xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เบื้องหลัง 1MDB "ช่อ"พูดจริงหรือไม่ แฉ"ธนาธร"หนีอดีตไม่ได้ เตือนปลุกแฟลชม็อบระวังเลยเถิด-แนะ"ลุงป้อม"ลาออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ”เล่าเบื้องหลังกองทุน 1MDB พร้อมแฉ “ช่อ” ตัดแปะข่าว หวังทำลาย “พล.อ.ประยุทธ์” รับข้อมูลจาก “พล.ต.ท.”ที่หวังต่อยอดล้ม “บิ๊กแป๊ะ” ยืนยัน “ซาเวียร์ จัสโต้”ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ หมายแดง “โจโลว์”ไม่ใช่หมายจับ มโน“นาจิบ” เป็นพันธมิตรมืด“บิ๊กตู่” ย้อนคำพูด“ธนาธร”ในอดีต น่ากลัว ปลุกม็อบ นศ.บอกความจริงไม่หมด ระวังเลยเถิด เกิดความรุนแรงต้องรับผิดชอบ เข้าใจเด็กไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรมเพราะเห็นคดีนาฬิกาเป็นตัวอย่าง แนะ“บิ๊กป้อม”ลาออก



วันที่ 28 ก.พ.63 เมื่อเวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ทำการไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เล่าเรื่องกองทุน 1MDB เป็นแค่เสี้ยวนึงของเรื่องทั้งหมด ระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ สามารถโยงใยไปถึงหลายๆ เรื่อง ทั้งการเมือง เรื่องระหว่างประเทศ และร้อนไปถึงวงการตำรวจ เบื้องลึก เบื้องหลัง เป็นอย่างไร

นายสนธิได้ได้เล่าความเป็นมาของกองทุน 1MDB ที่รัฐบาลมาเลเซียตั้งขึ้นมาเพื่อลงทุนด้านพลังงาน มาลงทุนเรื่องพัฒนาพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว การเกษตร แต่เกิดปัญหาการทุจริตขึ้นในช่วงที่นายนาจิบ ราซะก์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้นายนาจิบถูกดำเนินคดี และนายโจ โลว์ ผู้ต้องหาสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ได้อภิปรายนอกสภา กล่าวหาว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในกองทุนดังกล่าว โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพันธมิตรมืดกับนายนาจิบ เนื่องจากเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่มาเยือนไทยหลังการรัฐประหาร 2557 นอกจากนี้ยังปล่อยให้นายโจ โลว์ หลบหนีเข้ามาในไทยโดยไม่มีการจับกุม แต่กลับไปดำเนินคดีนายซาเวียร์ จัสโต้ ที่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตในกองทุน 1MDB แก่สื่อมวลชน และเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งอ้างว่ามีคนไทยที่ทำงานให้นายโจโลว์ มีความใกล้ชิดกับ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน

นายสนธิกล่าวว่า การเชื่อมโยงตัดแปะเรื่องราวของ น.ส.พรรณิการ์ ดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะทำลายภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่มีความเป็นจริง เพราะนายซาเวียร์ จัสโต้ ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกดำเนินคดีข้อหาข่มขู่กรรโชกทรัพย์เรียกเงินประมาณ 90 ล้านบาทจากบริษัทเปโตรซาอุดี ซึ่งนายซาเวียร์เคยเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยนายซาเวียร์นั้นมีโรงแรมของตัวเองอยู่ที่เกาะสมุย ตัวแทนบริษัทเปโตรซาอุดี ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษจึงได้แจ้งความให้ตำรวจไทยเข้าจับกุม นายซาเวียร์รับสารภาพและถูกตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 แต่จำคุกอยู่ 1 ปีก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ส่วนที่ น.ส.พรรณิการ์บอกว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมส่งตัวนายซาเวียร์กลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ทำเรื่องขอตัวมานั้น ก็เพราะนายซาเวียร์กระทำความผิดในไทยถูกดำเนินคดีในไทยก็ต้องติกคุกไทยให้ครบก่อน และไทยไม่ได้เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้สวิตเซอร์แลนด์

ส่วนที่อ้างว่านายนาจิบเป็นพันธมิตรมืดกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมาเยือนไทยและจับมือถ่ายรูปหลังการรัฐประหารนั้น เป็นการกล่าวหาที่ง่ายเกินไป เพราะนายนาจิบถ่ายรูปกับอีกหลายคน เช่น บารัก โอบามา, ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของสายการบินเวอร์จิน, แจ๊ก หม่า ทำไมไม่เรียกคนเหล่านี้เป็นพันธมิตรมืดด้วย

นายสนธิกล่าวอีกว่า ข้อกล่าวหาที่ น.ส.พรรณิการ์อ้างว่ารัฐบาลไทยไม่จับกุมนายโจโลว์ทั้งที่มีหมายแดงของอินเตอร์โพลนั้น ข้อเท็จจริงหมายแดงเป็นเพียงการแจ้งให้ทราบและจับตาดูบุคคลตามหมาย ไม่ใช่หมายจับนานาชาติ มีการส่งออกไปแต่ละครั้งจำนวนมากเหมือนจังก์เมล์ ประเทศไหนถ้าต้องการตัวจริงๆ ก็ส่งคนมาติดต่อประสานมาอีกที เหมือนนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือนายบอส ลูกเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ก็โดนหมายแดงเช่นกัน แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้จริงจังในการติดตามจับกุม จึงยังสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ได้ กรณีของนายโจโลว์ ทางสิงคโปร์และมาเลเซียที่ออกหมายจับก็ไม่ได้ประสานประเทศไทยมาเช่นกัน นอกจากนี้ในช่วงที่นายโจโลว์ถูกออกหมายจับช่วงปี 2559-2561 นายโจโลว์นอกจากมาไทยแล้วยังได้เดินทางไปหลายประเทศ เช่น เกาะบาหลี และหลายเกาะในอินโดนีเซีย รวมทั้งมาเก๊า ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้

การที่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวหาว่า รัฐบาลไทยไม่จับกุมนายโจโลว์ เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียก็ไม่เป็นความจริง เพราะในระหว่างที่นายมหาเธร์ มูฮัมหมัด เป็นนายกฯ มาเลเซีย ช่วงพฤษภาคม 2561 จนถึงกุมภาพันธ์ 2563 ได้มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 3 ครั้ง ไม่นับการเจอกันบนเวทีนานาชาติอีกหลายครั้ง แต่ไม่เคยสอบถามถึงเรื่องการจับกุมนายโจโลว์เลย ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นปัญหาจริง ผู้นำมาเลเซียต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทยแล้ว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ข้อมูลของ ตม.เกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกประเทศไทยที่ น.ส.พรรณิการ์นำมาเปิดเผย น่าจะได้มาจาก พล.ต.ท.คนหนึ่ง ที่ต้องการจะล้ม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และกระแทกไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ และมีการนำเรื่องนี้ไปต่อยอด โดยก่อนหน้านี้ มีการให้ข้อมูลอ้างว่าเหตุระเบิดกลางกรุง 10 จุดนั้น เป็นเพราะมาเลเซียไม่พอใจที่ไทยไม่จับกุมนายโจโลว์ส่งไปให้ ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะต่อมาผู้ต้องหาคนหนึ่งสารภาพว่าที่ก่อเหตุเพื่อสร้างความปั่นป่วนในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียน ทั้งนี้ มี พล.ต.อ.อยู่ 5 คนที่อยากเป็น ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ แต่เป็นไปม่ได้ เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังเป็นอยู่ และ พล.ต.ท.คนที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไปเป่าหูว่าพี่ใหญ่สนับสนุนเต็มที่ ให้ล้ม พล.ต.อ.จักรทิพย์ลงให้ได้

ส่วนที่อ้างว่านายเพ่งเพียร เหล่ากำเนิด คนสนิทของนายโจโลว์ ที่ น.ส.พรรณิการ์อ้างว่า เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงไม่จับตัวผู้ต้องหา 7 คนส่งให้นั้น ก็เป็นความเท็จ นั่นเพราะนายเพ่งเพียรซึ่งทำธุรกิจซอฟท์แวร์นั้น ได้ขายซอฟต์แวร์การติดตามอาชญากรรม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุคที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้รายชื่อ 7 ผู้ต้องหาที่ใส่เข้าไปในวอตช์ลิสต์ของ ตม.นั้น พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ถือวิสาสะ รับงานของสันติบาลมาเลเซียมาก็ไปบอกให้ สตม.ใส่เข้าไปเอง ทั้งที่ตนเองไม่มีอำนาจ แล้วเอาเรื่องมาโยง เพราะ พล.ต.ท.คนนั้นคนเดียว เอาข้อมูลให้ น.ส.พรรณิการ์มาทำลายชื่อเสียงประเทศไทย

นอกจากนี้ นายสนธิ ได้กล่าวถึงจุดยืนของตนเองระหว่างคนรุ่นใหม่ และนักการเมือง-ทหาร โดยบอกว่าสำหรับพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ ที่ถูกกล่าวหาว่าล้มเจ้านั้น คำชี้แจงบางเรื่องพอฟังได้ แต่จากหลักฐาน บางเรื่องคนเหล่านี้ก็หนีอดีตไม่พ้น อย่างกรณีนายธนาธรเคยให้เงินสนับสนุนนิตยสาร“ฟ้าเดียวกัน”ที่โจมตีสถาบันกษัตริย์ และเคยให้สัมภาษณ์ลงหนังสือ 'Portrait ธนาธร' มีคำพูดบางอย่างที่ดูแล้วน่าตกใจ น่ากลัวว่าพูดออกมาอย่างนั้นได้อย่างไร พรรคอนาคตใหม่มีคนเก่งอยู่หลายคน นิสิตนักศึกษาให้การสนับสนุน แต่นายธนาธร นายปิยบุตร น.ส.พรรณิการ์ คือคนขับเคลื่อนพรรค แล้วพูดความจริงไม่หมด ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ได้บอกนักศึกษาหรือไม่ ในเมื่อเข้ามาสู้ในระบบก็ต้องทำตามกติกาที่เขากำหนด แต่วันนี้ก็หลงในมวลชน ยโสโอหัง เชื่อนายปิยบุตรมากเกินไป จึงถูกเตะตัดขา แล้วต้องออกมานอกสภา ส่งทีมงานไปพูดกับเด็กๆ ซึ่งหัวร้อนอยู่แล้ว จึงออกมาชุมนุม ติดแฮชแทกกันสนุกสนาน ซึ่งถ้าเด็กลงถนน แล้วเกิดเหตุรุนแรง นายธนาธร นายปิยบุตร น.ส.พรรณิการ์ต้องรับผิดชอบ และขณะเริ่มเลยเถิดไปถึงการจาบจ้วงแล้ว ถ้ามีคนทนไม่ได้ออกมาต่อต้านนักศึกษา จะทำอย่างไร หรือนี่คือสิ่งที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่าตนไม่ได้ตำหนิเด็กที่ออกมาชุมนุม และเข้าใจ ที่ไม่ยอมรับศาลก็เพราะว่าเคยมีตัวอย่างให้เห็นกรณีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร ที่ ป.ป.ช.ตัดสินว่าไม่ผิด ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม อยากบอก พล.อ.ประวิตรว่า เด็กๆ พวกนี้กำลังเจริญเติบโต แต่พวกท่านเป็นตะวันตกดิน จะต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง ไม่มีครั้งไหนที่ประเทศไทยแตกแยากขนาดนี้ ดูแค่วงการตำรวจก็พอ ในยุคที่ พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน กตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นคนถือโผ เป็นช่วงที่การโยกย้ายตำรวจเละเทะที่สุด เพิ่งจะมีปีนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นประธาน ก.ตร.ด้วยตนเอง ที่การโยกย้ายตำรวจ ออกคำสั่งครั้งเดียวจบเลย

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนมีปัญหากับทุกฝั่ง และด้วยความเคารพอยากจะให้ พล.อ.ประวิตรลาออก เพราะอายุมากแล้ว ร่างกายก็ไม่ไหวแล้ว เผื่ออะไรจะดีขึ้น ถ้ายังตั้งแก๊งในการเมืองอยู่ เด็กๆ ที่ชุมนุมก็มองไม่เห็นทางออกของประเทศชาติ เพราะฉะนั้น ตนจึงมีปัญหาอยู่ไม่เป็น ไม่ใช่พรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ไม่เป็น เพราะฝั่งนี้ก็รับไม่ไหว อีกฝั่งบางเรื่องก็รับไม่ไหว

ในตอนท้ายนายสนธิ ได้กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีสนามม้าที่สิงคโปร์ แต่ตนยังไม่เชื่อ รวมทั้งมีข่าวลือว่า ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีคนชื่อเล่น 2 ป. ไปหาคนชื่อ ป.เหมือนกัน และมีเงินตก 40 ล้าน เพื่อไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตร ซึ่งตนก็ยังไม่เชื่อเช่นกัน


คำต่อคำ SONDHI TALK [28 ก.พ. 63] : 1MDB คืออะไร เบื้องลึก เบื้องหลัง "ป่าทั้งป่า" เป็นอย่างไร


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พรุ่งนี้อีก 1 วัน แล้วก็พ้นไปก็จะเริ่มเดือนมีนาคมแล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ผมออกรายการนี้มาน่าจะเป็นตอนที่ 23 แล้ว อาทิตย์หน้าก็ 24 ก็ครบ 6 เดือนพอดี ช่องทางในการรับชม ก็ต้องขอย้ำกันอีกสักนิดหนึ่งว่ามีช่องทางไหนบ้าง


วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"


สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ


สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป


มีท่านผู้ชมต้องการจะฟังในเรื่องของ 1MDB ส่งคำขอมาเยอะมากมาย หลายๆ เรื่อง ท่านผู้ชมเชื่อไหมว่าเรื่อง 1MDB มันไม่สลับซับซ้อนหรอก แต่เผอิญมันโยงใยไป เชื่อหรือไม่เชื่อ ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นขบวนการโยงใยเพื่อล้มล้างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตลกไหมท่านผู้ชม ไม่ตลกหรอกครับ เดี๋ยวตามผมมาแล้วผมจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง





แต่ก่อนอื่น ทำความเข้าใจกับเรื่อง 1MDB เสียก่อน 1MDB สมัยก่อนมันชื่อกองทุนของตรังกานู ชื่อ TIA ก็คือ Terengganu Investment Authority มันเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาที่รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะพัฒนารัฐตรังกานู ตั้งเมื่อปี 2551 ตั้งมาได้ปีเดียว ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คือ นาจิบ ราซะก์ ปี 2552 ก็เลยยกระดับกองทุน TIA ก็คือกองทุนการลงทุนของตรังกานู ที่รัฐตรังกานู ขึ้นมาเป็นระดับชาติ ก็คือขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลาง แล้วก็เปลี่ยนชื่อกองทุนนี้เป็น 1MDB (1Malaysia Development Berhad) 1 คือ หนึ่ง M ก็คือ Malaysia, D คือ Development คือการพัฒนา B ก็คือบริษัทจำกัด Berhad = 1MDB


ทีนี้พอตั้งขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อเอาเงินก้อนนี้มาพัฒนา มาลงทุนด้านพลังงาน มาลงทุนเรื่องพัฒนาพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว การเกษตร ทีนี้ต้องทำความเข้าใจกับคำว่า "กองทุนมั่งคั่ง" เสียก่อน ของแต่ละชาติ กองทุนแบบนี้ไม่ใช่ของใหม่ ในโลกนี้มีอยู่ทั้งหมด 34 กองทุน ใน 33 ประเทศ ในประเทศหนึ่งจะมี 1 กองทุน ยกเว้นสิงคโปร์ซึ่งมี 2 กองทุน เจ้าแรกสุดเลยที่ตั้งมาก็คือประเทศคูเวต ที่เขาเรียกว่า KIA ก็คือ Kuwait Investment Authority ตั้งมาปี พ.ศ. 2496



ง่ายๆ ก็คือว่า คูเวตเขาได้รายได้มาจากการผลิตน้ำมันและขายน้ำมัน เขาก็เอาเงินที่ผลิตน้ำมัน-ขายน้ำมันที่เหลือจากการใช้จ่าย เอามาตั้งเป็นกองทุน เอากองทุนนี้ไปลงทุนตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บ้าง ไปซื้อหุ้นบ้าง ไปซื้อตราสารหนี้บ้าง เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มเติมให้กับเงินซึ่งตัวเองได้เข้ามา อุปมาอุปไมยไม่ได้ต่างอะไรจากปัจเจกบุคคลหรอกครับ สมมุติว่าท่านทำธุรกิจตัวหนึ่ง เอาเป็นง่ายๆ แล้วกัน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ถ้าเกิดกำไรวันละ 10,000 บาท เดือนหนึ่งท่านมี 300,000 บาท ปีหนึ่งท่านมี 3,000,000 บาท ก็มีอยู่ 2 ทาง ท่านเอาเงิน 3,000,000 บาทนี้ไปฝากแบงก์เอาไว้ กินดอกเบี้ยแบงก์ หรือท่านจะเอาเงิน 3,000,000 บาทนี้ ไปซื้อที่ทางเอาไว้ ซื้อที่เอาไว้ ลงทุนไป 2,000,000 บาท แล้วเผื่อว่าอีก 3 ปีข้างหน้าที่มันจะขึ้นเป็น 2 เท่า ท่านก็กำไร 1 เท่าตัว หรือว่าเอาอีก 1,000,000 บาท ที่ท่านเหลือจากการซื้อที่ ท่านก็เอาไปซื้อหุ้น ท่านก็เลือกดูหุ้นที่มีโอกาสที่จะเป็นหุ้นบลูชิพ (Blue Chip) คือหุ้นที่มีผลตอบแทนดี ท่านทิ้งไว้สัก 2-3 ปี มันก็เพิ่มอีก ฉะนั้นเมื่อทุกปีท่านมีเงินกำไรเข้ามา ท่านก็สะสมเข้าไปในกองทุนนี้เรื่อยๆ ทีนี้ท่านขยายจากตัวบุคคล ปัจเจกบุคคล ครอบครัวๆ หนึ่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง กลายเป็นประเทศชาติ มันก็จะกลายเป็นกองทุนที่มหึมา



ที่สิงคโปร์มี 2 กองทุน กองทุนแรกเขาเรียกว่า GIC : Government of Singapore Investment Corporation ก็คือเป็นเงินกองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ที่จะเอาไปลงทุน แต่กองทุนนี้เขาลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพการเงิน ก็คือว่า เขาจะเอา 50 เปอร์เซ็นต์ ของเงินกองทุนก้อนนี้ เงินมาจากไหนล่ะ ก็มาจากทรัพย์สินสำรอง หรือเงินตราสำรองที่สิงคโปร์กำไรมา เหมือนกับบ้านเรามีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์เขามีมากกว่าเรา ก็แบ่งเอาส่วนหนึ่งมา เงินก้อนนี้ไปซื้อตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ ตราสารหนี้ล่วงหน้า เพื่อมารักษาเสถียรภาพ ส่วนที่เหลือก็เอาไปลงทุนทั่วๆ ไป



อีกกองทุนหนึ่งที่ท่านผู้ชมคงเคยได้ยินชื่อ คือกองทุนเทมาเส็ก (Temasek) เทมาเส็กก็เป็นกองทุนของสิงคโปร์เหมือนกัน แต่เทมาเส็ก จะต่างกว่า GIC เพราะ GIC โดยอัตราเฉลี่ยผลตอบแทนของ GIC ในรอบ 26 ปีที่ตั้งมา ประมาณ 9.5 เปอร์เซ็นต์ น่าสนใจไหมครับ ก็คือพูดง่ายๆ ว่าวันนี้ดอกเบี้ยของเราประมาณสัก 1-1.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเงินกองทุนนี้ไปลงแล้ว ก็น่าจะประมาณสัก 9.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าเทมาเส็ก ผลการตอบแทนจะสูงมาก ผลการตอบแทนของเทมาเส็ก ซึ่งเขาเน้นการลงทุนระยะยาว เทมาเส็กจะมีผลตอบแทนประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า GIC ประมาณเท่าตัว เทมาเส็กก็ไปซื้อหุ้นมา เทมาเส็กถือหุ้นอยู่ในสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เทมาเส็กมาซื้อหุ้นชินคอร์ปจากคุณทักษิณ ชินวัตร แล้วก็มีเรื่องมีราวกัน เพราะซื้อแล้วคุณทักษิณไม่ยอมจ่ายภาษี ท่านผู้ชมคงได้ยินมา


เกาหลีใต้ก็มีกองทุน KIC : Korea Investment Corporation จีนก็มี ชื่อ CIC ก็คือ China Investment Corporation เพราะฉะนั้นชื่อกองทุนพวกนี้ก็แล้วแต่ ตั้งชื่อตามประเทศต่างๆ อย่างเช่น 1MDB (1Malasia Development Berhad) KIC (Korea Investment Corporation) CIC (China Investment Corporation)


ทีนี้ กองทุนพวกนี้ ในช่วงที่โลกมีวิกฤตเศรษฐกิจทางการเงิน เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ประมาณ 2540 ธนาคารทั่วโลกโซซัดโซเซ เป๋ไปหมดเลย ทำท่าจะล้ม กองทุนพวกนี้ก็เห็นว่าตอนนี้หุ้นธนาคารถูก ก็เลยมาถือหุ้นใหญ่เลย ก็เลยทำให้กองทุนพวกนี้ ซึ่งเขาเรียกว่า Sovereign fund คือกองทุนของประเทศ กองทุนนี้ไม่ใช่เอกชน แต่ประเทศเป็นคนจัดตั้งขึ้นมาโดยเอาเงินสำรองของตัวเองเข้ามาลงในกองทุนนี้ ท่านผู้ชมเข้าใจแล้วใช่ไหม


กองทุนพวกนี้ก็เลยมาซื้อหุ้น ซื้อหุ้นธนาคาร อย่างเช่นซื้อหุ้นซิตี้แบงก์ ซื้อหุ้นของมอร์แกน สแตนลีย์ ซื้อหุ้น UBS (Union Bank of Switzerland) ซื้อหุ้นเมอร์ริล ลินช์, เครดิต สวิส หรือแม้กระทั่งในช่วงยุคต้มยำกุ้ง ประมาณปี 2540 หรือ 41 เงินทุนพวกนี้ก็มาซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย ว่ากันว่าเปอร์เซ็นต์ที่พวกกองทุนนี้มาซื้อ เป็นเจ้าของธนาคารในประเทศไทยไปหมดแล้วในยุคนั้น แต่เข้าใจว่าช่วงหลังพอธนาคารเริ่มมีอะไรดีขึ้น เขาก็กว้านซื้อหุ้นพวกนี้คืนมา พวกนี้ก็ไม่อยู่ต่อ คือพอขายหุ้นแล้วได้กำไรเขาก็ออกไป เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมต้องเข้าใจว่า ด้วยเหตุนี้ ประเด็นสำคัญของเงินกองทุน 1MDB ก็คือประเด็นของการเอาเงินของประเทศ จะเอามาจากที่ไหนก็ได้ แต่เป็นของประเทศนั้น เอามาลงในกองทุนนี้ แล้วมีผู้บริหารกองทุน ก็เอาเงินกองทุนนี้ไปซื้อกิจการ ซื้อกิจการระยะยาว ซื้อกิจการระยะสั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ถ้าเดาไม่ผิด เทมาเส็กก็ยังเป็นเจ้าของบริษัท AIS อยู่ ก็คือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส โทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันหลายๆ คน เพราะฉะนั้นแล้ว ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นต่อเมื่อกองทุนแต่ละกองทุนเริ่มบริหารขาดทุน และเริ่มมีข่าวลือว่าผู้บริหารกองทุนนั้นเอาเงินไปใช้ในทางที่ผิด นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2553 อย่าลืมนะครับกองทุนนี้ตั้ง 2552 แค่ปีเดียวเท่านั้น คนที่ไปค้นพบเรื่องนี้และไปสงสัยเรื่องนี้ คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม




ซึ่งในยุคนั้นนายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นผู้นำฝ่ายค้าน นาจิบ ราซะก์ เป็นนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ก็ถามคำถามง่ายๆ ในสภาฯ ว่ากองทุน 1MDB มันอยู่ที่ไหน หาที่อยู่ไม่เจอ หาเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่เจอ จนกระทั่งมีการตรวจสอบ อันวาร์ก็บอกว่าไม่แต่งตั้งผู้สอบบัญชีด้วย เป็นเงินของรัฐ เอาไปลงทุนที่ไหน สิ้นปีต้องมีการตรวจสอบบัญชี 6 เดือนต้องมีการตรวจสอบบัญชี แล้วแจงมาว่ากำไรหรือขาดทุน


แต่ในที่สุดแล้ว ระหว่างเดือนกันยายน 2009 - มีนาคม 2010 อันวาร์ก็บอกว่ากองทุนนี้กำไรแค่ 140 ล้านเหรียญสหรัฐเอง ซึ่งถือว่าน้อยมาก และในปี 2558 ปรากฏว่า "หนี้"กองทุน มีมากกว่า 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็คือว่าประมาณ 372,000 ล้านบาท คำถามก็เลยมีอยู่ว่า เอ๊ะ จู่ๆ กองทุนนี้ทำไมหนี้เยอะเหลือเกิน ตั้ง 300,000 กว่าล้าน แล้วหนี้นี้มันมาจากไหน นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นกับ 1MDB เอาล่ะ นี่คือปัญหากองทุน 1MDB ตัดมาต่อมาอีกเรื่องหนึ่ง



มีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ แคลร์ ลู (คัสเกอร์) บราวน์ [Clair Lou (Cusker) Brown] คนนี้บางคนก็ว่าเป็นน้องสะใภ้ บางคนก็ว่าเป็นหลานของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ชื่อ กอร์ดอน บราวน์ แคลร์ ลู คัสเกอร์ บราวน์ เขามีเว็บไซต์หนึ่ง ชื่อ www.sarawakreport.org คือเว็บไซต์เปิดโปงการทุจริต การฉ้อฉลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศโลกที่สาม ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นนู่นเป็นนี่ เผอิญ แคลร์ ลู คัสเกอร์ บราวน์ เขาค่อนข้างชำนาญในทางด้านมาเลเซีย ไม่อย่างนั้นเขาไม่ตั้งชื่อเว็บไซต์ของเขาว่า Sarawak หรอกครับ เพราะรัฐซาราวักนั้นก็ขึ้นอยู่กับมาเลเซีย


จู่ๆ มันก็มีชาวสวิสคนหนึ่ง ชื่อ นายซาเวียร์ จัสโต (Xavier Justo) จำชื่อไว้นะครับ นายซาเวียร์ จัสโต เป็นอดีตที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทน้ำมันบริษัทหนึ่ง ชื่อ เปโตรซาอุดี (Petro Saudi) บริษัทน้ำมันเปโตรซาอุดี คือบริษัทน้ำมันที่เงินกองทุน 1MDB เอาไปลงทุนด้วย ไอ้หมอนี้ส่งอีเมล 270,000 ชิ้น ไปให้กับแคลร์ ลู คัสเกอร์ บราวน์ ส่งไปเลย แล้วเท่าที่ทราบไอ้หมอนี่ก็เอาอีเมลความลับตรงนี้ขายต่อให้กับหนังสือพิมพ์ออสเตรเลีย ชื่อ The EDGE ได้ข่าวว่ามีการร่วมซื้อโดย The EDGE และหนังสือพิมพ์ของอเมริกา ชื่อ THE WALL STREET JOURNAL ผมไม่แน่ใจว่า THE NEW YORK TIMES เกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า แต่ว่าในสื่อมวลชนที่มาโจมตีในเรื่องนี้ หรือมาขุดคุ้ยเรื่องนี้ ก็มี The EDGE , THE WALL STREET JOURNAL แล้วก็หนังสือพิมพ์ THE NEW YORK TIMES



ทีนี้ ป.ป.ช.ของมาเลเซียก็เข้ามาตรวจสอบกองทุนนี้ทันทีเลย เพราะวในอีเมลนั้นเขาระบุชัดเจนเลยว่าได้มีการผ่องเงินของ 1MDB เอาไปใช้ส่วนตัว เข้ากระเป๋าคนโน้น เข้ากระเป๋าคนนี้ ถึงกับบอกว่านายนาจิบ ราซะก์ เอาเงินออกไปประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาเข้าบัญชีส่วนตัว ซึ่งนายนาจิบก็ปฏิเสธ แต่ช่วงหลังต่อมานายนาจิบก็บอกว่า เอาไปจริง แต่คืนให้หมดแล้ว มันก็ตรงกับที่ผมเคยพูดให้ฟังสมัยที่ประเทศอิหร่านกับอเมริกาทะเลาะกัน แล้วผมบอกว่าซาอุดีอาระเบียได้ให้เงินนายนาจิบ ราซะก์ ไปประมาณ 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้ แล้วเงินก้อนนี้ก็คือเหมือนเงินค่าต๋ง เหมือนเงินทำขวัญ ซึ่งนายนาจิบเคยให้สัมภาษณ์ว่าเงินก้อนนี้ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเป็นคนให้เขามา เหมือนเป็นของขวัญ แต่ใครเขาจะให้ของมูลค่าขนาดนี้เป็นของขวัญ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ในวงการภายในก็บอกว่า ทางซาอุดีอาระเบียต้องการให้นายนาจิบ ราซะก์ เปิดประเทศมาเลเซีย ก็คือว่าประเทศมุสลิมเสียส่วนใหญ่ เพื่อให้นิกายวะฮาบีย์ ซึ่งเป็นนิกายที่เกิดขึ้นที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำได้ใช่ไหมครับที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นมีนิกายวะฮาบีย์ มีชีอะฮ์ มีซุนนี ชีอะฮ์กับวะฮาบีย์นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาต คู่แค้นกันเลย จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันนี้ ก็คือราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเอาเงินก้อนนี้ให้ เข้าใจว่านายนาจิบ ราซะก์ เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็คงเอาเงินก้อนนี้ไปคืนเงินกองทุน 1MDB


แต่ว่าในขณะนั้นเป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ในช่วงนั้นนาจิบ ราซะก์ มีความสนิทสนมกับประเทศจีนมาก ในยุคนั้น ประเทศจีนเข้ามาในมาเลเซีย นายนาจิบ ราซะก์ เปิดประเทศให้จีนเข้ามา ให้อะลีบาบามาตั้งคลังสินค้าในนั้น ทำรถไฟความเร็วสูงของมาเลเซีย ที่เซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว แล้วต่อมาโดนท่านมหาเธร์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อมา ปฏิเสธ ไม่ยอมต่อสัญญา แล้วท่านมหาเธร์ก็บินไปที่ปักกิ่ง ไปเจรจากับจีน จนกระทั่งจีนยินดีจะลดราคารถไฟความเร็วสูงเส้นนั้นของมาเลเซีย ลดลงไป 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้มาเลเซียทำรถไฟความเร็วสูงต่อไป


ทีนี้ นายนาจิบ ราซะก์ มีชื่อเสียงมาก ว่าเป็นคนโปรโมตการลงทุนของจีน เท่าที่ผมทราบมา แม้กระทั่งคนในวงการรัฐบาลไทยก็จำได้ว่านายนาจิบ ราซะก์ นั้นได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อยุยงให้ประเทศไทยสร้างรถไฟความเร็วสูง จากหนองคายลงมา แล้วก็มาเชื่อมต่อมาเลเซีย โดยใช้เทคโนโลยีของจีนหมด แต่ว่าประเทศไทยตอนนั้นก็ยังไม่เอา


ด้วยเหตุนี้ นี่เป็นทฤษฎีของผมนะท่านผู้ชม เป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ซึ่งผมก็ค่อนข้างที่จะสบายใจอย่างหนึ่งว่า ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดของผมนั้น ต่อมาภายหลัง เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็กลายเป็นความจริง ทฤษฎีของผมมีดังนี้ นายนาจิบ ราซะก์ เนื่องจากใกล้ชิดจีนมากจนเกินไป เพราะฉะนั้นแล้ว ทั้ง THE WALL STREET JOURNAL, The EDGE ของออสเตรเลีย และ THE NEW YORK TIMES นั่นเป็นสายฝั่งตะวันตกซึ่งไม่เห็นด้วยกับจีน และต่อต้านจีน รัฐบาลอเมริกาก็เลยใช้เส้นสายอะไรบางอย่างเพื่อที่จะให้ THE WALL STREET JOURNAL , THE NEW YORK TIMES และ The EDGE ซึ่ง 3 ฉบับนี้ก็เป็นแหล่งข้อมูลที่คุณช่อ - พรรณิการ์ วานิช ดึงข้อมูลมาเพื่อโจมตีในเรื่องของ 1MDB ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับประเทศไทยตรงไหน ใจเย็นๆ ครับ ตามผมมา เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ว่าเกี่ยวข้องอย่างไร เกี่ยวข้องตรงไหน และอะไรบ้างที่คุณช่อพูด คุณพรรณิการ์ วานิช พูดแล้วไม่ตรงต่อความเป็นจริง




ทีนี้ พอมาเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นมาปั๊บ นายนาจิบก็เลยโดนต่อต้าน ประชาชนเดินขบวนประท้วง จนกระทั่งในที่สุดมาอยู่วันหนึ่งก็มีการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ (หยุดตรงนี้ก่อน) อเมริกาตอนนั้นก็เลยให้ FBI และกระทรวงยุติธรรมของอเมริกา เข้ามาตรวจสอบ ได้ข่าวว่ามีการฟอกเงินเงินกองทุน 1MDB แล้วเงินที่ฟอกนั้นมาผ่านธนาคารในอเมริกา ก็เลยเป็นสิทธิของกฎหมายอเมริกาที่จะต้องเข้าไปจัดการ ไปตรวจสอบว่าใครฟอกเงินจากกองทุน 1MDB ส่วนใครที่จะฟอกเงิน ประเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง


เมื่อมีการตรวจสอบขึ้นมา กระทรวงยุติธรรมของอเมริกาก็ตรวจสอบหนักแล้วก็กล่าวหาเลย คนนี้ๆๆ มีคนหนึ่งชื่อนายโจ โลว์ (Jho Low) และอีกคนหนึ่งเป็นลูกสาว ลูกบุญธรรมของนาจิบ ราซะก์



นาจิบ ราซะก์ นี่หย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งกับภรรยาคนที่ 2 ภรรยาคนที่ 2 นี้มีลูกสาวมาคนหนึ่ง แล้วคนๆ นี้ไปซื้ออพาร์ตเมนต์ ไปซื้อคอนโดฯ ไปซื้อโน่นซื้อนี่ แล้วก็ไปลงทุนโดยการชักชวนของนายโจ โลว์ ให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street ตอนนั้นนายโจ โลว์ โด่งดังมาก


ทีนี้ 2561 สองปีกว่าที่แล้ว เผอิญมาเลเซียมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แล้วปรากฏว่าพรรคปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคแนวร่วมซึ่งชูนายโมฮัมหมัด มหาเธร์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย นายนาจิบ ราซะก์ ก็เลยต้องลาออก ก็ต้องถอยออกมา เมื่อถอยออกมาแล้วก็เลยโดนมหาเธร์ดำเนินคดี นายนาจิบ ราซะก์ ข้อหาฉ้อฉล ฉ้อโกง และในขณะเดียวกันมาเลเซียก็เริ่มดำเนินคดีกับนายโจ โลว์ เพราะเขาบอกว่านายโจ โลว์ คือตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังในการดึงเอาเงินจากกองทุน 1MDB คือเงินกองทุนแบบนี้ คนที่มีสิทธิ์หรือมีอิทธิพลมากที่สุดก็คือนายนาจิบ ราซะก์ เมื่อนายนาจิบ ราซะก์ มีอิทธิพล ผู้บริหารกองทุน ถ้านายนาจิบบอกว่าให้จ่ายเงินไปให้โจ โลว์ นายโจ โลว์ ก็เอาเงินก้อนนี้ไป ผู้บริหารกองทุนก็จะเอาเงินให้โจ โลว์ นายโจ โลว์ ก็จะอ้างว่าเอาไปลงทุนที่โน่นเอาไปลงทุนที่นี่ เพราะฉะนั้นแล้ว นายโจ โลว์ ถ้าพูดอีกทีก็คือม้าใช้ของนายนาจิบ ราซะก์ ส่วนนายนาจิบจะได้ส่วนแบ่งอย่างไร ผมไม่รู้ รู้แต่ว่านายโจ โลว์ ดึงเงินออกจากกองทุน 1MDB อย่างง่ายดาย เอาไปซื้อเรือยอร์ช ซื้อเครื่องบินเจ๊ต เอาไปซื้ออพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์ก ไปเลี้ยงปาร์ตี้ ไปลงทุนในหนังร่วมกับลูกบุญธรรมของนายนาจิบ ราซะก์ นายโจ โลว์ ตอนนั้นก็เลยเป็นไฮโซมาเลเซีย



นายโจ โลว์ เป็นใคร นายโจ โลว์ เป็นคนหนุ่มอายุ 38 ปี ในช่วงนั้นเขาร่ำรวยมาตั้งแต่อายุ 33 ปี ว่ากันว่านายโจ โลว์ นั้นเคยมาลงทุนในประเทศไทย เขาเคยอ้างว่าเขาเคยได้กำไรจากการมาลงทุนธุรกิจเหล้าที่เมืองไทย ด้วยเหตุนี้นายโจ โลว์ ก็เลยรู้จักคนไทยหลายคน หลังจากนั้นนายโจ โลว์ ก็หายไป มาเลเซียก็เริ่มออกหมายจับ แจ้งอินเตอร์โพลไป สิงคโปร์ก็แจ้งอินเตอร์โพลไป ออกหมายจับ อเมริกาก็แจ้งไป ซึ่งประเดี๋ยวเรื่อง "หมายแดง" จะเล่าให้ฟัง หมายแดงเป็นสิ่งที่คุณช่อเอามาพูดว่าประเทศไทยสมรู้ร่วมคิดกับนายโจ โลว์ ช่วยเหลือนายโจ โลว์ อันนี้เดี๋ยวเรามาดูข้อมูลกันดีๆ แล้วจะเห็นชัดว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณช่อพูด


นายโจ โลว์ ก็หลบหนีไป วันนั้นพอนายมหาเธร์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เลยตั้งนายลิม กวนเอ็ง แซ่ลิ้มเหมือนผมนะ ลิม กวนเอ็ง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคลัง ให้เข้ามาตรวจสอบเงินกองทุน 1MDB อย่างละเอียด เขาจ้างบริษัท PwC หรือชื่อเก่าคือ Pricewaterhouse




Pricewaterhouse แต่ก่อนเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีที่มีชื่อมากของอเมริกา แต่ตอนหลังมีปัญหาขึ้นมาก็เลยเกิดการล่มสลายและตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา คือ PwC พอ PwC เข้าตรวจสอบก็บอกว่า ตายล่ะ เงินของ 1MDB หายไป 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ประมาณเกือบ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเขาก็ตั้งข้อสันนิษฐานและหลักฐานชี้ไปที่ว่า เป็นเพราะนายโจ โลว์ เอาเงินก้อนนี้ออกไป คำถามก็คือว่า นายโจ โลว์ เอาเงินก้อนนี้ออกจาก 1MDB ได้อย่างไร นาจิบ ราซะก์ รู้เรื่องด้วยหรือเปล่า ซึ่งขณะนี้นาจิบ ราซะก์ โดนคดีฉ้อฉล ฉ้อโกงประเทศ 46 คดี อยู่ในมาเลเซีย


เอาล่ะ ท่านผู้ชมเข้าใจภาพยนตร์ในตอนแรกแล้วใช่ไหมครับ เอาล่ะ ต่อตอนที่ 2



นายซาเวียร์ จัสโต ชอบเมืองไทย ก็มาซื้อที่ ซื้อโรงแรม ซื้อรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่สมุย ก็มาพักผ่อนที่สมุย แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง นายซาเวียร์ จัสโต ซึ่งคุณช่อบอกว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ส่งอีเมลไปแบล็กเมล์บริษัทเปโตรซาอุดี นายซาเวียร์ จัสโต ลาออกจากบริษัทเปโตรซาอุดี แล้วก็ได้เงินชดเชยไปคิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบ 100 ล้านบาท หมอนี่ไม่พอใจ เรียกร้องเพิ่มอีกประมาณ 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐ บอกว่าถ้าไม่อย่างนั้นจะเปิดโปงธุรกรรมที่เปโตรซาอุดี ได้ทำกับ 1MDB และในที่สุดแล้ว เปโตรซาอุดีไม่ยอมให้ เมื่อไม่ยอมให้ นายนี่ก็เลยเอาอีเมล 270,000 ชิ้น ในสมัยที่เขาเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ส่งไปให้แคลร์ ลู คัสเกอร์ บราวน์ ที่ผมเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ sarawakreport.org แล้วก็ขายข้อมูลตัวนี้ให้กับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชื่อ The EDGE กับ THE WALL STREET JOURNAL ไม่ทราบว่า THE NEW YORK TIMES จะเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า


ทางเปโตรซาอุดีก็เลยโกรธ เปโตรซาอุดีก็เลยส่งแทนมา นายมาโฮนี (Mahony) อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นคนอังกฤษ นายมาโฮนี รับมอบอำนาจจากบริษัทเปโตรซาอุดี แล้วมาแจ้งความที่ประเทศไทย ที่ตำรวจแจ้งความบอกว่านายซาเวียร์ จัสโต แบล็กเมล์บริษัทเปโตรซาอุดี กรรโชก พยายามรีดทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ปี 2556 ถึง 18 กุมภาพันธ์ 2558 ต่อเนื่องกัน บริเวณโรงแรมแชงกรี-ลา และบริเวณอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในที่สุดนายซาเวียร์ จัสโต ก็เลยถูกจับข้อหากรรโชกทรัพย์ เพราะฉะนั้นนายซาเวียร์ จัสโต ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ตามที่คุณช่อพูด นี่คือข้อเท็จจริง



ข้อแรกที่ท่านผู้ชมต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน ผมไม่ทราบว่าคุณช่อไปเอาข้อมูลมาจากไหน แต่คุณช่อ อดีตเป็นนักข่าวทางต่างประเทศ เรียนจบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แล้วจบปริญญาโทที่ LSE : London School of Economics ซึ่งก็เป็นโรงเรียนที่มีชื่อพอสมควรโรงเรียนหนึ่งในอังกฤษ คุณช่อจะชำนาญเรื่องข่าวต่างประเทศ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่คุณช่อพูดในเรื่อง 1MDB ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องใหม่เลย หนังสือต่างประเทศลงมาเยอะแยะไปหมด แล้วจับข่าวโน้นมาแปะข่าวนี้ จับข่าวนี้มาแปะข่าวโน้น แล้วก็ไลฟ์ออกไป แถลงข่าวเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯ ทำให้ภาพพจน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นดูแย่มากๆ



ท่านผู้ชมครับ "วันนี้ไม่ใช่วันมาปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้เป็นวันปกป้องความจริง ปกป้องความจริง และผมไม่ต้องการให้มีการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน" เพราะว่าข้อเท็จจริงที่คุณช่อพูดนั้นมันไม่ใช่อย่างที่คุณช่อพูด ถ้าใครเข้าใจผิดไป ก็จะกลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมรู้ร่วมคิด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ใช่ ต่อให้ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นใครก็ตามถ้าโดนแบบนี้ผมก็ต้องออกมาต่อสู้ให้ เหตุผลเพราะว่านี่เป็นเรื่องของประเทศไทย ผมจะให้ประเทศไทยฉิบหายเพราะปากคนๆ หนึ่งซึ่งมโน สร้างเรื่องมา ตัดแปะ ตกแต่ง แล้วก็โจมตีมาให้ประเทศเราเสียหาย ผมยอมไม่ได้





(ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาตทานน้ำนิดนะครับ มีหลายท่านส่งคอมเมนต์มาเตือนผมว่าให้ทานน้ำเสียบ้าง และจริงๆ ผมก็คอแห้งจริงๆ)


เอาล่ะ เพื่อพิสูจน์ว่านายซาเวียร์ จัสโต นั้นเป็นอาชญากร ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ นายซาเวียร์ จัสโต โดนฟ้องคดีหมายเลขดำ ที่ 2657/2558 ที่ศาลอาญาใต้ และโดนคดีหมายเลขแดง ที่ 27237/2558 และในการต่อสู้คดีนั้น ในที่สุดแล้วนายซาเวียร์ จัสโต ก็รับสารภาพ ท่านผู้ชมครับ รับสารภาพต่อข้อกล่าวหาในเรื่องของการแบล็กเมล์ เพราะว่าในการต่อสู้คดีนั้น ศาลระบุชัดเจนว่าจำเลยเคยเป็นลูกจ้างบริษัทของผู้เสียหาย ก็คือ บริษัท เปโตรซาอุดี ในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อผู้เสียหายเลิกจ้างจำเลยแล้วก็จ่ายเงินชดเชยจำเลยเป็นเงิน 4 ล้านฟรังก์สวิส มูลค่าประมาณ 140 ล้านบาท และมีข้อตกลงในสัญญาเลิกจ้างว่า จำเลยยินยอมและตกลงที่จะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันและก๊าซของผู้เสียหาย ระหว่างทำงานกับผู้เสียหาย ไว้เป็นความลับ แต่ภายหลังจำเลยกลับขู่เข็ญผู้เสียหายว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหายเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ทั้งจะขายข้อมูลความลับดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอก หากผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 2.5 ล้านฟรังก์สวิส เป็นมูลค่า 90 ล้านบาท






ท่านผู้ชมครับ นายซาเวียร์ จัสโต รับสารภาพ ก็เลยถูกจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพ ศาลก็ลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง ก็เหลือ 3 ปี ศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินคดีนี้เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญคือ นายซาเวียร์ จัสโต จำเลย ไม่ยอมอุทธรณ์ ยอมรับโทษนั้นไปเลย น่าแปลกไหมครับที่ซาเวียร์ไม่ยอมอุทธรณ์ ถ้าเขาคิดว่าเขาบริสุทธิ์เหมือนอย่างที่คุณช่อพูด เขาต้องอุทธรณ์ แต่เขาไม่อุทธรณ์ ยอมติดคุกอยู่ 1 ปี แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ มีหมายศาลเสร็จเรียบร้อยนะครับ ซึ่งเดี๋ยวจะเอาขึ้นจอให้ดู มีคำสั่งศาลเป็นอย่างไร โน่นนี่นั่น ฉะนั้นเป็นเรื่องที่จริงมากนะครับ


ทีนี้ ที่เราต้องถามตัวเราเองว่า คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช มโนโยงเรื่องนี้มาเกี่ยวกับรัฐบาลและตำรวจไทยได้อย่างไร ประการแรก นายซาเวียร์ จัสโต ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ เป็นอาชญากร แบล็กเมล์ ขู่กรรโชกทรัพย์ผู้อื่น



ประการที่ 2 มากล่าวว่า นายนาจิบ ราซะก์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นพันธมิตรมืด โดยอ้างถึงภาพการเยือนประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ในการประชุมประจำปีระหว่างนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ครั้งที่ 6 โดยการเดินทางมาเยือนไทยของผู้นำทหารมาเลเซีย ให้การรับรองรัฐบาล คสช.เป็นชาติแรกหลังการยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557 เอ๊ะ อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นพันธมิตรมืดเลยหรือ แค่มาเยือนกัน เห็นหน้ากัน นายนาจิบ ราซะก์ นี่เขาถ่ายเซลฟี่กับใครบ้างรู้ไหม









เขาถ่ายเซลฟี่เขากับบารัก โอบามา เขาถ่ายเซลฟี่กับนายริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของสายการบินเวอร์จิน เขาถ่ายเซลฟี่กับนายแจ๊ก หม่า เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเพียงแต่เขารู้จักคนๆ นี้แล้วถ่ายรูป หรือเขามาเยือนใคร ต้องถือว่าเป็นพันธมิตรมืดเชียวหรือ ทำไมคุณไม่เรียกแจ๊ก หม่า เป็นพันธมิตรมืดด้วย ทำไมคุณไม่เรียกบารัก โอบามา เป็นพันธมิตรมืดด้วย อันนี้มันเกินไป คุณช่อ ผมคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นที่มโนเรื่องนี้ ผมยังเฉยๆ แต่คุณช่อเป็นคนที่มีการศึกษาและรู้เรื่องนี้ดี ไม่น่าจะมโนเรื่องนี้


ข้อที่ 3 ตำรวจไทยไปจับนายซาเวียร์ เพราะว่าบริษัทเปโตรซาอุดี บริษัทสัญชาติอังกฤษ ซึ่งหลายคนอ้างว่าเป็นบริษัทของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย ไม่ใช่ บริษัทเปโตรซาอุดี เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ ด้วยเหตุนี้เขาถึงมอบอำนาจให้นายแพทริก มาโฮนี อายุ 37 ปี มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าถูกกรรโชกทรัพย์




ท่านผู้ชมครับ แล้วต่อมา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ขอนำตัวนายซาเวียร์ จัสโต ซึ่งเป็นคนสวิส กลับไปรับโทษที่บ้านเกิด แต่ประเทศไทยก็ปฏิเสธ แล้วมากล่าวหาประเทศไทยได้อย่างไร ผิดได้อย่างไร เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอธิปไตย สวิตเซอร์ก็ไม่ได้มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนสวิสทำผิดในเมืองไทย ก็ต้องติดคุกในเมืองไทยสิครับ เจ้าตัวไม่อุทธรณ์ ผู้ต้องหาโดนดำเนินคดีทั้งแพ่งทั้งอาญาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอังกฤษด้วย ก็ต้องรอให้ติดคุกในเมืองไทยจบเสียก่อน เมื่อติดคุกแล้วเราก็เนรเทศเขาออกไปข้างนอก เมื่อเนรเทศแล้ว สวิตเซอร์แลนด์หรืออังกฤษจะมาอายัดตัว ก็เรื่องของเขาแล้ว แต่ระหว่างที่ติดคุกอยู่ จะมาขอตัวกลับไปเลยน่ะ ทำไม่ได้ ไม่มีทางทำได้


การเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังก็ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจ เป็นสิทธิของนายซาเวียร์ จัสโต โดยกฎระเบียบการเข้าเยี่ยมมีชัดเจน ผมเชื่อว่าท่าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าใครก็ตามที่เป็นนักโทษจะต้องระบุชื่อคนประมาณไม่เกิน 10 คน ว่ามีชื่อนี้ๆๆ นามสกุลนี้ 10 คน เป็นสิทธิคนที่จะสามารถเข้าเยี่ยมได้ เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่า ข้อหาที่คุณช่อกล่าวหาว่าประเทศไทยเล่นซ่อนอาชญากรรมระดับโลก ไม่จริง แต่ความหมายของคุณช่อ กำลังเริ่มโยงไปที่นายโจ โลว์ มันสมองการทุจริตของ 1MDB โดยล่าสุดที่ผมเพิ่งเล่าให้ฟังว่าโดนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พิจารณาคดีข้อหาฟอกเงินแล้วยึดทรัพย์สินของเขาไปมูลค่าประมาณ 21,000 ล้านบาท วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สิงคโปร์ได้ออกหมายแดงให้ตำรวจสากล แต่นับตั้งแต่ตุลาคม 2016 ถึงพฤษภาคม 2018 โจ โลว์ ได้เข้า-ออกเมืองไทย 5 ครั้ง โดยที่ทางการไทยไม่เคยแจ้งสิงคโปร์ ไม่เคยติดตามจับกุมโจ โลว์ จนเขาออกจากประเทศไทยวันที่ 13 พฤษภาคม 2018 (2561) ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อกล่าวหาของคุณช่อ



ท่านผู้ชม ผมจะอธิบายเรื่องของหมายแดงก่อน ที่ผมรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะตำรวจมาเล่าให้ผมฟังหรอก เพราะผมมีลูกหลานหลายคนซึ่งศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ แล้วมีบางคนก็ไปทำอยู่แผนกต่างประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขามาอธิบายให้ผมฟัง และผมก็เคยเจอตำรวจอินเตอร์โพล จากสายสัมพันธ์ที่ผมรู้จักคนเยอะ เขาเล่าให้ผมฟังว่าหมายแดงคืออะไร หมายแดงคือว่า ประเทศใดก็ตามที่ต้องการออกหมายแดง ให้จับตาดูพวกนี้ หรือให้ดำเนินการเรื่องพวกนี้ เขาก็จะออกไปเป็นกุรุสเลย เหมือน Junk mail ท่านผู้ชมเข้าใจไหม เหมือน Junk mail เลย ออกไปเลย ถึงทั่วประเทศเลย มีหมายแดงอยู่ทั้งหมด 485 คน ตำรวจแต่ละประเทศได้มาก็วางไว้เฉยๆ รับทราบ แต่คำถามมีอยู่อย่างนี้ ถ้าสมมุติว่าสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย สนใจในเรื่องของหมายแดงของคนนี้ เป็นหน้าที่ของสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ต้องมาติดต่อประเทศไทย หรือถ้าไทยสนใจในเรื่องนี้ ก็ต้องไปติดต่อกับประเทศต่างๆ เหล่านี้ ท่านผู้ชมครับอดีตพันตำรวจโท คุณทักษิณ ชินวัตร ก็โดนหมายแดงเช่นกัน แล้วทำไมคุณทักษิณ ชินวัตร โดนหมายแดง แต่คุณทักษิณ ก็ยังบินไปญี่ปุ่น บินไปสิงคโปร์ บินไปโน่นบินไปนี่ อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศไทยไม่จริงใจในการที่จะดำเนินคดีกับคุณทักษิณ เพราะถ้าจริงใจ ประเทศไทยต้องส่งทีมไปแล้ว ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสิงคโปร์ ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย หรือไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ญี่ปุ่น บอกว่าคุณทักษิณ ชินวัตร นั้นมีหมายแดงและเราต้องการตัวคุณทักษิณ ถ้าคุณทักษิณเข้ามาเมื่อไร ช่วยกรุณาจับตัวไว้ให้เราด้วย แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้ทำ ฉันใดฉันนั้น สิงคโปร์ก็ไม่ได้ทำ มาเลเซียก็ไม่ได้ทำ



ท่านผู้ชม มีใครบ้างโดนหมายแดง คุณบอส ลูกของกระทิงแดง ที่ขับรถชนตำรวจตายแล้วก็หนีออกนอกประเทศ ก็โดนหมายแดงเช่นกัน คุณยิ่งลักษณ์ก็โดนหมายแดง ก็มานั่งถกเถียงกัน พยายามจะช่วยคุณยิ่งลักษณ์โดยกลุ่มคนบางกลุ่ม ก็บอกว่า ยังไม่รู้สถานที่อยู่ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ นั่นคือการยื้อเวลา ยืดเวลา และการช่วยเหลือกัน อย่างนั้นล่ะ ช่วยกัน แต่ไม่ใช่ในกรณีของโจ โลว์ นะครับ


ทีนี้ เขาก็อ้างว่าข้อมูลของ ตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ผิดพลาด ผิดพลาดตรงที่ว่าข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลที่คุณช่อเอามาให้ ซึ่งผมก็เดาแล้วผมว่าไม่น่าจะพลาดตรงที่ว่าคุณช่อจะเอาข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาได้อย่างไร ถ้าไม่มีคนที่ยศพลตำรวจโทคนหนึ่ง เป็นคนป้อนข้อมูลมาให้ ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องผลประโยชน์ของชาติ เอาศักดิ์ศรีของชาติมาแลกสายสัมพันธ์ส่วนตัว แล้วก็ต้องการที่จะทำลายว่าคุณประยุทธ์เป็นผู้นำประเทศอีกหรือ เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าคนที่เอาข้อมูลมาให้คุณพรรณิการ์ วานิช เขาเป็นนายตำรวจที่โตมาจาก คสช. คนที่คุณต่อสู้กับเขา แล้วคุณก็ดันไปเอาข้อมูลเขามา เผอิญเขาตกกระป๋องอยู่ตอนนี้ เขาต้องการจะล้างแค้นทุกอย่าง ซึ่งนี่ล่ะคือจุดเริ่มต้นที่ผมจะอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านผู้ชมฟัง แต่ใจเย็นๆ รออีกสักนิดนะครับ




หมายแดงอินเตอร์โพล มันคือหมายหว่าน เหมือน Junk mail ไม่ได้เจาะจง ถ้าเจาะจงประเทศนั้นก็ต้องเจาะจงมาพิเศษแล้วบินมาเจรจากัน ท่านผู้ชมครับ หมายแดง ไม่ใช่หมายจับนานาชาติ อย่าไปเข้าผิดตรงนี้ แต่เป็นหมายสำหรับแจ้งเตือนสำนักงานตำรวจของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกอินเตอร์โพลให้ไดรับทราบว่าบุคคลที่มีชื่ออยู่ในหมายแดง เป็นที่ต้องการตัวของประเทศต้นทางที่มีการออกหมายจับตามกระบวนการชั้นศาล แต่อินเตอร์โพลไม่มีอำนาจจะไปบังคับให้ประเทศสมาชิกอื่นๆ ดำเนินการจับกุมหรือส่งตัวผู้ถูกออกหมายจับ ยกเว้นในกรณีที่สองประเทศที่เกี่ยวข้องกันมีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน ส่วนหน้าที่อินเตอร์โพลนั้นคือการสืบสวนสอบสวน รวบรวมข้อมูล แจ้งเบาะแส แล้วก็หว่านหมายแดงนั้นออกไป


เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นหน้าที่ที่ตำรวจไทย หรือเป็นหน้าที่ที่อัยการจะต้องบินไปที่ดูไบ หรืออัยการต้องไปที่อังกฤษ หรืออัยการต้องไปที่ใดก็ตามที่คุณบอส ลูกกระทิงแดง อยู่ หรือคุณทักษิณอยู่ หรือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ หรือคุณจรัล ดิษฐาอภิชัย อยู่ หรือคุณสมศักดิ์ เจียมฯ ที่อยู่ที่ฝรั่งเศส เป็นหน้าที่ตำรวจ อัยการ แต่ขณะเดียวกัน ถ้าประเทศนั้นกับประเทศเราไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เขาก็ไม่ทำให้ แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้ทำเช่นนี้ ส่วนประเทศไทยทำไมไม่ได้ทำคุณยิ่งลักษณ์ ทำไมไม่ได้ทำคุณทักษิณ ท่านก็ต้องไปถามพลตำรวจโทคนนั้นและเจ้านายเขาสิ ถ้าท่านรู้ว่าการที่คุณยิ่งลักษณ์ได้เดินทางหนีออกจากประเทศนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่มีใครจับตัวได้ ท่านก็น่าจะรู้แล้วว่าเขามีการตกลงกันล่วงหน้า เพราะฉะนั้นคุณช่อ กรุณาอย่าโลกสวย และอย่าใสซื่อบริสุทธิ์นะครับ


ตุลาคม 2016 ถึงพฤษภาคม 2018 สิงคโปร์ออกหมายแดงขอให้จับโจ โลว์ แล้วคุณช่อกล่าวหาว่าทางการไทยไม่เคยแจ้งสิงคโปร์ ไม่เคยติดตามจับกุม ให้ที่หลบซ่อนอาชญากรข้ามชาติ บ่อนทำลายความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร ท่านผู้ชมครับ ทราบหรือเปล่าว่า ช่วงนั้นนอกจากไทย หลักๆ คือกรุงเทพฯ ภูเก็ต แล้ว โจ โลว์ เดินทางไปประเทศไหนบ้าง ท่านทราบไหม โจ โลว์ พฤศจิกายน 2560 กุมภาพันธ์ ถึงกุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่เกาะบาหลี และเกาะอื่นๆ ในอินโดนีเซีย จัดงานปาร์ตี้ จัดงานฉลองปีใหม่ที่เกาะบาหลี 8 กุมภาพันธ์ 2561 (ค.ศ. 2018) อาศัยอยู่บนเรือยอร์ช Equanimity ซึ่งจดทะเบียนที่เกาะเคย์แมน โดยเรือนี้ต่อมาถูกตำรวจอินโดนีเซียอายัดไว้จากกรณี 1MDB




12 กุมภาพันธ์ 2561 โจ โลว์ เดินทางไปร่วมงานวันเกิดอีริก ตัน เพื่อนที่มาเก๊า ซึ่งมีดารา นักร้องระดับโลก มาร่วมงานด้วย มีนาคม-เมษายน 2561 โจ โลว์ อยู่ที่มาเก๊า กับเซี่ยงไฮ้ พักที่โรงแรมเพนนินซูลา เซี่ยงไฮ้ พฤษภาคม 2561 อยู่ที่ภูเก็ต เพื่อติดตามผลการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ที่แนวร่วมรัฐบาลของนาจิบ ราซะก์ พ่ายให้กับแนวร่วมฝ่ายค้าน ปากาตัน ฮาราปัน


มิถุนายน-กรกฎาคม 2561 โจ โลว์ ไปอยู่ที่ฮ่องกง พักที่ Pacific Place Apartment นอกจากนั้นยังเห็นเขาไปที่มาเก๊า และเซี่ยงไฮ้


เพราะฉะนั้นแล้ว การที่คุณช่อมาอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพันธมิตรมืดของนาจิบ ราซะก์ โดยให้ที่หลบซ่อนอาชญากรข้ามชาติ บ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธมิตรทั้งหมด คือการเอาผลประโยชน์ เอาศักดิ์ศรีของชาติ มาแลกสายสัมพันธ์ส่วนตัว รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังจะเหลือความชอบธรรมในการเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร นี่คือข้อกล่าวหาของคุณช่อ ซึ่งตรงกันข้ามข้อเท็จจริง ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณช่อกล่าวหา




เพราะฉะนั้นแล้ว ตั้งแต่พฤษภาคม 2561 จนถึงกุมภาพันธ์ 2563 เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ 1 ปี 9 เดือนเต็มๆ ถึงกุมภาพันธ์ 2563 เดือนนี้ นายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด มาเยือนเมืองไทยกี่รอบ และในเวทีต่างๆ เจอนายกรัฐมนตรีไทยเรากี่ครั้ง 1 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา มหาเธร์มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 3 ครั้ง ทุกครั้งที่นายกฯ มหาเธร์มา ไม่นับจากการเจอบนเวทีประชุมนานาชาติ ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว นายกฯ มหาเธร์ไม่เคยถาม พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการตามจับโจ โลว์ หรือคุยเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีครั้งหนึ่งที่นั่งโต๊ะเลี้ยงรับรองอาหารเย็น ระหว่างนายมหาเธร์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการตำรวจไทย ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ผู้บริหารฝ่ายความมั่นคง ก็ไม่มีการถามถึงเรื่องโจ โลว์ เลย ไม่มี






พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผมโทรศัพท์ไปถามเขา เขาบอกว่านับย้อนหลัง ผบ.ตร.มาเลเซียไป 3 คน ย้อนหลังไปเลยนะ จากคนนี้ไปอีก 3 คน ไม่เคยมีการพูดเรื่องโจ โลว์ เลยแม้แต่ครั้งเดียว


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเรื่อง 1MDB เป็นเรื่องกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซียอย่างรุนแรง ตามที่คุณช่อ พรรณิการ์ และพรรคอนาคตใหม่ว่า ทำไมเขาไม่พูดกันเรื่องนี้เลยล่ะ เขาต้องพูดสิ เขาต้องพูด เวลาเขามีเรื่องอะไรคาใจที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากประเทศ เขาจะพูดเลย ท่านนายกฯ ครับ เผอิญผมมีคนที่โกงเงินกองทุนของประเทศผม ได้ข่าวว่าเขามาที่ประเทศไทยบ่อย ผมมีหมายจับอินเตอร์โพล ท่านนายกฯ ช่วยจัดการหน่อยได้ไหม จะเป็นนายกฯ คนไหนก็ตาม ไม่จำกัดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องสั่ง ผบ.ตร. บอก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกฯ มาเลเซียเขาพูดอย่างนี้นะ คุณไปเช็กดูซิ แล้วคุณไปจัดการเลยนะ ถ้าโจ โลว์ มา จัดการเลย ไม่มี คุณช่อกับพรรคอนาคตใหม่ และสื่อฝรั่งหัวแดงบางคน THE WALL STREET JOURNAL , THE NEW YORK TIMES กลับเต้นแร้งเต้นกา เป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าผู้นำมาเลเซียเสียอีก


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เผอิญมีคนเอาไปต่อยอด ต่อยอดอย่างไร ต่อยอดของการเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ไม่น่าเชื่อนะ แต่เป็นเรื่องตลก วันที่มีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้ววันนั้นมีการวางระเบิด 10 จุดในกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่ามีรองอธิบดีตำรวจคนหนึ่ง ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ชื่อ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์



ก็มาบอก พล.ต.อ.จักรทิพย์ เขาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกัน ว่า เฮ้ย ไอ้ที่วางระเบิดนี่ เพราะมาเลเซียไม่พอใจที่ไทยไม่จับโจ โลว์ เขาก็เลยปล่อยพวกนี้มาวางระเบิด เพราะฉะนั้นมาเลเซีย คือตำรวจสันติบาลมาเลเซียคนหนึ่งซึ่งเคยทำงานกับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ทางภาคใต้ พล.ต.อ.สุชาติ อ้างว่าสันติบาลของมาเลเซียคนนี้แจ้งมาว่า ถ้าจับโจ โลว์ ได้ เขาจะเอาผู้ต้องหาของเราคนหนึ่ง ผู้ก่อการร้ายทางใต้ โอนมาให้เรา ส่งมาให้เรา แลกกัน ท่านผู้ชมครับ สันติบาลคนนั้นไม่ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจของมาเลเซีย ผมคาดว่าหมอนี่คงต้องการเฮ้าเลี่ยน ต้องการแสดงผลงานว่าเขาสามารถจับโจ โลว์ ได้ ก็เลยติดต่อคุณสุชาติ ซึ่งไม่รู้ว่าติดต่อจริงหรือเปล่า แต่นี่คือคำกล่าวอ้างของ พล.ต.อ.สุชาติ ซึ่งเป็นจเรตำรวจ



ปรากฏว่าจากการที่จับผู้วางระเบิดได้ 1 คน ที่เหลือหนีเข้ามาเลเซียหมด ที่วางระเบิด 1 คน บอกว่าอย่างไรรู้ไหม บอกว่าที่มาวางระเบิดนั้น ต้องการจะมาป่วนการประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในประเทศไทย เพื่อดิสเครดิตประเทศไทย เอ๊ะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโจ โลว์ เลยนี่ คุณสุชาติเอาข้อมูลมาจากไหน อ๋อ คุณสุชาติเอามาจากพลตำรวจโทคนหนึ่ง คนที่ให้ข้อมูลคุณช่อนั่นล่ะ ใช่ไหม ให้ข้อมูลคุณช่อมาเพื่อตีนายกฯ แล้วก็ให้ข้อมูลกับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เพื่อให้สุชาติ ธีระสวัสดิ์ โดดเด่นขึ้นมาแล้วก็เป็นเรื่องด่างพร้อยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เพื่อคุณสุชาติจะได้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเมื่อคุณจักรทิพย์โดนปลดไปแล้ว คุณสุชาติก็จะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป


มีเรื่องนี้เยอะ มีตั้งแต่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ มาจนกระทั่ง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หรือที่เขาเรียกว่าบิ๊กช้าง แล้วก็ล่าสุด คือ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา 5 คนนี้อยากเป็น ผบ.ตร.กันทุกคนเลย อยากเป็น ผบ.ตร. เพราะว่าพลตำรวจโทคนนี้ไปบอกว่า พี่ใหญ่ Big brother ให้การสนับสนุนเต็มที่ โค่นแป๊ะมันให้ได้ มันทำผิดอย่างนี้ มันไม่ยอมจับโจ โลว์ จนกระทั่งมีการมาวางระเบิด มาเลเซียมันล้างแค้น มันส่งคนมา เหลวไหลทั้งเพ มโนจริงๆ พวกนี้ เพียงเพื่อหวังโทษฐานของจักรทิพย์ ชัยจินดา คือทะลึ่งเป็น ผบ.ตร.นานเกินไป พวกนี้อยากขึ้น




คนที่พ่ายไปคนแรกก็คือศรีวราห์ จบไปแล้ว พล.ต.อ.ศรีวราห์ มีอยู่ครั้งหนึ่งในช่วงที่มีข่าวว่าเขาจะเอา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น และข่าวนี้ก็มาจากพี่ใหญ่ด้วย โดยที่คนที่สื่อมาให้ก็คือพลตำรวจโทคนนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ท่านจัดเลี้ยงเลยนะคืนนั้น จัดเลี้ยงเลย จักรทิพย์ ชัยจินดา อยู่อเมริกา ไปเยี่ยมลูก จัดเลี้ยงฉลองตำรวจ ได้เป็นแน่นอน ผบ.ตร. แต่ว่ากลับมา ผบ.ตร.ก็ยังเป็นจักรทิพย์ ชัยจินดา อยู่ อกหักไปแล้วคนหนึ่ง


เฉลิม ศรีวรขาน ก็อยากขึ้นรอง ผบ.ตร. แต่ติดที่พ่อตาชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ท่านผู้ชมครับ ซึ่งเป็นพรรคเพื่อไทย ก็เลยขึ้นไม่ได้ ถัดมา พล.ต.อ.รุ่งโรจน์




เดิมทีเขาเสนอตัวมา เขาจะเอามาเป็นเลขาฯ ปปง. แต่ไม่ยอมมา แต่พอพลตำรวจโทคนนั้นซึ่งเป็นคนสนิทของ Big brother เขาบอก Big brother ส่งเข้ามาเป็นเลขาฯ ปปง. ก็เสนอตัวเข้ามา พอเสนอตัวเข้ามา เขาก็ไม่เอาอีก


ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย มีคนถามผมว่าทำไมโดนย้ายด้วย จะไม่โดนย้ายได้อย่างไรล่ะ เช้าถึง บ่ายถึง เย็นถึง ใส่เสื้อแจ๊กเก็ตหนังแล้วก็ใส่แว่นสีดำ ยืนข้างๆ Big brother ตลอดเวลา ไปไหนไปด้วย ตื่นมาตอนเช้าต้องเห็นชัยวัฒน์ เกตุวรชัย นั่งอยู่ที่บ้านของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตลอดเวลา




ชัยวัฒน์ก็อยากเป็น ผบ.ตร. แล้วปรากฏว่าโดนฟ้าผ่าพร้อม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พร้อมกันเลย จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็เป็นคนที่รักเพื่อน เพราะเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน นักเรียนนายร้อยรุ่น 36 รุ่นเดียวกัน จักรทิพย์ก็เลยบอกว่า ขอว่าแทนที่จะไปอยู่สำนักนายกฯ ขอมาเกษียณอายุที่ ศปก.ได้ไหม เป็นตำรวจ เกษียณอายุเป็นตำรวจ นี่ความรักที่มีต่อเพื่อน ถึงเพื่อนจะแทงข้างหลังอย่างไรก็ตาม ความเป็นลูกผู้ชาย ก็ยิ้ม อึด ไม่พูดสักคำ แล้วเดี๋ยวจะมีเรื่องอีก นี่เดินมาได้เกือบครึ่งเรื่องแล้วท่านผู้ชม วันนี้นานนิดหนึ่ง แต่รับรองว่าไม่เคยได้ยินมาจากที่ไหนอย่างแน่นอนที่สุด รับรอง


เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นว่า ทั้งหมดนี้โดนพลตำรวจโทคนนั้นปั่นหัวหมดเลย เหตุผลเพราะว่าพลตำรวจโทคนนั้นสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เลยอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร ตลอดเวลา เดี๋ยว พล.อ.ประวิตร จะกลับมามีอำนาจอีก เพราะฉะนั้นแล้ว โน่นนี่นั่น เต็มไปหมด พวกมัสยาพวกนั้นก็เลยหลงเหยื่อ งับเหยื่อ แต่ปรากฏว่าเจอเบ็ด เจ็บเหงือกกันเป็นแถวเลย ทุกคน มาล่าสุดก็คือ ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย, สุชาติ ธีระสวัสดิ์


ท่านผู้ชมครับ จำเพลงนี้ได้ไหม "แสนสงสารหมู่มัสยา ที่พามาเป็นเหยื่อ" ท่านผู้ชม เขาแน่ไหม พลตำรวจโทคนนี้เข้าใจว่าก่อนที่จะมาเป็นตำรวจ ก่อนที่จะมาจบโรงเรียนนายร้อยรุ่นสี่สิบกว่า อดีตเคยเรียนโรงเรียนช่างกลมาก่อน เป็นช่างเชื่อมและช่างโยง บ้านเขาก็เป็นเจ้าของโรงงานน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัวได้ทุกเรื่อง ถ้าเขาสามารถทำให้คุณช่อเอาข้อมูลพวกนี้มากระแทกนายกฯ ได้ เขาสุดยอดมาก เพราะฉะนั้นคนๆ นี้เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด หลังชนกำแพง พร้อมจะทำได้ทุกอย่าง ใครฉิบหายกูไม่ว่า ขอให้กูได้ ไม่เป็นไร เรื่องนี้ยังไม่จบ เอาล่ะ เรามาต่อกัน ท่านผู้ชมจะเริ่มเข้าใจว่าทำไมเรื่องราวมันถึงเป็นอย่างนี้




อีกประเด็นหนึ่งซึ่งคุณช่อโยงนายเพ่งเพียร เหล่ากำเนิด หรือที่เขาเรียกไอ้เพ้ง นายเพ่งเพียร เหล่ากำเนิด โยงไปหา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าเกี่ยวข้องกัน และนายเพ่งเพียร เหล่ากำเนิด เป็นคนสนิทของโจ โลว์ ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงได้สั่งการไม่ให้มีการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ส่งไปที่มาเลเซีย เป็นความเท็จหมดเลยครับท่านผู้ชม


ตามผมมา เรื่องนี้ เพ่งเพียร เหล่ากำเนิด หรือที่เขาเรียกว่าไอ้เพ้ง เป็นเด็กหนุ่ม ตระกูลของเขาทำงานในเรื่องธุรกิจการค้าหลายด้าน สนิทสนมกับโจ โลว์ ตั้งแต่สมัยโจ โลว์ อยู่ปีนัง และเขาอยู่ปีนัง เขารู้จักกัน เขาค้าขายกันมาตลอด ตระกูลของเพ่งเพียร เหล่ากำเนิด เป็นตระกูลที่ขายซอฟต์แวร์ของตำรวจให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซอฟต์แวร์นี้โรงพักทุกโรงพักใช้หมด คือซอฟต์แวร์เรื่องการติดตามอาชญากรรมทุกประเภท ท่านผู้ชมครับ แต่ ... ซอฟต์แวร์ตัวนี้เขาขายสมัยที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่นายจักรทิพย์ นายจักรทิพย์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย นายจักรทิพย์มีข้อดีอยู่ข้อเดียว คือมีเพื่อนดีๆ ทั้งนั้น 3-4 คน ที่ถือมีดอยู่ข้างหลังและพร้อมจะแทงข้างหลังนายจักรทิพย์อยู่ตลอดเวลา




นายเพ่ง ถูกโยงไปว่าเกี่ยวข้องกับการที่ช่วยเหลือ โดยที่ได้รับการช่วยเหลือจาก ผบ.ตร. ท่านผู้ชมครับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ถือวิสาสะ เมื่อรับงานของสันติบาลมาเลเซียมา ก็ไปบอกให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ใส่ชื่อลูกน้องของโจ โลว์ 6-7 คน ว่าเป็น Watch List วิสาสะมาก เพราะคุณสุชาติไม่มีอำนาจ คนที่จะมีอำนาจก็คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งใส่ ทั้งถอด ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ แต่มันโยงเข้าไปหมดเลย โยงเข้าไปเพราะคนๆ เดียว คือพลตำรวจโทสุดติ่งสุดลิ่มทิ่มประตูคนนี้ เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมต้องรู้ว่าคุณช่อพูดอย่างนี้ พูดไม่ถูก และผมคิดว่าคุณช่อ อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาทำลายชื่อเสียงประเทศไทย วันนี้ผมไม่ได้ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ผมกำลังปกป้องประเทศไทย เพราะฉะนั้นแล้ว อันนี้ต้องระวัง


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมพูดมาเกือบชั่วโมงแล้ว คิดว่าท่านผู้ชมคงจะเข้าใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้านนอก ที่คุณช่ออภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่อง 1MDB นั้น เป็นการเอาข้อมูลตัดแปะมาจากที่ต่างๆ แล้วก็โยงใส่ร้ายป้ายสีให้กับรัฐบาล แล้วก็ถูกพ่วงกับคนที่ต้องการจะโค่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา โยงจักรทิพย์ ชัยจินดา เข้าไป เหมือนกับข้อมูลที่อยู่ในสภาฯ ที่กล่าวหาว่าภรรยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องกับไบโอเมทริกซ์ ท่านผู้ชมเชื่อผมหรือเปล่า มันทำโดยคนพวกนี้ล่ะ ทำโดยคนบางคนในสื่อมวลชนบางฉบับ บางฉบับ ท่านผู้ชมเดาเอาก็แล้วกัน แต่คิดว่าคงเดาไม่ยาก กับพลตำรวจโทคนนี้ ป้อนข้อมูลให้ฝ่ายค้านเพื่อกระแทก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เห็นว่าหลังบ้านมีปัญหา เล่นกันทุกแบบ เหมือนกับที่เคยเล่นลูกชายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา งานนี้ก็มาเล่น พล.อ.ประยุทธ์


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ไม่ใช่เป็นวันปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เป็นการปกป้องชาติบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้เรื่องเรื่องนี้ มีครับบางเรื่อง ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


ท่านผู้ชมครับ วันนี้เอาเฉพาะเรื่องของ 1MDB อยู่ตรงนี้ แต่วันนี้ผมอยากจะพูดอะไรพิเศษนิดหนึ่ง


มีคนถามผมว่า ผมยืนอยู่ข้างไหน ระหว่างคนรุ่นใหม่ พรรคอนาคตใหม่ คุณธนาธร คุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณพรรณิการ์ วานิช คนรุ่นใหม่ กับอีกด้านหนึ่ง นักการเมืองทหารที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ท่านผู้ชม เดี๋ยวผมจะให้คำตอบว่าผมยืนที่ไหน เอาเป็นทีละเรื่องก่อนดีกว่า




วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องคุณธนาธร คุณพรรณิการ์ วานิช คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ก่อนอื่นผมจะไม่ตำหนิคุณนะ และผมไม่คิดว่าคุณมีเจตนาที่จะล้มล้างสถาบัน คุณอาจจะโดนพวกโหนเจ้ามาโจมตีคุณเรื่องคุณพยายามจะล้มเจ้า แต่คำชี้แจงของคุณมันเป็นคำชี้แจงที่พอฟังได้ พอฟังได้นะ แต่เผอิญบางอย่างมันฟังได้แล้วมาดูหลักฐานแล้ว ผมก็เดินไปไม่เป็นเหมือนกันนะ


ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ผมเคยพูดมานานแล้วว่า เรื่องบางเรื่อง คุณธนาธรหนีอดีตไม่พ้น คุณธนาธรหนีอดีตไม่พ้นจริงๆ เชื่อผมสิ คุณธนาธรเป็นเจ้าของและเป็นคนสนับสนุนนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ซึ่งเป็นนิตยสารที่โจมตีสถาบันกษัตริย์อย่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์ และคุณธนาธรเองก็เคยให้สัมภาษณ์เรื่องๆ หนึ่งลงในหนังสือที่ชื่อว่า 'Portrait of ธนาธร' ผมรู้มาว่าหนังสือเล่มนี้คุณธนาธรสั่งเก็บหมดแล้ว แต่ที่สำคัญคือหนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกมา 2-3 ครั้ง




คุณธนาธรครับ ในหนังสือเล่มนั้นมันมีคำพูดบางประโยคของคุณ ที่ผมอ่านดูแล้วผมตกใจ ผมกลัวใจจริงๆ และผมกลัวใจคุณด้วยว่าคุณพูดอย่างนั้นออกมาได้อย่างไร คุณพูดถึงการต่อรองกัน คุณให้สัมภาษณ์คนๆ หนึ่งน่าจะเป็นชื่อคุณวรพจน์ มั้ง ซึ่งเป็นอดีตคนที่เคยทำงานกับผมมาก่อน ผมจะอ่านคำสัมภาษณ์ของคุณให้พี่น้องประชาชนและให้ท่านผู้ชมฟัง




อย่างน้อยถ้าผ่านสัก 1 เลือกตั้ง น่าจะพอรู้กลโกง อิทธิพล รูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไร จะได้สัมผัสจริงๆ คำว่าตำแหน่งนายกฯ คือลิมิตสูงสุดไหม หรือมากกว่านั้น คุณธนาธรตอบว่า ไม่ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งนายกฯ มันคืออะไร เขาบอกว่าขอ off record นะ ก็คือไม่ต้องตีพิมพ์ แต่เผอิญเขาตีพิมพ์มา คุณธนารบอกว่า ผมจะต้องมีอำนาจมากพอที่จะไปต่อรองกับ ... โอ้โห น่ากลัวแล้วสิ ถ้าคุณมีอำนาจมากพอจะไปต่อรองกับ ... คุณต่อรองกับใครล่ะ ต่อรองกับฟ้าหรือเปล่า ผมไม่รู้ ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เราพูด ไม่เป็นความจริง พูดง่ายๆ ว่าเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว เราถึงเป็นฝ่ายก้าวหน้า ถามว่าเรารู้ไหม รู้ เหี้ย มันก็รู้เหมือนกันหมดล่ะ ปัญหาคือใครจะทำอย่างไร เราคิดว่าวิธีการของเราคือเราต้องมีอำนาจ และต่อรอง off record นะ ... ให้เขาเรียกธนาธรไป ... นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้ ถามว่าเรารู้ไหมสิ่งที่เราพูดโดยไม่พูดเรื่องนี้ มันไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้ ถามว่ารู้ไหม รู้ แต่มันพูดไม่ได้ ยังมีข้อจำกัด


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมฟังผมพูดแล้วรู้สึกอย่างไร คุณธนาธร คุณหมายความอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า คุณธนาธรครับ ผมก็ลูกคนจีน ผมอายุ 72 ย่าง 73 ผมน่าจะใกล้ๆ พ่อของคุณ ผมจำได้ว่าปู่ของคุณก็เป็นเจ๊กมาจากเมืองจีน มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย ทำมาค้าขาย ซ่อมแซมเบาะรถ แล้วก็ร่ำรวยขึ้นมา พัฒนาต่อมา ส่วนปู่ของผมก็มาจากเมืองจีน แต่ไปอยู่ที่ จ.สุโขทัย ไปทำโรงสี ไปแต่งงานกับย่าผม ซึ่งเป็นคนไทย ลูกสาวกำนัน แล้วก็ตั้งนามสกุลลิ้มทองกุล เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ปู่ของผมก็มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร คุณธนาธร วันนี้คุณจะละเลยรากเหง้าของชาติบ้านเมืองได้อย่างไร ผมไม่เคยลืม ลูกชายของผมก็ไม่เคยลืม และผมเชื่อว่าหลานของผม ต่อไปก็ไม่เคยลืม ว่าเรามาจากไหน มาจากที่ใด




คุณเป็นคนที่มีความคิดดี คุณอยากเปลี่ยนแปลง ผมให้คุณ ผมเห็นด้วย ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่คุณกับผมอาจจะต่างกันตรงนี้ ผมเป็นคนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยต้องมีสถาบันกษัตริย์ คุณอาจจะเชื่อมั่นอีกแบบหนึ่งว่าไม่จำเป็นต้องมี หรือคุณปิยบุตรอาจจะเชื่อมั่นว่า มีก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ก็คือต้องขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร คุณธนาธรครับ วันไหนที่สภาผู้แทนราษฎรเมืองไทยเป็นวันที่ได้คนที่ดี ไม่ต้องซื้อเสียงเข้ามา เป็นคนที่รักชาติทุกคน ผมคิดว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ได้ขัดข้องหรอกที่จะทำงานร่วมกัน แต่คุณไปดูสิครับ ส.ส.ในสภาฯ แม้กระทั่ง ส.ส.ในพรรคของคุณ ผมจะบอกอะไรให้อย่างนะ ความคิดของคุณ ความคิดของคุณปิยบุตร คุณเป็นคนที่มีคนเก่งๆ อยู่เยอะ และผมนับถือมาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดเรื่องของการเกษตรยุคใหม่ Smart Farming ผมชูนิ้วให้ นี่ล่ะคือทางออกของทางการเกษตร


อาจารย์ศิริกัญญา ตันสกุล อาจารย์ไหม พูดเรื่องหลักเศรษฐศาสตร์ โน่นนี่นั่น ผมยกนิ้วให้ ใช้ได้ ถูกต้อง แต่คำถามคือ คุณ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล และคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช คุณคือหัวจักรที่ขับเคลื่อนพรรคอนาคตใหม่ และคุณคือหัวจักรที่ทำให้คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา เอากับคุณ แต่คุณพูดความจริงไม่หมด คุณธนาธร คุณนึกว่าผมชอบทหารนักหรือ เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องทหารให้คุณฟัง ว่าปัญหาประเทศชาติมีตรงไหนบ้าง ทางฝั่งทหารก็คือตัวสร้างปัญหา คุณต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่คุณบอกเด็กๆ หรือเปล่าที่ตามคุณ คุณอย่าไปหลงในมวลชน ทำไมคุณไม่พิจารณาตัวคุณ คุณพิจารณารอบด้านคุณ คุณพิจารณาคุณปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าตั้งแต่มาเป็นที่ปรึกษาคุณ อยู่เคียงคู่คุณ คุณเคยทำอะไรถูกบ้าง




ผมเคยพูดมาแล้วไม่ใช่หรือ จำได้ไหม คุณจำได้ ผมเชื่อ ผมบอกว่าเวลาคุณเดินเข้าไปสู่ในเวทีสงครามที่ฝ่ายมีอำนาจเขากำหนดกติกา คุณมีอยู่ทางเดียว คุณต้องเล่นตามกติกาของเขา แล้วถ้าคุณไม่ไปเชื่อที่ปรึกษาแบบคุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณก็ไม่ถูกถอดถอนออกจากการเป็น ส.ส.ในเรื่องคดีหุ้น ถ้าคุณทำให้ถูกต้อง ถูกหลัก คุณก็ไม่ถูกยุบพรรค


คุณอย่าลืมนะว่า วันนี้ สมมุติก็แล้วกัน คุณธนาธร สมมุติว่าวันนี้คุณยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และคุณอยู่ในสภาฯ คุณมีคนอย่างคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แม้กระทั่งคุณปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เป็นคนที่ปราศรัยดี พูดดี ถ้าพูดไม่ดี นักศึกษากฎหมายจะชอบได้อย่างไร ต้องพูดดีอยู่แล้ว มีอิทธิพลในการโน้มน้าวใจคน


ในขณะเดียวกัน คุณพรรณิการ์ วานิช ก็เป็นคนที่ทันต่อโลกทุกอย่าง ก็สามารถจะอธิบายโน่นอธิบายนี่ และคุณมีอาจารย์ไหม คุณมีคนโน้นคนนี้ ภาพของพวกคุณมันจะชนะใจคนดูทั่วประเทศไทย แม้กระทั่ง ส.ส.ที่อยู่ในสภาฯ ทุกคน จะอับอายขายหน้า จะมองหน้าพวกคุณด้วยความเกรงขาม จริงอยู่มันเป็นระบบที่คุณไม่ชอบ แต่ถ้าคุณจะเปลี่ยนระบบ คุณต้องเข้าไปสู่ระบบนั้น และวิธีที่จะเข้าไปสู่ระบบนั้น คุณต้องเข้าตามกติกาที่เขาตั้ง เพราะว่าเขาเป็นคนกำหนดกติกา


วันนี้คุณพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญที่มันเฮงซวย ทำไมคุณไม่พูดถึงคน 2 คน คนหนึ่งก็คือ มีชัย ฤชุพันธุ์ คนหนึ่งก็คือวิษณุ เครืองาม 2 คนนี้ร่วมกันทำรัฐธรรมนูญที่เฮงซวยขึ้นมา คนร่างคือมีชัย แต่คนอยู่เบื้องหลังคือวิษณุ คนอยู่กำกับก็อาจจะเป็นทหาร แต่ถ้าคน 2 คนนี้มีจิตใจรักประชาธิปไตย เขาต้องขัดขืนเหมือนบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่เขาไม่ยอม เขาถึงถูกเปลี่ยน มาเป็นมีชัย ฤชุพันธุ์ ถ้าคุณบอกว่าประเทศนี้มีความแตกแยก เหตุผลเพราะรัฐธรรมนูญชุดนี้ คน 2 คนที่ทำให้แตกแยกมากที่สุดก็คือ มีชัย ฤชุพันธุ์ และวิษณุ เครืองาม เพราะใครมีอำนาจอยู่เหนือวิษณุ เครืองาม สมมุติผมเป็นวิษณุ เครืองาม หรือมีชัย ใครมีอำนาจอยู่ จะสั่งให้ผมร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการต่อยอดอำนาจ ผมไม่ทำ คุณก็ไปหาใครทำก็ได้ เห็นหรือยัง คุณได้ใจคนหนุ่มคนสาวหมดเลย จากการที่คุณไปแฟลชม็อบตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกอย่างออกมา




คุณได้ใจเขาหมด แล้วคุณนึกว่าคนพวกนี้จะลงคะแนนเสียงให้คนอื่นเหรอ ไม่ เขาจะลงให้พวกคุณ แต่วันนี้เนื่องจากคุณยโสโอหัง คุณไปเชื่อปิยบุตรมากจนเกินไป จนกระทั่งเขาเตะตัดขาคุณ และเขาก็มีสิทธิ์จะเตะตัดขาคุณ


เมื่อเขามีสิทธิ์จะเตะตัดขาคุณ แล้ววันนี้คุณทำอะไร คุณก็มาเดินนอกสภาฯ คุณมาเดินนอกสภาฯ แล้ววันนี้คุณก็ไปพูดกับพวกเด็กๆ ส่งทีมงานไปพูดกับเด็กๆ เด็กธรรมดาก็หัวร้อนอยู่แล้ว ออกมากัน แฮชแท็กกันสนุกสนาน กลายเป็นแฟชั่นไปแล้ว มีการแฮชแท็ก แต่คุณก็รู้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ถ้าเด็กต้องลงถนนมาแล้ว เกิดล้มหายตายจากไป คุณ 3 คน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรณิการ์ วานิช ปิยบุตร แสงกนกกุล ต้องรับผิดชอบต่อเด็กทั้งหลาย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณคุมเขาได้ไหม ประสบการณ์การต่อสู้ของพวกคุณยังไม่ได้ 1 ใน 100 ของผมเลย แล้วผมเชื่อว่าคนอย่างจตุพร พรหมพันธุ์ หรือณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็จะเห็นด้วยกับผม แล้วยังไงล่ะ คุณให้มีแฟลชม็อบ ทั้งๆ ที่คุณมีโอกาสที่จะเปลี่ยนชาติบ้านเมือง จริงๆ นะคุณอยู่ในสภาฯ วันนี้คุณจะเป็นฮีโร่ คุณพูดเรื่องทหารเกณฑ์ ผมเห็นด้วย ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับคุณ 100 เปอร์เซ็นต์ ผมอาจจะบอกว่าใช้วิธีสมัครใจมาสัก 50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์อีก 50 เปอร์เซ็นต์ แต่หลักการเหมือนกัน ไม่มีอะไรหลายๆ อย่างที่คุณพูด ส่วนใหญ่ผมจะเห็นด้วย ถึงผมจะแก่แล้ว แต่จิตใจผมยังเข้าใจการเปลี่ยนแปลงอยู่


เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้ผมไม่ตำหนิเด็กหรอก ผมเห็นใจเด็ก ผมก็รู้สึกเหมือนกันนะที่เด็กออกมาอย่างนี้ แต่คุณรู้ไหมว่าวันนี้ในระยะการไลฟ์เฟซบุ๊กของเด็กตามที่ต่างๆ คุณคุมเขาได้ไหมตอนนี้ ตอนนี้เริ่มเลยเถิดแล้วนะ เริ่มเลยเถิดแล้วนะที่เด็กเริ่มจาบจ้วงมากขึ้นแล้วนะ ถามว่าถ้าเด็กจาบจ้วงมากขึ้นแล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น คุณ 3 คนจะรับผิดชอบไหม ผมอยากให้ท่านผู้ชมรู้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ในไลฟ์สดถ้าเกิดเด็กพูดจาอะไร เด็กบางคนเป็นสาวกของสมศักดิ์ เจียมฯ แล้วก็เอาสิ่งที่สมศักดิ์ เจียมฯ เขียน มาพูดก้าวร้าวต่อสถาบันกษัตริย์ แล้วถ้าเกิดมีคนทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาต่อต้านเด็กพวกนี้ หรือนั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ เห็นเลือดเกิดขึ้น อย่า เกมแบบนี้ผมรู้ทันพวกคุณ อย่าทำ ตอนนี้เกิดขึ้นกันหมด คุณต้องระวังตัวนะ วันนี้เหมือนน้ำมันราดมาแล้วนะ รอไม้ขีดไฟอันเดียว โยนเข้าไป พรึ่บ ลุกขึ้นหมดเลย จริงอยู่ ยังไม่มีใครลงบนถนน แล้วคุณรู้ได้อย่างไรที่คุณไปปราศรัยกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ธรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นที่ศิลปากร จะเป็นที่มหิดล จะไม่มีคนของทางการเข้าไปแอบฟังคุณ ผมนี่ผ่านมาแล้ว เวลาเขาดำเนินคดีกับผมนะ มีเทปหมดเลย โน่นนี่นั่น คุณสนธิเป็นจำเลยที่ 1 โน่นนี่นั่น ที่สำคัญที่สุด ถ้าเด็กหนุ่ม เด็กที่เป็นนักศึกษา อารมณ์ร้อน คุมสติ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อาละวาด พูดจาเลยเถิด ก้าวข้ามไปสู่จุดที่ไม่ควรจะก้าวข้าม แล้วทำให้ทุกอย่างพินาศฉิบหายไปหมด แล้วเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา




ท่านผู้ชมครับ จำเอาไว้อย่างหนึ่ง ขอให้คุณธนาธร คุณพรรณิการ์ วานิช และคุณปิยบุตร ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้


ท่านผู้ชมครับ ในขณะเดียวกัน ฝั่งตรงกันข้าม ผมเข้าใจจิตใจของพวกเด็กรุ่นนี้ ผมเข้าใจจิตใจของพวกคุณธนาธร ว่าทำไมเขาไม่ยอมรับคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่กติกาบอกชัดเจน จบกันที่ศาล ศาลอาญา จบที่ศาลอาญา ถึงฎีกาก็ศาลฎีกา ศาลแพ่งก็จบที่ศาลแพ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทีเดียว ศาลปกครองก็จบที่ศาลปกครองสูงสุด แต่ท่านผู้ชมครับ พวกนี้ไม่ยอมรับศาล ผมเห็นใจเขา เพราะทำไมรู้ไหม เพราะพวกเรา ผู้ใหญ่ ไปทำร้ายจิตใจพวกนี้ ผมยกตัวอย่าง ด้วยความเคารพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ วันที่ ป.ป.ช.ชี้ว่านาฬิกาท่าน 30 เรือน ไม่ผิด อีกฝั่งหนึ่งเขาก็มองว่า เฮ้ย นี่เป็นองค์กรอิสระนะที่จะต้องดำรงความยุติธรรมในการตรวจสอบ ยังบอกว่าไม่ผิด แล้วผมจะไปเชื่อใจได้อย่างไรว่าศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาออกมาแบบนี้ ไม่มีเบื้องหลัง เข้าใจหรือยัง เพราะว่าพวกเราไปทำให้เขาเห็นไง พอทำให้เขาเห็น เขาก็บอกว่า มาอีกแล้ว ถ้าเป็นพวกมัน มันช่วยกัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง พวก ป.ป.ช. เด็กก็จะบอกเลย ประธาน ป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ก็คือเด็กของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อยู่หน้าห้อง และเป็นลูกน้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เขาก็เลือก พล.ต.อ.วัชรพล มาเป็นประธาน ป.ป.ช. เพื่อมาซักฟอกพวกเดียวกัน อย่ามาโกรธผม นี่คือความคิดที่ฝั่งนี้เขาคิดกัน




เมื่อเขาคิดอย่างนี้แล้วจะไปตำหนิเขาได้อย่างไร จะไปพูดได้อย่างไร เมื่อศาลพิพากษามาอย่างนี้ ก็ต้องเชื่ออย่างนี้ ก็ในเมื่อมันมีตัวอย่างมาแล้วอย่างนี้ จะทำให้เขาเชื่อได้อย่างไร เป็นผม ผมก็ไม่เชื่อ


คดีจ่าคลั่งที่ฆ่าคนตาย เป็นครั้งแรกที่ต้องมีคนตาย 29 ศพ เพื่อสังเวยความอยุติธรรมในกองทัพ พล.อ.อภิรัชต์ บอกว่าผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ผมไม่สนใจ พล.อ.อภิรัชต์ ผมจะถาม พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นรัฐมนตรีกลาโหมมากี่สมัยแล้ว ท่านไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ แล้วถ้าท่านรู้แล้ว ท่านทำอะไรบ้างในการที่จะแก้ไขเรื่องนี้ ท่านก็ไม่ได้ทำอะไร แล้วท่านดูสิ ท่านปิดข่าวใช่ไหม ว่าเด็กมาชุมนุมโน่นนี่ ท่านปิดไม่ได้หรอก วันนี้วันโซเชียลมีเดียแล้ว ไม่มีทางที่จะปิดได้ ทุกอย่างมันออกมาหมด มหิดลเท่านี้ แม้กระทั่งราชภัฏก็มี มหาวิทยาลัยรังสิตก็มี เอกชนก็มี ลามไปจนถึงโรงเรียนสตรีวิทยา คุณปิยบุตรพูดมาคำหนึ่ง ถึงผมไม่เห็นด้วย แต่ผมคิดว่าเป็นความจริง คุณปิยบุตรอ้างคำพูดของหนังสือ เสนีย์ เสาวพงศ์ เรื่องปีศาจ บอกว่า กาลเวลาจะฆ่า คนพวกนี้ พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่กำลังเจริญเติบโต แล้วคุณน่ะเป็นตะวันตกดิน พวกเขาเป็นตะวันกำลังขึ้น แทนที่จะประคบประหงม ให้ความถูกต้องกับเขา ทำตัวเป็นตัวอย่างให้เขารู้ ว่าประเทศไทยควรจะเป็นอย่างนี้ พวกคุณไม่ได้ทำ พวกคุณยังมุ่งกับที่อำนาจ พวกคุณยังมุ่งกับการที่ใครขวางคุณ คุณจัดการหมด ใครเห็นต่างก็ต้องจัดการหมด


ท่านผู้ชมครับ ไม่เคยมีครั้งไหนในประเทศไทยที่มีความแตกแยกมากถึงขนาดนี้ ความปรองดองมันล่มสลายไปหมด ความปรองดองมันล่มสลายไปหมด เราจะแก้กันอย่างไร ลำพังดูแค่ตำรวจก็พอ สมัย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังอยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเป็นประธาน ก.ตร. เขาก็รู้กันว่า ผบ.ตร.น้อย ก็คือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นคนถือโผ เข้าไปปรึกษากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ




แม้กระทั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยังต้องมานั่งรอหน้าห้องของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล (ยศตอนนั้นพลตำรวจตรี) เพื่อรอโผซึ่งส่งมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แก้ไขว่าควรจะใส่ใครๆ พี่ป้อม ยอมรับ ไม่ว่ายุคที่พี่ป้อม หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ก.ตร.นั้น การแต่ตั้งโยกย้ายตำรวจเละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์ โผออกแล้ว ออกโผซ้ำ ออกแล้ว ออกซ้ำๆ ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร ท่านต้องรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ผมตั้งข้อสังเกตอย่างบริสุทธิ์ใจว่า เอาล่ะ สมมุติว่าท่านไม่รู้ ท่านต้องรู้นะ ว่าฝีมือใครบ้าง แล้วก็อ้างชื่อท่าน ผมก็ไม่รู้ว่าอ้างชื่อ หรือจริงๆ ท่านหนุนหลัง แต่ผมให้เกียรติท่าน ที่่ท่านเป็นผู้ใหญ่ ว่าท่านคงไม่รู้เรื่อง


เพิ่งจะเป็นปีแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นประธาน ก.ตร.แล้วการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจออกมาคำสั่งเดียว จบเลย ไม่ต้องมายึก ดึงคำสั่งโน้นมา ดึงคำสั่งนี้มา แล้วมาเปลี่ยน คนนี้บางทีเป็นพลตำรวจเอก ถูกลดยศไปเป็นพลตำรวจโท เรื่องพวกนี้ปิดใครไม่ได้หรอก ปิดไม่ได้ โซเชียลมีเดียมันเป็นอย่างนี้ อย่าไปนึกว่ามีอำนาจ อย่าไปนึกว่ามีปืน คนมันถึงจุดๆ หนึ่ง มันกลัวจนมันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ฝั่งนี้ผมก็มีปัญหา ฝั่งนั้นผมก็มีปัญหา ถ้าผมพูดด้วยความเคารพ ผมอยากให้พี่ป้อมลาออกเสีย อย่าเป็นเลย อย่าไปเป็นเลย ท่านอายุเท่านี้แล้ว ท่านอายุมากกว่าผม 2-3 ปี ท่านบายพาสหัวใจมา 4 เส้นแล้ว ท่านเดินก็เดินไม่ได้ ท่านนั่งประชุมท่านก็นั่งหลับ อำนาจมันหอมหวลแค่ไหนเหรอท่าน ท่านลาออกเถอะ เผื่ออะไรหลายๆ อย่างมันจะดีขึ้นมา เผื่ออะไรหลายต่อหลายอย่างมันจะได้ดีขึ้น ก็กลายเป็นว่าตั้งก๊งตั้งแก๊งกันในการเมือง คุณเป็นอย่างนี้แล้วคุณจะให้เด็กซึ่งมันชุมนุมอยู่ เห็นคุณเป็นทางออกของประเทศชาติได้อย่างไร




ท่านผู้ชมครับ ผมจะให้คำตอบ ว่าผมจะยืนที่ไหน เห็นหรือยัง ผมมีปัญหา คนที่อยู่ไม่เป็นคือผม ไม่ใช่พวกคุณ อนาคตใหม่ อยู่ไม่เป็น เพราะฝั่งนี้ผมก็รับไม่ไหว ฝั่งนี้บางเรื่องผมก็รับไม่ไหว มันไม่มีที่อยู่ให้ผมแล้วสิ ท่านผู้ชมหลายคนเห็นด้วยกับผมไหม เห็นด้วยกับผมไหม ฝั่งโน้นมีปัญหา ฝั่งนี้ก็มีปัญหาบางคน ผมรับไม่ได้ อยู่ไม่ได้ ผมรู้ว่าคนดูรายการนี้มีทั้งพวกอนาคตใหม่ มีทั้งพวกคนหนุ่มคนสาว อย่าเพิ่งมาด่าผม แต่จะด่า ผมไม่ว่าอะไร แต่ขอให้เข้าใจหลักการที่ผมอธิบาย


ผมมีข่าวหลายอย่าง ซึ่งผมก็ไม่อยากจะพูด แต่ผมจำเป็นต้องพูด เพราะผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมา พี่ป้อมที่รักของผม เขาว่ามีคนมีคอกม้าอยู่ที่สิงคโปร์ตั้ง 2 คอก 3 คอก คุณวิชัย รักศรีอักษร เจ้าของคิงเพาเวอร์ ก็มีอยู่คอกหนึ่ง แล้วคนที่ดูแลคอกม้า เผอิญเป็นเพื่อนสนิทของท่าน ชื่อคุณกฤษณ์ ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ผมเพียงแต่ได้ข่าวนี้มา แต่เรื่องนี้ทำไม่ยากหรอก เดี๋ยวผมส่งคนไปสิงคโปร์ ไปเช็ก 2-3 ที ถ่ายรูปมา วันแข่งม้าก็รู้แล้วว่าคอกม้านี้ใครเป็นเจ้าของ ผมไม่เชื่อข่าวที่เขาปล่อยออกมา เพราะผมไม่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร หรือพี่ป้อม เป็นคนอย่างนั้น เขาบอกว่าคอกม้านั้นเป็นของพี่ป้อม ผมว่าไม่ใช่




ว่ากันว่า ... ผมก็ไม่เชื่ออีก ก่อนมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการขยับขยาย มีคนชื่อเล่น 2 ป. ไปหาคนๆ หนึ่งชื่อ ป. เหมือนกัน แต่เป็นสัตว์ประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก ว่ายน้ำก็สู้ปลาไม่ได้ บินขึ้นไปบนฟ้าก็ไม่ได้ ว่ามีเงินตก 40 ล้าน ว่าไม่ให้อภิปรายพี่ป้อมของผม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่เผอิญโดนองค์การ ก็คือพรรคที่ร่วมฝ่ายค้านเขาบอกว่าไม่ได้ ต้องอภิปราย ผมไม่เชื่อ เพราะว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ท่านมีความโปร่งใสที่ท่านเชื่อว่าท่านโปร่งใส ท่านคงชี้แจงได้หมด เพราะฉะนั้นข่าวว่าต้องมีการเสียเงิน 40 ล้าน เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายตัว พล.อ.ประวิตร ผมก็คิดว่าไม่จริง


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ยาวเป็นพิเศษ ชั่วโมงครึ่ง ท่านผู้ชมครับ ผมอยู่ไม่เป็นหรอก ถ้าประเทศชาติเป็นอย่างนี้ ฝั่งนี้ผมก็อยู่ไม่ได้ ฝั่งนี้ผมก็อยู่ไม่ได้ ไม่รู้จะอยู่ที่ไหน ท่านผู้ชมถ้าเห็นด้วยกับผม ก็บอกมาแล้วกัน ท่านผู้ชมครับ วันนี้ชั่วโมงครึ่ง ประมาณนั้น กำลังดี อาทิตย์หน้ารอทีเด็ด บรรยิน บอกกันล่วงหน้า แล้วอีกอาทิตย์ต่อจากบรรยิน จะเด็ดสะระตี่มากกว่านี้อีก อย่าพลาด สวัสดีครับ



กำลังโหลดความคิดเห็น