้จับแยกและจำเป็นที่จะต้องถูกเอาไปกักตัวไว้ ส่วนประเภทที่ดูแล้วไม่มีอะไรเลย ให้กลับบ้านได้ แต่ว่าการกลับนั้น ก็ต้องไปกักตัวเองอยู่ในบ้าน โดยกำหนดให้สาธารณสุขจังหวัด คุณหมออะไรก็ตามที่เป็นสาธารณสุขจังหวัด ที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เหมือนเชียงราย ผมยกตัวอย่างให้ฟัง แล้วก็กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องรู้ว่ามีคนที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายจากเกาหลีกลับมาอยู่ที่บ้าน ต้องคัดกรอง ต้องอยู่ที่นั่น ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นความบกพร่องของ 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็คือว่า ข้าราชการไม่ได้ทำงานจริง เพราะถ้าทำงานจริง มันจะไม่เกิดเหตุที่เกิดขึ้น เหมือนอย่างที่เกิดที่เชียงราย
ที่เชียงรายเกิดอะไรขึ้น ที่เชียงรายก็คือว่า ผู้ที่ถูกสั่งให้กักตัวอยู่ในบ้านนั้น ทะลึ่งไม่กักตัวอยู่ในบ้าน ไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ พาลูก พาเมีย พาพ่อ พาแม่ ไม่ได้กลับมาเมืองไทยนานแล้วไง ไปกินหมูกระทะที่ร้านที่เชียงราย ก็ปรากฏว่าคนที่ประสาทรับประทานก็คือเจ้าของร้านหมูกระทะ คนที่อยู่ในอำเภอนั้นก็รู้ว่านี่มาจากเกาหลี ก็เลยพูดกันต่อเนื่องไป เจ้าของร้านก็เลยต้องปิดร้าน 1 วัน แล้วก็ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อร้านทั้งร้าน ถามว่าเรื่องแบบนี้รัฐบาลทำอะไร เรื่องแบบนี้กำนันต้องแจ้งนายอำเภอ นายอำเภอต้องแจ้งผู้ว่าฯ แล้วผู้ว่าฯ ต้องจับคนๆ นี้ติดตารางแล้วฟ้องศาลทันทีเลย เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อให้คนที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านรู้ว่ารัฐเอาจริง ถ้ารัฐเอาจริงอย่างนี้แล้ว คนที่้ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ อสม. หรือภายใต้การควบคุมของโรงพยาบาลในอำเภอนั้น หรือในจังหวัดนั้น ก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยม และเมื่อผ่านไป 14 วันแล้วค่อยออกมาตรวจเลือด ตรวจเชื้ออีกทีว่ายังมีหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ที่ผมพูดนี่ผมไม่ได้เข้าข้างแรงงานผิดกฎหมายที่มาจากเกาหลี เพราะแรงงานผิดกฎหมายที่มาจากเกาหลีก็เป็นตัวที่สร้างปัญหาเช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน ผมก็มีความรู้สึกเห็นใจเขา เห็นใจความเป็นมนุษย์ เห็นใจความเป็นคนไทย เขาผิดตรงไหน ผมถามมาตลอดเวลาว่าเขาผิดตรงไหน เงินทองก็ไม่มีใช้ เขาขยันทำมาหากิน เขาวิ่งเต้น เอาที่นาไปจำนำเพื่อเอาเงินจ่ายค่านายหน้าให้กับคนซึ่งวิ่งเต้น แล้วก็ซื้อตั๋วกรุ๊ปทัวร์ไป พอกรุ๊ปทัวร์ไปถึงเกาหลีปั๊บ เขาก็แยกจากทัวร์ ก็จะมีนายหน้าที่รับเงินเขา พาเขาไปเข้าโรงงานโน้นเข้าโรงงานนี้ เขาผิดอยู่ข้อเดียว คือเขาเป็นแรงงานที่ไม่ถูกกฎหมาย แต่เขาไม่ใช่ผีน้อย ถึงแม้พวกเขาจะเรียกตัวเขาเองว่าผีน้อย เขาดูถูกตัวเขาเองมากจนเกินไป เขาเป็นมนุษย์ที่ตั้งใจทำงาน มีความซื่อสัตย์ ต้องการจะหาเงินหาทองเพื่อส่งกลับมาที่บ้าน ให้ลูก ให้เมีย ให้พ่อ ให้แม่ใช้ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าผมเห็นใจเขาตรงนี้
แต่ผมก็ไม่เห็นใจคนที่กลับมาแล้วไปทำลายความน่าเชื่อถือ ไปสร้างปัญหาให้กับชุมชน ไปสร้างปัญหาให้กับสังคม ถ้าสมมุติว่ากลับมา 10,000 คน กักตัวเอาไว้ 14 วัน กักไว้สัก 1,000 คน ถ้าอีก 9,000 คน ไม่ทำตามกติกาที่บอก สมมุตินะ ท่านผู้ชมครับ ปัญหาจะวุ่นวายขนาดไหน ถ้าเกิด 9,000 คน มีสัก 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ 450 คน พอวันที่ 14 ปั๊บ พอวันที่ 7-8 ปั๊บ ไข้ขึ้น แต่ก่อนจะถึงวันที่ 7-8 ที่ไข้จะขึ้น คุณไปแล้ว เดี๋ยวคุณไปกินส้มตำ คุณไปกินข้าวเหนียว คุณไปกินหมูกระทะ คุณไปนู่นไปนี่ คุณไปสัมผัสอันโน้น มีคนมาหาคุณที่บ้าน งานที่เกาหลีดีไหม ถ้าเรื่องมันเรียบร้อยแล้วช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม อยากจะส่งลูกชายไปทำงานด้วย คราวนี้ก็ติดกันทั้งหมู่บ้านเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ความกลัวของสังคม มีเหตุมีผลที่เขาควรจะกลัวได้ ผมก็เลยต้องเรียนให้ทราบนิดหนึ่งว่าพวกแรงงานที่ผิดกฎหมายที่กลับมาจากเกาหลีนั้น บางคนของพวกคุณก็สร้างปัญหา แต่ประเด็นที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เป็นประเด็นที่สำคัญมาก
ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนที่ติดตามข่าวมาตลอด หลายเรื่อง บางเรื่องผมเห็นแล้วผมเศร้าใจ บางเรื่องผมเห็นแล้วผมเวทนา บางเรื่องผมเห็นแล้วผมกลุ้มใจ อย่างเช่น ตอนนี้พวกเราระวังตัวมากจนเกินไป จนกลายเป็นรังเกียจ ท่านผู้ชมเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ กลายเป็นรังเกียจ แน่นอนที่สุดมีบางคนทำให้เราต้องรังเกียจ อย่างเช่นปู่ย่ามหาภัยคู่นั้น
จำได้ไหมท่านผู้ชม ที่บินไปเที่ยวญี่ปุ่น กลับมาแล้วเป็นไข้ แล้วพยาบาลกับหมอซักถามว่าไปที่ไหนมา ปู่ซึ่งเผอิญเป็นอดีตพลอากาศเอกคนหนึ่ง ชื่อผมมีอยู่แล้ว เป็นคนโด่งดังมากในกองทัพอากาศ โด่งดังจนกระทั่งแม้กระทั่งผู้บัญชาการกองทัพอากาศยังไม่กล้าเอ่ยชื่อ แต่เขาเป็นคนมหาภัยจริงๆ เพราะเขาเป็นแล้วเขาไม่บอก เมื่อเขาไม่บอก พอมารู้ตอนหลัง ไข้ทำไมขึ้น ทำไมเริ่มหายใจไม่ออก ทางเดินหายใจมีปัญหา ก็เลยหลุดปากออกมาว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นมา และก็อย่างที่เราอ่านข่าวกัน หลานก็ต้องถูกเอาเข้าไปในที่กักกันเพื่อตรวจสอบ และหลานก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนพระหฤทัย ดอนเมือง อยู่ในชั้นมีนักเรียน 50 คน 50 คนก็ถูกกักตัวอีก พอถูกกักตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ้าว เด็ก 50 คนไปสัมผัสพ่อแม่อีกล่ะ ก็ต้องถูกกักตัวอีก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะปู่มหาภัยคนนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นพลอากาศเอกมาได้อย่างไร จริงๆ แล้วคนประเภทนี้ ถ้าผมมีอำนาจ ผมถอดยศไปแล้วนะ คุณเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมืองอย่างมาก แต่ช่างเถอะครับ ผมกำลังยกตัวอย่างให้ฟัง ตอนนี้คนก็เลยรังเกียจ
สมมุติว่าคุณมีอาชีพที่คุณจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ อาชีพแอร์โฮสเตส แอร์การบินไทยตอนนี้ ที่มีลูก และอยู่รวมกับคนหลายกลุ่ม อยู่ในคอนโดฯ หรือไม่ต้องอยู่คอนโดฯ อยู่บ้าน จะมีปัญหามากในเรื่องของทัศนคติ จะมีปัญหามากกับเรื่องการระวังจนกลายเป็นรังเกียจ ในโรงเรียนเขาจะรู้เลยว่าเด็กคนนี้พ่อเป็นสจ๊วต พ่อเป็นกัปตัน หรือแม่เป็นแอร์ มาเรียนตรงนี้ ลูกอย่าไปเข้าใกล้นะ ตรงนี้สร้างปมด้อยให้กับเด็ก เด็กก็ไม่เข้าใจ พอมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่ก็กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอาชีพตัวเอง ต้องบินไป แต่ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้มาชมคนของพวกเราเอง การบินไทยมีระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านสุขภาพได้อย่างเลอเลิศ เขาตรวจสุขภาพทุกคน ก่อนขึ้นเครื่องเขาวัดอุณหภูมิเสร็จเรียบร้อย ถ้าใครเกิน 37.5 เขาไม่ให้บินเลย นอกจากไม่ให้บินแล้วเขายังจะหาทางติดตามผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง
มีอยู่คนหนึ่ง จำได้ไหมท่านผู้ชม มีอยู่ไฟลต์หนึ่งกำลังจะบินไปเยอรมนี มีชาวต่างชาติ ชาวเยอรมันคนหนึ่ง เดินทางมาจากกัมพูชา มาขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แล้วปรากฏว่าตรวจจับอุณหภูมิได้สูง และปรากฏว่าติดเชื้อ ลูกเรือทั้ง 14 คน ซึ่งเขาป้องกันตัวเองดีอยู่แล้ว ถูกกักตัวทันทีเลย 14 วัน ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าออกมาหรือยัง นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ นะ แล้วการทำงานบริการบนเครื่อง พิเศษมาก หน้ากากเขาใส่ตลอดเวลา เขายังใส่ถุงมือ และเขาไม่พูดด้วยนะ เวลาเขาบริการอาหารเขาจะเอากระดาษมาแผ่นหนึ่ง เขาจะวาดกุ้ง ไก่ แล้วเขาให้ชี้ว่าเอาอันไหน พูดก็ไม่พูด เสร็จเรียบร้อยแล้วพอเข้าไปในครัว เขาก็ถอดถุงมือและล้างมือ ตลอดเวลา
ผมค่อนข้างจะมั่นใจในเรื่องนี้ แต่ตรงนี้ผมจะเรียนให้ทราบว่า บางครั้งถ้าเราเป็นเพื่อนบ้านเขา สมมุติว่าอยู่คอนโดฯ ด้วยกัน เราอยู่ห้องข้างๆ เขา เราระวังได้ ท่านผู้ชม แต่เราอย่าไปรังเกียจเขา เพราะผมไม่ต้องการให้เมื่อทุกอย่างมันจบลงแล้ว และเขาไม่ได้เป็นอะไร แล้วโรคนี้หายไป ความสัมพันธ์มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว สังคมไทยเราจะเริ่มแตกแยกกันเป็นเสี่ยงๆ ท่านอยู่กับเขา ถ้าท่านสงสัยในตัวเขา ท่านก็ไม่ต้องทำอะไรนี่ครับ ข้อที่หนึ่ง ท่านก็ไม่ต้องลงลิฟต์พร้อมเขา แต่ก็อย่าไปแสดงออก หรือถ้าจำเป็นต้องลงลิฟต์พร้อมเขา ท่านก็ป้องกันตัวเอง ท่านมีหน้ากาก ท่านก็ยืนห่างๆ เอาไว้ ท่านถือกระดาษทิชชูไปแผ่นหนึ่ง ท่านจะกดลิฟต์ท่านก็จิ้มไปที่ลิฟต์โดยเอาทิชชูกั้นไว้ พอออกจากลิฟต์ท่านก็พับทิชชูทิ้งไป ไม่เป็นอะไร ถ้าท่านเข้าใจดีว่าการติดเชื้อพวกนี้มันติดจากการไอ การจาม โดนน้ำลายก็ติด หรือว่าใครไอ จาม แล้วฟองน้ำลายมันกระเด็นไปโดนผนัง ผนังลิฟต์ท่านก็อย่าไปยืนใกล้ๆ มันสิ ท่านก็ยืนห่างๆ ผมคิดว่าประเด็นสำคัญคือท่านดูแลตัวท่านเองดีหรือเปล่า ถ้าท่านดูแลตัวท่านเองดี ท่านไม่ต้องไปกังวลในเรื่องนี้
ความแตกแยกพวกนี้เริ่มมีมากขึ้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมเห็นใจมาก ท่านผู้ชมครับ เขามีงานต้องทำ ถ้าเขามีคำสั่งให้บิน แล้วเขาไม่ไปบิน ผมถามท่านผู้ชมอย่างหนึ่งว่า เขาจะเอาอะไรกิน เขาไม่มีปัญญาหรอกครับ อย่าทำเหมือนคนยุโรป ตอนนี้ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคนยุโรปรังเกียจคนเอเชียหมด ลูกเรือที่บินไป จะลงที่ฝรั่งเศส หรือจะไปลงที่เยอรมนี ลงที่ไหนก็ตาม กัปตันเขาจะสั่งเลยนะว่า เวลาเดินบนท้องถนนห้ามใส่หน้ากาก จะโดนรังเกียจ เพราะว่าในยุโรปเขามองว่าคนใส่หน้ากากคือคนไม่สบาย ถ้าคุณไม่สบายคุณต้องไม่ออกมาข้างนอก ก็จะโดนรังเกียจ พวกนี้ก็เลยไม่ใส่หน้ากากหรืไม่ออกไปไหนเลย ยุโรปก็เริ่มมีคนติดมากขึ้น อย่างที่ผมเรียนให้ทราบตอนต้นว่า อิตาลีปิดโรงเรียนหมดเลย ทั่วประเทศปิดหมดเลย ไม่ให้เรียนหนังสือ อิตาลีตายร่วมร้อยแล้ว เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร อังกฤษก็ติด ฝรั่งเศสก็ติด หลายๆ ที่ก็ติด เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรที่จะตื่นตระหนกมากจนเกินไป
เรื่องของแรงงานที่ผิดกฎหมายที่กลับมาจากเกาหลีนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผมพยายามอธิบายให้ฟังว่ามันเป็นของมันอย่างนี้ล่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าไปรังเกียจรังงอนเขา แต่แรงงานที่กลับมาจากเกาหลีนั้นก็ต้องรู้จักประพฤติปฏิบัติตนตามกรอบระเบียบ ผมอยากให้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคน นายอำเภอทุกคน ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลงโทษคนที่ถูกกักตัวอยู่ในบ้าน แล้วไม่ให้ออกมานอกบ้าน แล้วยังทำผิด ต้องลงโทษจับเข้าคุก แต่ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะกล้าจับเข้าคุกหรือเปล่า เพราะจะทำให้คนที่อยู่ในคุกติดโควิด-19 ไปทั้งคุก วุ่นวายไปอีก แต่ถ้าเรายับยั้งตรงนี้ได้ ปัญหาก็ไม่มี
ท่านผู้ชมครับ เรามีแรงงานที่อยู่ต่างประเทศเป็นแสนคน ไม่ใช่เฉพาะเกาหลี เรามีไต้หวัน สิงคโปร์เราก็มี ฮ่องกงเราก็มี ถ้าเกิดวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้ามันเป็นโรคระบาดแบบ Super Spread ผมถามท่านว่าคนไทยจากแต่ละประเทศที่จะกลับมา แม้กระทั่งในอเมริกา อเมริกาตอนนี้รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศภาวะฉุกเฉิน อเมริกาเริ่มมีคนตายเยอะขึ้น และอเมริกาจะมีคนตายมากขึ้นกว่าเก่า
จะเรียกได้ว่าเป็นกรรมตามสนองได้ไหม ท่านผู้ชม เหตุผลก็เพราะว่าอเมริกานั้นมีกลุ่มชนชั้นหนึ่ง ชั้นล่าง พวกไร้บ้าน หรือพวกคนจนจริงๆ ที่ไม่มีสวัสดิการทางด้านประกันสุขภาพ ที่อเมริกา ไปหาหมอที่ไหนต้องเสียเงินทั้งนั้น ถ้าท่านเป็นโควิด-19 ท่านไปให้หมอเช็ก หมอก็ต้องวางบิลท่าน หรือไปหาหมอเช็ก ถ้าท่านไม่มีสวัสดิการทางด้านประกันสุขภาพ เขาก็ไม่รับรักษาคุณ ปรากฏว่ากำลังจะเริ่มตายกันเป็นเบือ วันนี้นักการเมือง อย่างเช่นนายทรัมป์ และผู้ชิงตำแหน่งนายทรัปม์ของพรรคเดโมแครตก็ออกมาออกอาวุธใส่กันใหญ่เลย ซัดกันตูมตามๆ เพราะฉะนั้นแล้วอเมริกาตอนนี้ก็อยู่ในภาวะที่ใกล้จะถดถอยและฉิบหายเช่นกัน
ในขณะที่จีนกำลังแก้ปัญหา และจำนวนคนตายลดลง ท่านผู้ชมครับ จีนกำลังจะหลุดพ้นออกมาจากตรงนี้ องค์การอนามัยโลกส่งผู้เชี่ยวชาญไปศึกษาจีนมาแล้ว และบอกว่า จีนทำได้เป็นขั้นตอน มีความเชี่ยวชาญชำนาญอย่างมาก และสามารถจะหยุดยั้งได้จริงๆ จากในอู่ฮั่น หูเป่ย ซึ่งคนติดเชื้อมาก ตอนนี้คนติดเชื้อน้อยลง และคนรักษาหายมากขึ้น
ท่านผู้ชมครับ พิษของโควิด-19 สหรัฐอเมริกาต้องรู้ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าในช่วงที่คนในอเมริกาตายเพราะโรคโควิด-19 นั้น ตลาดหุ้นตกไปเท่าไร พร้อมหรือยัง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 150 ล้านล้านบาท สงครามการค้า ข้อตกลงการค้า เฟสที่ 1 ที่ตกลงกัน เซ็นสัญญากันไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่มีการขยับ จีนจะต้องซื้อสินค้าทางเกษตร ซื้อโน่นซื้อนี่ของอเมริกา จีนก็ไม่ซื้อ จีนไม่สนใจทำอะไรแล้ว ฉันจะเอาคนของฉันรอดอย่างเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่ปลูกถั่วเหลือง คนที่ได้อานิสงส์จากข้อตกลงทางการค้าของอเมริกา ก็หยุดชะงัก ขยับไม่ได้ เศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำ และไม่เกินปลายปีนี้ ท่านผู้ชม เศรษฐกิจของอเมริกาจะเริ่มถดถอยแล้ว เมื่ออเมริกาถดถอย ซึ่งโลกก็พร้อมจะถดถอย ท่านผู้ชมครับ โควิด-19 กำลังเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ กำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการค้า กำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศ ประชาชนกับประชาชน ไปมากมาย
ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพสิ ถ้าโควิด-19 หมดไป ผมถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การท่องเที่ยวจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีก จะกลับมาดีขึ้นกว่าปัจจุบัน แต่บางภูมิภาคจะได้กำไร บางภูมิภาคจะไปได้ อย่างเช่น ยุโรป กับอเมริกาทางตะวันตก ซึ่งดูถูกเหยียดหยามคนเอเชีย ก็จะมีคนเอเชียไปเที่ยวน้อยลง ประเทศบางประเทศในเอเชียที่ไม่ได้ทำให้ประเทศจีนมีความชอกช้ำใจ อย่างเช่นประเทศไทย ก็จะได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา สิงคโปร์ก็จะลำบาก เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่ปิดประเทศ แล้วก็ต่อต้านคนจีน คนจีนมีความรู้สึก ท่านผู้ชมเคยดูคลิปไหม คนจีนมาเที่ยวประเทศไทย 2-3 วันนี้ หรือในระยะหลังนี้ มีอยู่คนหนึ่งยืนอยู่ที่ริมหาดพัทยา ประกาศเลย ออกคลิปของตัวเองเลย บอกว่า ขอบคุณประเทศไทยมาก ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ดูแลคนจีนดีที่สุด ไม่รังเกียจเดียดฉันท์เรา ตอนนี้ประเทศไทยมีชื่อเสียงมาก และเรากำลังจะได้อานิสงส์อีกบางประการที่คนอื่นไม่มี
จังหวะเหมาะพอดีคือ ระเบียงเศรษฐกิจ อีอีซี ท่านผู้ชม ระเบียงเศรษฐกิจ อีอีซี ที่รัฐบาลชุดนี้ หรือคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นผู้สร้างขึ้นมา กำลังจะได้อานิสงส์จากปัญหาในเรื่องของอุปทาน ห่วงโซ่อุปทาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Supply Chain เพราะปัจจุบันนี้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มันหยุดชะงักหมด อย่างเช่น ไอโฟน ต้องการอุปกรณ์อันโน้นอันนี้มา ไม่มีแล้ว อะไหล่รถยนต์ประเทศโน้น Audi ต้องการจากนี่ เบนซ์ต้องการจากนี่ ก็ไม่มี เขาหยุดทำหมดเลย หลายๆ อย่าง ปรากฏว่าประเทศไทยจะได้อานิสงส์ตรงไหน ท่านผู้ชม จะได้อานิสงส์ตรงที่ว่า เมื่อใดก็ตามเรื่องมันจบ พวกอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกที่เคยพึ่งห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain เขาจะเริ่มพิจารณาประเทศอื่นแล้ว เขาจะไม่ไปพึ่งพาประเทศจีน และแม้กระทั่งนักลงทุนจีน หรือคนซึ่งผลิตพวกห่วงโซ่อุปทานในจีน ก็จะย้ายฐานการผลิตในจีนมาไว้ที่ไทย เขาไม่ไปเวียดนาม เขาจะมาที่ไทยแทน เพราะว่าไทย ทั้งกำลังคน ทั้งคุณภาพคน พร้อมหมด และสิ่งที่เขาสร้างกันในอีอีซีก็พร้อม เพียงแต่ว่าเขาจะแก้ปัญหาน้ำได้อย่างไร เท่านั้นเอง ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แล้วรถไฟความเร็วสูง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ไปเชื่อมต่อกับเมืองอู่ตะเภา แล้วอีอีซี ทั้งหมดนี้เป็นแพกเกจอันเดียวกันที่จะทำให้ไทยได้อานิสงส์ หลังจากที่โควิด-19 จบไป
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาพูดถึงทุกมิติ มิติประวัติศาสตร์ มิติเศรษฐศาสตร์ มิติการค้า มิติภูมิรัฐศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็จะเริ่มตกลง จะเริ่มตกลงอย่างแน่นอนที่สุด
ท่านผู้ชมครับ ก็มีเรื่องที่จะต้องพูดเรื่องเกี่ยวกับไวรัสมาแบบนี้ เพียงแต่ผมคิดว่าประเทศจีนจะได้เปรียบ เพราะหลังจากที่ไวรัสนี้จบแล้ว เขาเตรียมการมาเรียบร้อยแล้ว เขาแก้ไขปัญหาของเขาได้ อีกประการหนึ่งก่อนที่ผมจะจบเรื่องโควิด-19
ท่านผู้ชมครับ ท่านที่นับถือสีส้ม หรือท่านที่เห็นใจนิสิต นักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นั้น ผมก็เห็นใจเขา แต่ฟังผมสักนิดหนึ่ง สิ่งที่ผมพูด หลายๆ ท่านอาจจะไม่พอใจ แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง ท่านผู้ชม ทิ้งความอคติของท่านเอาไว้เสียก่อน ฟังความจริงตรงนี้เอาไว้ แล้วคิดตามมาว่าที่ผมพูดถูก หรือไม่ถูก
ท่านผู้ชมครับ โควิด-19 ไม่มีสัญชาติ ไม่มีสีเสื้อ ไม่ได้สนใจเลยว่าคุณเป็นฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตย คุณเป็นฝ่ายที่ยืนข้างทหาร หรือคุณเป็นอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งไม่อยู่กับใครทั้งสิ้น โควิด-19 มันมีเอกสิทธิ์ในตัวของมันเอง เอกสิทธิ์อะไร คือมันสามารถเข้าไปสู่คนทุกคน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพวกสีส้ม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพวกสีแดง สีเหลือง สีฟ้า หรือสีเขียวของทหาร มันเข้าหมด คำถามมีอยู่ว่า เราต้องยุติช่องทางที่จะให้มันเข้าและเกิดการแพร่กระจายอย่าง Super Spread ให้ได้ สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก การชุมนุม การมั่วสุมกัน หรือการพบปะกันในชนกลุ่มเยอะๆ ต้องยุติหมด ท่านผู้ชม ไม่อย่างนั้นแล้วงานอีเวนต์ทุกวันนี้จะหยุดไปได้อย่างไร ที่มันจำเป็นจะต้องหยุดลงไปก็เพราะว่านั่นล่ะ คือแหล่งที่จะเพาะเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ โมโต จีพี ที่บุรีรัมย์ ก็ต้องยกเลิก อีกไม่นานนี้ เชื่อผม โอลิมปิกก็ต้องยกเลิก ตอนนี้ปากแข็งอยู่ ไม่ยกเลิก ถ้าคุณไม่ยกเลิก ใครจะไปงานคุณ เช่นกัน ฉันใดฉันนั้น คุณชุมนุมกันหน้าเสาธง ราชภัฏเอย ธรรมศาสตร์เอย มหิดลเอย หลักการในการชุมนุมของคุณ วัตถุประสงค์ของคุณ ผมโอเค ผมไม่ขัดข้อง แต่ผมถามคุณคำหนึ่ง ถ้าเกิดมีคนมีเชื้อโควิด-19 แล้วอยู่ในที่ชุมนุมของคุณสัก 2-3 คน ไม่ต้อง 2-3 คนหรอก แค่คนเดียวก็พอ
ระหว่างที่คุณเย้วๆ ต่อไป ถึงคุณจะใส่หน้ากาก มันปิดไม่ได้หรอกนะ น้ำลายมันกระเด็นไป มือเท้ามันไปสัมผัส สมมุติว่ามีอยู่ 8,000 คนในนั้น สัมผัสไปสัมผัสมา มีสัก 100-200 คนติด 100-200 ติด แล้วกลับไปที่บ้าน ไปติดพ่อติดแม่ ติดพี่ติดน้อง ติดต่อไปเรื่อยๆ ผมถามท่านปัญญาชนทั้งหลายที่กำลังต่อสู้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ว่าใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่ามันจะไม่เกิด ป้องกันเอาไว้ดีกว่าไหม เรื่องประชาธิปไตยกับเผด็จการ คุณชุมนุมกันได้ตลอดชีวิตของคุณ ผมนี่สู้มาตั้งแต่ผมหนุ่มจนผมแก่จะตายอยู่แล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก ประเทศไทยมันจะยังเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดไป คุณอยากชุมนุม รอให้คุณสอบให้เสร็จเรียบร้อยก่อน รอให้โควิด-19 มันลงไปเสียก่อน เขาบอกว่าโควิด-19 นั้นมันแพ้อากาศร้อน ถ้ามันถึงสภาพที่ตัดสินใจแล้ว กระทรวงสาธารณสุขบอกตอนนี้เราปลอดภัยแล้ว โควิด-19 ไม่มีเหลือแล้ว เราปราบปรามได้เสร็จแล้ว คุณจะชุมนุมก็ชุมนุมไปเลย คุณอย่าเฮ้าเลี่ยน ต้องการแสดงออกว่าคุณต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คุณอย่าไปทำเช่นนั้น คุณทำแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะว่าคุณกำลังจะเปิดประตูให้โควิด-19 ที่มันไม่เลือกฝักเลือกฝ่าย มันไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ เข้าสู่ตัวคุณ
สภาผู้แทนราษฎรอิหร่านต้องปิดสภาฯ ไป เหตุผลก็เพราะว่ามีคนติด ลองดูสภาผู้แทนราษฎรประเทศไทยสิ ถ้ามีคนติดโควิด-19 สัก 1 คนนะ ที่ประชุมสภาฯ ก็ต้องหยุดชั่วคราว แล้วเรื่องของโควิด-19 มันเป็นเรื่องของโลก มันจะฉิบหายกันทั้งโลกแล้ว ประเทศไทยจะรอดได้อย่างไร ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องมาสุมหัวกันหาทางแก้กัน ไม่ใช่มากัดกัน ไม่ใช่มาด่ากัน ผมสงสารพยาบาลและผมสงสารหมอทุกคน ทุกคนทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา น่าสงสารมาก ผมเคารพในจิตมุ่งมั่นของทุกท่าน และผมขอคารวะท่านอย่างสูง
เรื่องเป็นเรื่องตายทางด้านไวรัสนั้น พรรคฝ่ายค้านควรจะยุติได้แล้ว ควรจะเสนอความคิดเห็นที่มีเหตุมีผล ไม่ใช่เสนอมาเพื่อดิสเครดิตอีกฝ่ายหนึ่ง ทำอย่างไรที่จะให้เรื่องนี้มันจบ ไม่ใช่ว่าเรากักตัวของพวกแรงงานผิดกฎหมายที่มาจากเกาหลีแล้ว แล้วคุณบอกว่าไปกักตัวเขาทำไม ปล่อยเขาสิ เขามีสิทธิ์เหมือนกัน นี่คือการโค่นล้มกันทางการเมืองโดยที่ไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น
ท่านผู้ชมครับ หมดแล้วครับ โควิด-19 อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะครับว่า ถ้าลอสแองเจลิสประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว ซึ่งลอสแองเจลิสคนไทยอยู่เยอะที่สุด มันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวแล้ว วอชิงตันก็มีคนเจ็บและมีคนตาย
นี่ผมยังไม่รู้ว่าผมจะไปอเมริกาได้หรือเปล่า เพราะว่าหลานสาวของผม ลูกครึ่งญี่ปุ่น พ่อเป็นญี่ปุ่น แม่เป็นน้องสาวของผม ซึ่งทั้งพ่อทั้งแม่เสียชีวิตไปแล้ว และผมเป็นผู้ปกครองของเขา เขาชื่อ ซาโตมิ กิโนซา เขาจบฮาร์วาร์ด ปริญญาโท 2 ปริญญา MBA กับ MPA ผมเป็นผู้ปกครองคนเดียวที่เหมือนพ่อเหมือนแม่ของเขา แต่ก่อนก็มีภรรยาของผม ภรรยาของผมก็เสียชีวิตไปแล้ว เขารับปริญญาวันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งผมกำหนดเวลาผมตั้งใจจะไป เขาก็ขอให้ผมไปในฐานะเป็นพ่อแม่เขา ยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้หรือเปล่า ผมก็ส่งไลน์ไปบอกเขาให้เขาเข้าใจ เขาก็พูดว่าเขาเข้าใจดี แต่เขาเสียใจมากๆ แต่เขาบอกว่าเรื่องเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร โรคระบาดเกิดขึ้นมา ทำให้ครอบครัวต้องห่างกันออกไป ทำให้เพื่อนต้องห่างกันออกไป ทำให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกลายเป็นความรังเกียจเดียดฉันท์ ทำให้คนเรามองหน้ากันไม่ติด เพราะฉะนั้นแล้ว ในช่วงโรคระบาดหรือช่วงไหนก็ตาม ท่านผู้ชมครับ ต้องมีสติ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องสุดท้ายที่จะพูด คือเรื่องคุณบรรยิน ตั้งภากรณ์ หรือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เรื่องนี้ถ้าดูดีๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการฆาตกรรม ฆ่าคน แต่มันมีนัยซ่อนเร้นอยู่บางประการ ซึ่งเราไม่เคยพิจารณา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าการอุ้มพี่ชายของผู้พิพากษาที่กำลังพิจารณาคดีโอนหุ้น ที่ พ.ต.ท.บรรยิน ถูกกล่าวหาว่าโอนหุ้นปลอม เอาเงิน 300 ล้านบาท เข้ากระเป๋า พ.ต.ท.บรรยิน แล้วคำพิพากษา หรือแนวโน้มทิศทางคดีจะไปในทิศทางที่ไม่เป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ก็เลยมีการข่มขู่ท่านผู้พิพากษาซึ่งเป็นสุภาพสตรี ท่านเป็นสุภาพสตรีสูงอายุแล้ว และถึงขั้นสุดท้าย อุ้มพี่ชายของท่าน ไป อุ้มเพื่ออะไร เพื่อที่จะบีบให้คดีนั้นมีการตัดสินในทิศทางที่ พ.ต.ท.บรรยิน ต้องการ ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเรื่องแรกในประวัติศาสตร์กระบวนการยุติธรรมไทยที่มีการทำเช่นนี้ ในอดีตไม่มี แล้ว พ.ต.ท.บรรยิน ใจกล้าและหน้าด้านมากที่มาทำเรื่องนี้ และผมก็สงสาร เรื่องของเรื่องก็คือว่า เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไป กองปราบฯ ได้รับการร้องเรียนจากคุณวันเพ็ญ ซึ่งเป็นพี่สาวของคุณชูวงษ์ ที่เสียชีวิตอย่างมีปริศนาว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เสีย ไม่น่าจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่โดนฆ่ามาก่อน วัตถุประสงค์ก็คือว่า คนที่วางแผนฆ่านั้นต้องการจะฮุบหุ้นของคุณชูวงษ์ ซึ่งมีอยู่ 300 ล้านบาท แล้วปลอมแปลงเอกสารเพื่อไปโอนหุ้น เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ในที่สุดแล้วกองปราบฯ ทำเรื่องสั่งฟ้อง อัยการก็ฟ้อง และก็มีครอบครัวของคุณชูวงษ์ ก็คือคุณวันเพ็ญ ภรรยา และลูกชาย ก็ร่วมฟ้องด้วย ข้อหาก็คือว่า พ.ต.ท.บรรยิน และพวก ซึ่งมีพริตตี้ 2 คน ซึ่งชื่ออะไรผมจำไม่ได้ ชื่อป้อนข้าว คนอะไรไม่รู้ชื่อป้อนข้าว อีกคนหนึ่งชื่อน้ำตาล แล้วแม่ของป้อนข้าว หรือแม่ของน้ำตาล ผมจำไม่ได้ ทั้งหมด ป้อนข้าว น้ำตาล แม่ของเขา บรรยิน 4 คนนี้เป็นจำเลย
คุณบรรยิน จำเลยที่ 1 นอกนั้น 2-3-4 แล้วปรากฏว่ามีการพิสูจน์ในศาลมาก พิสูจน์เยอะ จนกระทั่งทนายความ และ พ.ต.ท.บรรยิน ยั่วยุท่านผู้พิพากษา ยั่วยุแบบภาษานักเลงเขาเรียกว่า กวนส้นตีน (ขอโทษครับท่านผู้ชม) ท่านผู้พิพากษา เพราะต้องการให้ท่านสติแตก เมื่อท่านสติแตกแล้ว หรือท่านโกรธ หรือท่านแสดงอาการอะไรก็ได้ พวกนี้ก็จะได้ทำเรื่องคำร้องขอเปลี่ยนผู้พิพากษา เพราะผู้พิพากษาคนนี้เป็นคนที่สมถะมาก ไม่รับวิ่งเต้นอะไรทั้งสิ้น มีพี่น้องอยู่ 3 คน มีพี่สาวคนหนึ่ง มีพี่ชายคนหนึ่ง แล้วก็ตัวท่าน ทั้งพี่สาว พี่ชาย และตัวท่าน เป็นโสดหมด อยู่บ้านหลังเก่าๆ หลังหนึ่ง อยู่กัน 3 คน เป็นผู้พิพากษาที่สมถะ ยากจนแต่ซื่อตรงต่อวิชาชีพของตัวเองมาก
ก็ปรากฏว่า หลักการ หลักฐานต่างๆ มันเริ่มมัดตัวขึ้นมาแล้วว่า พ.ต.ท.บรรยิน และจำเลยอีก 3 คน คือ น้ำตาล ป้อนข้าว และแม่ของป้อนข้าวหรือน้ำตาลนี่ล่ะ เอาเป็นว่า กำลังพิสูจน์ว่า 4 คนนี้ใช้เอกสารเท็จมาโอนหุ้นเข้ากระเป๋าตัวเอง และถ้าคำพิพากษาออกมาในทำนองนั้น พวกนี้ก็ต้องถูกลงโทษ ติดคุก แต่สำคัญกว่าติดคุก ท่านผู้ชม คดีนี้จะถูกโยงกลับไปอีกคดีหนึ่ง ซึ่งพี่สาวของคุณชูวงษ์ เป็นคนฟ้อง คือคดีฆาตกรรมอำพรางน้องชายของเขา คือคุณชูวงษ์ เพราะว่านี่คือเหตุจูงใจที่ทำให้มีการฆาตกรรมอำพรางน้องชายของเขา ท่านผู้ชม การจับคนพวกนี้ ก็ใช้ลักษณะของการจับตาดูพี่ชายท่านผู้พิพากษา ซึ่งจะมารับน้องสาวทุกวัน นั่งแท็กซี่มารับน้องสาวกลับ พอลงมาจากบัลลังก์แล้ว จะกลับบ้านก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านกัน 2 คนพี่น้อง เป็นอย่างนี้ทุกวัน แล้วท่านผู้พิพากษาท่านก็รู้สึกผิดปกติ ท่านถูกข่มขู่มาแล้ว ท่านเดินอยู่ในศาลอาญาใต้ ก็มีรถตู้คันหนึ่งมาขับรถเฉี่ยวท่าน หลังจากนั้นพี่ชายท่านก็หายไป เมื่อหายไปแล้ว จู่ๆ ท่านได้รับโทรศัพท์ว่าผมเป็นคนขับแท็กซี่ ผมเห็นพี่ชายของท่านไม่สบาย เลยเอามาส่งโรงพยาบาล แต่ว่าในคำพูดทั้งหมด 8 นาที ท่านผู้ชม มันมีส่วนหนึ่งซึ่งคนที่พูดโทรศัพท์นี้เอาเอกสารมานั่งอ่าน ก็คือว่า ให้ทำอย่างนี้ๆๆ ให้ยกฟ้อง คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการข่มขู่ ท่านผู้พิพากษาท่านก็งง ตอนแรกท่านก็คิดว่าเป็นแท็กซี่จริง พอตอนหลังท่านมีสติ เพราะท่านไปร้องเรียนที่โรงพักว่าช่วยตามพี่ชายท่านหน่อย ท่านก็เลยถามไปว่า พี่ชายของฉันยังมีชีวิตอยู่ไหม ปรากฏว่ามีเสียงลอดออกมา ซึ่งเขาก็รู้ว่าเป็นเสียงของ พ.ต.ท.บรรยิน บอก เฮ้ย เอาพี่ชายมาพูดสายหน่อย 10 วินาทีเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าคำพูดทางโทรศัพท์เอามาใช้ในศาลไม่ได้ แต่มันเป็นมูลเหตุ ทำให้ตำรวจคลำทิศทางเจอ ตำรวจในที่สุดก็เลยจับได้หมดทุกคน และที่สำคัญก็คือว่า ลูกน้องของ พ.ต.ท.บรรยิน คนหนึ่งให้การชัดเจนว่าบรรยินเป็นคนฆ่า แล้วบรรยินไปวันนั้นโดยการแต่งชุดตำรวจ เพราะตัวเองอดีตเคยเป็นสารวัตรปราบปราม สวป.อยู่ที่กำแพงเพชร แล้วตอนหลังถอดเครื่องแบบออกมา มาเล่นการเมือง สมัครเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วบุญมาวาสนาส่งได้เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงพาณิชย์
ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยไปค้นเจอกระดูก เจอกะโหลก เจอหมด ส่วนใหญ่แล้วเขาเอามาตรวจดีเอ็นเอก็ปรากฏว่าเป็นดีเอ็นเอของพี่ชายท่านผู้พิพากษาคนนี้ ในที่สุดตำรวจก็เร่งทำคดี คุณบรรยินก็เลยถูกคัดค้านการประกันตัว เข้าไปนอนในคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตำรวจก็มีเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์ที่จะสรุปสำนวนให้เสร็จ และก็จะต้องส่งไปยังอัยการเพื่อส่งฟ้อง ผมเชื่อว่าเมื่อส่งฟ้องแล้ว อัยการและตำรวจก็จะคัดค้านการประกันตัว ผมมั่นใจว่า พ.ต.ท.บรรยิน และคณะ ก็คงจะอยู่ในคุกอีกนานกว่าจะพิจารณาเสร็จ เอ้า พักจบตรงนี้ก่อนท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ นี่คือตอนจบนะ เอาตอนต้น
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ มีภรรยาคนหนึ่ง ชื่อคุณรสริน แล้วคุณรสริน ก็เป็นแม่ของเน็ตไอดอลคนหนึ่งที่ชื่อเบล บุษบา คุณเบล ไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกของคหบดี หรือผู้มีอันจะกิน และมีกิจการที่ใหญ่โตคนหนึ่งที่อยู่ทางใต้
ระหว่างนั้นคุณบรรยิน มีเรื่อง ถูกกล่าวหาว่าได้ฆ่าคน หรือว่ามีเรื่องเกี่ยวกับชูวงษ์ ก็เลยโดนตำรวจเอาหมายไปค้นที่บ้าน คุณบรรยินก็เลยสั่งให้ลูกสาวที่ชื่อเบล บุษบา กับลูกเขย ให้ไปแจ้งความเอาเรื่องตำรวจผิด 157 ปรากฏว่าพ่อของลูกชายซึ่งเป็นคนใต้ ไม่พอใจ ที่เห็นคุณบรรยินลากลูกชายของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา เป็นธรรมชาติของพ่อที่ดี เขาก็เลยยุให้ลูกชาย ขอร้องให้ลูกชายหย่ากับคุณเบล บุษบา ในที่สุดก็หย่าออกมา
คุณบุษบา เป็นลูกสาวของคุณรสริน คุณรสริน เป็นเมียคนแรก ระหว่างที่มีเมียคนแรกก็ได้ไปเจอเจ๊ไก่ เจ๊ไก่เป็นเมียปัจจุบันของคุณบรรยิน เจ๊ไก่ เป็นเด็กที่จบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ๊ไก่ ชื่อคุณวราภรณ์ ทำธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้าง สมัยก่อนมีพี่ชายคนหนึ่งเป็นคนทำรับเหมาก่อสร้าง อยู่ที่นครสวรรค์ ใหญ่พอสมควร
แต่วันดีคืนดีพี่ชายถูกยิงตาย จับมือใครดมไม่ได้ เจ๊ไก่ก็เลยมาตั้งบริษัทก่อสร้างใหม่ที่ชื่อ บริษัท เพชรวดีก่อสร้าง ก็เอาอุปกรณ์ เครื่องมือของพี่ชายมาตั้งบริษัทตัวเอง แล้วก็ไปคบกับ พ.ต.ท.บรรยิน คุณรสริน ก็โกรธ เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร นี่เป็นวลีเด็ดซึ่งพูดกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย จนวันนี้ ก็ได้ผลบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ผล เพราะผมคิดว่าผัวหลายคน ถ้าผู้หญิงเอาทองเท่าหัวผัวมาให้ ผู้หญิงเขารับ แล้วก็ปล่อยผัวไป ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนแล้วท่านผู้ชม
ปรากฏว่าคุณรสริน โกรธ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหน้าบ้านของคุณวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ไปยืนด่าคุณวราภรณ์ ด่าเป็นแพ็กเกจ ด่าเป็นชุดเลย มีทั้งโปรโมชันเสร็จเรียบร้อย ส่วนลดให้เสร็จเรียบร้อย เสร็จแล้วก็กลับมา ก็เลยเกิดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งคนวงในเขาบอกว่าประหลาด คุณบรรยิน วันหนึ่งคุณรสรินทำกับข้าวให้ทานเต็มโต๊ะเลย จู่ๆ คุณบรรยินก็บอกว่า นี่ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้ฉันกินหน่อยได้ไหม ทั้งๆ ที่กับข้าวก็มีหมดแล้ว แต่ให้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมา คุณรสริน ความที่รักผัว ก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ไป ระหว่างขี่ มีรถยนต์คันหนึ่งที่ไม่ทราบป้ายทะเบียน ลึกลับมาก ไล่ชนคุณรสริน จนรถมอเตอร์ไซค์ตกข้างทาง แต่คุณรสรินไม่ตาย จับมือใครดมไม่ได้อีก แล้วจู่ๆ วันหนึ่งคุณบรรยินก็ชวนคุณรสรินไปกำแพงเพชร โดยคำให้การว่า คุณรสรินขับรถ แล้วขากลับ ขับกลับมา ปรากฏว่ารถตกถนนแล้วไปชนต้นไม้ คุณรสรินตาย ท่านผู้ชมครับ คนที่ใกล้ชิดวงการพยานทั้งหมดที่เป็นเพื่อนของคุณรสริน บอกว่า เฮ้ย มันทะแม่งๆ เพราะคุณรสรินขับรถไม่เป็น
คือกรณีของคุณรสริน กรณีชูวงษ์ นี่คล้ายๆ กัน อุบัติเหตุ แล้วคนขับตาย ที่ผมเล่าให้ฟังนี่คือว่า มันมีพฤติกรรมแบบนี้มีอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
คุณชูวงษ์คือใคร คุณชูวงษ์มาได้รู้จักกับคุณบรรยินตอนที่ไปเรียน อบรมกัน สถาบันวิทยาการตลาดทุน (Capital Market Academy) วตท. รุ่น 20 ทำไมคุณชูวงษ์ไปอบรมที่นั่น เพราะว่าพี่สาว คือคุณวันเพ็ญ มีความรู้สึกว่าคุณชูวงษ์เป็นคนที่ Low profile เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่มาก ทำงานก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ และบริษัทเจริญเติบโตรุ่งเรือง ควรจะได้รู้จักผู้คนบ้าง ก็เลยยุยงส่งเสริมให้ไปเรียน วตท. เมื่อไปเรียนแล้วก็ไปเจอคุณบรรยิน คุณบรรยินก็เห็นคุณชูวงษ์
แต่เผอิ๊ญ...เผอิญ เผอิญอย่างมากๆ แล้วก็ไปเรียน วปอ.ด้วย ก็เกิดมีคนๆ หนึ่งทำงานอยู่ในบริษัทหลักทรัพย์ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย คนๆ นี้กำลังพิจารณาจะเอาหุ้นของบริษัทคุณชูวงษ์เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะคุณชูวงษ์เสนอไป แล้วคนๆ นี้ก็ไปสนิทกับคุณบรรยิน เข้าใจว่าคงเล่าให้คุณบรรยินฟังว่าชูวงษ์เขารวยนะ ไม่รวยได้อย่างไรล่ะ หุ้น 300 ล้านนี่เศษสตางค์ของคุณชูวงษ์ ก็เลยคิดการใหญ่ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาคิดหรือไม่คิด แต่เป็นเรื่องที่น่าสงสัย แนะนำพริตตี้มา 2 คน พริตตี้นะครับ คนหนึ่งก็คือคุณน้ำตาล อีกคนหนึ่งคือคุณป้อนข้าว 2 คนนี้เอามาให้กับคุณชูวงษ์ แต่ว่าเผอิญคุณชูวงษ์ โดยที่พี่สาว คือคุณวันเพ็ญ บอกว่าน้องชายของดิฉันไม่ใช่คนประเภทนี้ ไม่ชอบที่จะมีกิ๊ก มีโน่นมีนี่ แต่วิธีการเขาก็เอาพริตตี้คนหนึ่งเข้าไปเป็นโบรกเกอร์ ภาษาคนเล่นหุ้นเขาเรียกว่าโบรกเกอร์นั่งตัก ก็คือไปดูแล account ที่สำคัญของคุณชูวงษ์
ก็ปรากฏว่าในที่สุดแล้วก็มีการโอนยักย้ายถ่ายเท ยักย้ายถ่ายเทหุ้นต่างๆ เหล่านี้เข้าไปในชื่อของมาร์เก็ตติ้งคนนี้ ซึ่งเป็นพริตตี้ของคุณบรรยิน เอาเข้าไปในบัญชีต่างๆ เหล่านี้ 300 ล้านบาท มีการโอนให้เห็นชัดเจน โดยที่มาร์เก็ตติ้ง ก็คือคุณน้ำตาล หรือคุณป้อนข้าว เอาหุ้นนี้ไปขาย แต่ไม่สามารถเอาเงินเข้าพอร์ตตัวเองได้ ก็เลยโอนเงิน 300 ล้าน โอนเข้าพอร์ตแม่ตัวเอง นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ เอ๊ะ แต่มันมีปัญหา ตอนนั้น วันที่ 20 กว่า สิ้นเดือนแล้ว หลักฐานทางตลาดหลักทรัพย์จะต้องส่งมาแล้ว ว่ามีการโอนหุ้น ขายหุ้นอะไร คุณชูวงษ์ต้องได้รับทราบ แล้วคุณชูวงษ์จะรู้ทันทีว่าทำไมหุ้นของผมหายไป 300 ล้านบาท แกจบวิศวฯ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็เลยเกิดกระบวนการวางแผนขึ้นมา วางแผนอย่างไร วางแผนว่า อย่างไรก็ตามให้ชูวงษ์รู้ไม่ได้ว่าหุ้นหายไปแล้ว แว้บหนึ่ง เหตุการณ์เมื่อปี 2534 ที่คุณรสรินชนต้นไม้แล้วตาย ก็แว้บเกิดขึ้น ก็ปรากฏว่าไปชวนคุณชูวงษ์ไปเล่นกอล์ฟ พอชวนคุณชูวงษ์ไปเล่นกอล์ฟ เล่นเสร็จก็ชวนคุณชูวงษ์นั่งรถกลับ จากสถานที่เกิดเหตุ มาจนถึงสนามกอล์ฟ ประมาณ 20 กิโลฯ ท่านผู้ชมครับ 20 กิโลฯ ท่านผู้ชมรู้ไหม รถใช้เวลาวิ่ง 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้นแล้ว ก็ปรากฏว่าไปแจ้งความ ว่ารถเกิดอุบัติเหตุ แล้วคุณชูวงษ์ซึ่งเป็นคนขับ คอหักตาย เข้าใจว่าน่าจะมีการฆ่าคุณชูวงษ์มาแล้ว แล้วเอาใส่รถ แล้วก็ทำให้เป็นเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความจริงทุกอย่างมันก็ดูธรรมดานะ เพราะญาติพี่น้องของคุณชูวงษ์ คือคุณวันเพ็ญ ภรรยา และลูก ก็ยังเชื่อว่าคุณชูวงษ์ขับรถแล้วคอหักตาย ก็ปรากฏว่ามีการสวดพระอภิธรรมศพแล้วก็เผาทันที เมื่อเผาทันทีแล้ว เผอิ๊ญ...เผอิญ คุณวันเพ็ญเกิดสงสัย เพราะว่ามันเลยสิ้นเดือนแล้ว มันมีรายการที่มาจากตลาดหลักทรัพย์ บอกว่าคุณชูวงษ์ได้โอนหุ้นไปแล้ว 300 ล้านบาท ทั้งเมีย ทั้งพี่สาว ทั้งลูก ก็เลยเช็ก ก็ปรากฏว่าไม่มี คุณชูวงษ์ไม่เคยโอนหุ้นให้ใคร ไม่เคยโอนหุ้นให้ใคร ก็เลยมาตั้งข้อสงสัยแล้วคุณวันเพ็ญก็เลยไปแจ้งความที่กองปราบฯ ว่าคุณชูวงษ์น่าจะถูกฆาตกรรมอำพรางด้วยฝีมือของใครก็ตาม ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือ พ.ต.ท.บรรยิน
เผอิญคดีนี้มันเกิดขึ้นที่ สน.อุดมสุข ผู้กำกับชื่อ พ.ต.อ.นิธิศ บุญเจริญ ท่านผู้ชม เดี๋ยวผมจะเล่าอะไรให้ฟังอย่างหนึ่ง ท่านผู้ชมฟังหูไว้หูก็แล้วกัน เชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร คุณวันเพ็ญ พี่สาว ไปจี้เรื่องนี้ บอกว่าน้องชายของฉันถูกฆาตกรรม คุณจะว่าอย่างไร คุณตรวจสอบให้หน่อย ก็ปรากฏว่าคุณนิธิศ บุญเจริญ นั้นดันเป็นเพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ คุณนิธิศก็บอกว่า ไม่มีครับ ผมยืนยันได้ เกิดอุบัติเหตุอย่างเดียว ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผมโกหก หรือไม่เป็นจริง ขอให้มีอันเป็นไป ท่านผู้ชมครับ 3 เดือนให้หลัง ตายเลย ท่านผู้ชม 3 เดือนให้หลัง พ.ต.อ.นิธิศ ตาย อาจจะเป็นเพราะว่าผีคุณชูวงษ์เฮี้ยน หรือว่าอาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำงาน หรืออาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แต่เขาตายจากเส้นเลือดในสมองแตก
คุณวันเพ็ญก็เลยทำเรื่องโอนไป ขอให้กองปราบฯ เข้ามาทำ พอขอให้กองปราบฯ เข้ามาทำ แล้วตอนที่ขับรถนะ ท่านผู้ชม คุณบรรยิน กับคุณชูวงษ์ ขับรถ ตามคำอ้างของคุณบรรยินนะ ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านผู้ชม 30 กิโลเมตร แล้วชนต้นไม้นี่ ผมว่าไม่ใช่แล้วงานนี้ แล้วคอหัก กองปราบฯ ก็คิดเช่นนั้น แต่ความที่ถ้าตายไปนานแล้ว และเผาศพไปแล้วด้วย ก็เลยต้องมาแกะรอยค่อยๆ หาหลักฐานขึ้นมาทีละนิดๆ จนในที่สุดแล้วก็ฟ้องคุณบรรยิน ในการฟ้องคุณบรรยินก็เป็นเรื่องที่สนุกสนาน เพราะมีท่านอัยการท่านหนึ่ง ท่านพูดบอกว่า จะให้ผมฟ้องเหรอ ทางฝั่งนั้นเขาเสนอผมมา 20 ล้าน ไม่ให้ฟ้อง ถ้าคุณให้ผม 20 ล้านได้ ผมจะสั่งฟ้อง คุณวันเพ็ญไม่ยอมจ่ายเงิน อัยการก็เลยไม่ฟ้องตอนนั้น แต่พอตอนหลัง มีการกดดันหนัก ก็เลยมีอัยการอีกชุดหนึ่งเข้ามาสั่งฟ้อง และคุณวันเพ็ญก็เป็นโจทก์ร่วมด้วย เมื่อคุณวันเพ็ญเป็นโจทก์ร่วมด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า กำลังสืบพยานอยู่ สืบไปสืบมา พอดี เรื่องเอกสารเท็จที่เขาฟ้องในศาลอาญาใต้ กำลังเดินไปจนกระทั่งจะถึงจุดจบแล้ว คุณวันเพ็ญก็เลยขอให้พักคดีเรื่องฆาตกรรมเอาไว้ก่อน ยังไม่ให้สืบต่อ ให้รอผลของคดีการโอนหุ้น ถ้าผลของคดีการโอนหุ้นพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นเอกสารเท็จ เมื่อเป็นเอกสารเท็จเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นเหตุจูงใจให้เห็นว่านี่ล่ะคือเหตุผลที่ พ.ต.ท.บรรยิน ต้องฆ่าชูวงษ์ เพื่อเอาเงิน ในคำพิพากษาศาล ในคดีทุกคดี คดีแบบนี้มันต้องมีเหตุจูงใจ ตอนนี้ถ้าศาลพิพากษาว่าเป็นเอกสารเท็จ และเป็นการโอนหุ้นที่เท็จ ก็แสดงว่าเป็นเหตุจูงใจอย่างแน่นอนที่สุด
ด้วยเหตุนี้ มันก็เลยทำให้ท่านพนิดา คือท่านผู้พิพากษาศาลอาญาใต้ ท่านโชคร้ายมาก ท่านต้องสูญเสียพี่ชายไป เพราะว่า พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ต้องการให้คดีออกมาว่าเอกสารเป็นเท็จ ถ้าเอกสารไม่เป็นเท็จ คดีที่คุณวันเพ็ญฟ้องคุณบรรยินเอาไว้ว่าฆาตกรรมน้องชายของเขา คือคุณชูวงษ์ ศาลอาญากรุงเทพใต้ คุณวันเพ็ญฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ที่ศาลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมน้องชาย ก็จะไม่มีมูลเหตุจูงใจ คุณบรรยินก็จะบอกว่า ผมจะไปฆ่าทำไม ผมมีเหตุจูงอะไรบ้าง แต่ถ้าศาลพิพากษาว่าคดีโอนหุ้นนั้นเป็นเท็จ ก็แสดงว่าเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด เดิมทีจะตัดสินกันวันที่ 20 มีนาคม 2563 เมื่อมันใกล้ตัวเข้ามาทุกทีก็เลยต้องลักพาตัวพี่ชายของท่านพนิดาไป
ท่านผู้ชมครับ มันมีอะไรหลายอย่างในอดีต ผมจะเล่าให้ฟัง ที่มันจะเกี่ยวข้องกับคุณบรรยินหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ว่ามันพิลึกกึกกือ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 มีคนร้ายยิงอดีต ส.จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบิดาของอดีต ส.จ.นครสวรรค์ เสียชีวิต ตำรวจตั้งประเด็นสังหาร 2 เรื่อง คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และการเมือง คุณบรรยินทำเรื่องรับเหมาก่อสร้าง
11 กรกฎาคม 2553 คนร้ายใช้ปืนไรเฟิลลอบยิงนายอำนาจ ศิริชัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครสวรรค์ เสียชีวิตระหว่างนั่งรอรถชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ปี 2010 คู่ชิงชนะเลิศ ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์หลังเก่า จับตัวคนร้ายไม่ได้
18 เมษายน 2553 (นี่ปี 53 ทั้งนั้นเลยนะ) พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม อายุ 54 ปี ผู้กำกับ สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตหน้าสำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ จากการสอบถามก็คือขัดแย้งในเรื่องการรับเหมาก่อสร้าง
20 สิงหาคม 2560 สองปีกว่าที่แล้ว คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายไกรลาศ โชคชัยผล อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.วังเมือง อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะไปร่วมงานศพ ความขัดแย้งในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
29 กันยายน 2562 ปีที่แล้วนี่เอง คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองบุกซุ่มยิงนายวิรุฬ อายุ 50 ปี เสียชีวิต
24 ธันวาคม สองเดือนที่ผ่านมานี้เอง นายมานะ อยู่จันทร์ อายุ 53 ปี มีตำแหน่เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ท่าตะโก ถูกมือปืนใช้ลูกซอง เบอร์ 12 ส่องยิงหน้าอกพรุน ทิ้งศพริมคันนา ปมขัดแย้งทางการเมือง และการก่อสร้าง
ท่านผู้ชมครับ จับใครไม่ได้สักคนเลย แหล่งข่าวบอกว่างานนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ลงมือด้วยตัวเอง เพราะไม่ไว้ใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องชี้ชะตา คุณป้อนข้าวได้เงินไป ขออนุญาตศาลเดินทางออกไปต่างประเทศ ลงเฟซบุ๊ก ลันล้า ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม โดยที่คุณป้อนข้าวไม่ละอายแก่ใจเลยว่าเงินที่คุณใช้อยู่ทุกวันนี้ เป็นเงินของคุณชูวงษ์
นี่ล่ะครับท่านผู้ชม ตอนนี้คดีคงไม่ได้พิพากษาวันที่ 20 มีนาคม แล้ว เพราะว่าทางศาลอาญาท่านเรียกสำนวนไป ตั้งผู้พิพากษาองค์ใหม่มาพิจารณา เหตุผลเพราะว่าเป็นคู่ขัดแย้งกันแล้ว เรารอดูต่อไป แต่ตอนนี้ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง คดีบรรยิน ตั้งแต่ต้น ผมเอาตอนจบมา แล้วผมโยงให้ดูว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็พอสมควร แต่ผมคิดว่าช่วงหลังๆ นี้ท่านผู้ชม ผมพูดมากเกินไปแล้ว ชั่วโมงกว่าทุกครั้ง ผมว่าผมจะจำกัดการพูดของผมลงสัก 1 ชั่วโมง ดีกว่า กำลังดี ท่านผู้ชมครับ ระวังเนื้อระวังตัวในเรื่องของโรคระบาด ระวัง แต่อย่าไปรังเกียจใคร มันมีวิธีที่จะระวังโดยที่ไม่ให้เขารู้ว่าเราไม่ต้องการอยู่ใกล้เขา อย่าไปแสดงอาการ
อาทิตย์หน้าอาจจะเป็นเรื่องที่ผมเตรียมตัวเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมคิดว่าผมจะเลื่อน เพราะว่าผมมีเรื่องที่น่าสนใจมาก ผมกำลังพิจารณาอยู่ ผมมองว่าพอสิ้นสุดโควิด-19 แล้ว โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ความสัมพันธ์จากจุดหนึ่งกับจุดหนึ่ง จากส่วนหนึ่งกับส่วนหนึ่ง จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
วันนี้ก็เอาเป็นแค่นี้นะครับ ขอความสวัสดีมีชัยจงมีต่อท่านผู้ชมทุกท่าน สวัสดีครับ