วันนี้ (14 ก.พ.) เวลาประมาณ 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ทำการไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ที่จะมาเล่าเรื่องราวครบทุกเรื่องทุกประเด็น กรณีเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ที่มีปมเหตุมาจากการแสวงหาผลประโยชน์ในค่ายทหาร ตามมาด้วยเสียงก่นด่าคนทำสื่อที่หากินกับเรตติ้งบนความสูญเสียของชีวิตคนอื่น และเรื่อง exclusive เบื้องลึกกรณีสื่อค่ายเนชั่น เล่นข่าวโจมตี ผบ.ตร.เป็นซีรีส์ยาวอยู่ฉบับเดียว
คำต่อคำ SONDHI TALK [14 ก.พ. 2563]
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 หลายคนอาจจะเรียกมันว่าวันแห่งความรัก ก็ระวังตัวไว้หน่อยนะครับคนที่อยู่ในห้วงความรัก ถ้าไม่แน่ใจ อย่าไปลุ่มหลง หลงใหล และคลั่งไคล้มากเกินไปกับวันที่ 14 วันแห่งความรักที่แท้จริงมันผ่านมาแล้วนะครับ ก็คือวันมาฆบูชา เพราะพระพุทธเจ้าท่านแสดงพระธรรมเทศนาให้พวกเรารักกันทุกคน
ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะเข้าสู่รายการ ก็เป็นปกติธรรมดา ท่านผู้ชมอยากจะเข้าติดตามรายการนี้ ก็มีหลายวิธี ท่านผู้ชมก็ลองดูเอาเองก็แล้วกัน ผมขึ้นที่หน้าจอไว้ให้ว่าท่านผู้ชมเข้าตรงไหนบ้าง อย่างไร
ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"
สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ
สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป
อาทิตย์ที่แล้วเผอิญผมหลุดปากไปพูดเรื่องเครื่องกรองอากาศที่ผมใช้อยู่ และผมใช้มา 5 ปีแล้ว และผมก็ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์ เพราะมันไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์เลย ไม่เสียเงิน แค่ถอดออกมาล้าง เครื่องกรองอากาศนี้ชื่อ MANATURE ท่านผู้ชมต้องรู้ว่ามันมีกำลังไฟฟ้าสถิตตั้ง 6,000 วัตต์ เท่ากับว่าสามารถที่จะสร้างโอโซนเพื่อทำลายวงจรการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ใครก็สนใจก็ดูกันเองแล้วกันนะครับ ผมพูดได้อย่างเดียวว่าผมใช้มา 5 ปีแล้ว เวลาเปิดประตูห้องปั๊บ อากาศข้างนอกเข้ามาไฟจะแดงวาบเลย สักพัก ทำงานไม่นาน ไฟก็เขียวเหมือนเดิม อากาศฟอกสนิท แล้วก็เงียบสนิท นอนตอนกลางคืนไม่ได้ยินเสียง ดีมาก ดีที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างเศร้าและไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรมาก แต่ว่ามีความจำเป็นต้องพูด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดในวันนี้ และมันกระทบหน่วยงานสำคัญๆ มันกระทบกองทัพบก มันกระทบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมันกระทบกับบุคคลบางบุคคล ท่านผู้ชมก็คงจะติดตามข่าวแล้ว ผมไม่อยากจะเล่าเรื่องให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ จ่าบ้าคลั่ง ที่ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เดี๋ยวคนเอาไปเลียนแบบกัน จ่าบ้าคลั่งฆ่าคนตายไปทั้งหมด 29 คน รวมทั้งตัวเขาเองด้วยอีก 1 คน เป็น 30 คน บาดเจ็บ 58 คน ต้องเรียกว่าเป็นการสูญเสียชีวิตครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อเรามาดูเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว หลายคนก็จะเน้นไปที่เรื่องสื่อ เรื่องโน้นเรื่องนี้ หลายคนก็บอกว่าอย่าไปพูดถึงมัน พูดถึงมันแล้วเดี๋ยวมันจะเป็นเน็ตไอดอล เดี๋ยวคนจะเลียนแบบมัน โน่นนี่นั่น แต่วันนี้เราไม่พูดถึงเหตุคงไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านพูดเลยว่า ผลอะไรที่ออกมา มันมาจากเหตุทั้งสิ้น ความทุกข์อยู่ที่ไหน เราต้องดับทุกข์ให้ได้ วิธีดับทุกข์คือเราต้องไปหาที่เหตุ เราก็มาดูกันที่เหตุ ซึ่งวันนี้ท่านผู้ชมคงจะผ่านข้อมูลข่าวสารในเรื่องเหตุมามากมายแล้ว ก็คือมีปัญหาในเรื่องเงินทองกัน นายทหารชั้นผู้ใหญ่รังแกนายทหารชั้นผู้น้อย ลูกสาวของพันเอกที่เสียชีวิตไปก็ออกมาพยายามให้สัมภาษณ์ไปอีกทางหนึ่งว่า จริงๆ แล้วไม่มีค่านายหน้า ไม่มีโน่นไม่มีนี่ ก็คือว่าทุกคนก็รักพ่อ ทุกคนก็รักแม่ ทุกคนก็อยากจะเคลียร์ตัวเอง ทุกคนก็รักสามี ก็อยากจะเคลียร์ตัวเอง แต่เผอิญข้อมูลข้อเท็จจริงบางอย่างมันเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่พูดไม่ได้ เพราะพูดแล้วเราจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด
คือระบบทหารมันเป็นระบบที่ชัดเจน ก็คือมีประทวน มีสัญญาบัตร สัญญาบัตรก็เป็นนายร้อย นายพัน เป็นผู้บังคับกองพัน เป็นผู้บังคับหมู่ เป็นผู้บังคับหมวด ไปจนถึงเป็นผู้บังคับกองพล ไปจนถึงผู้บัญชาการกองพล ขึ้นไปจนถึงผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบกซึ่งมีอำนาจเด็ดขาด สิทธิ์ขาดอยู่ที่ผู้บัญชาการทหารบก
โดยที่ผ่านมาในอดีต จนกระทั่งปัจจุบัน จนกระทั่งท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ท่านออกมาแถลงว่าปัญหามันมีจริง ที่ผมกำลังจะพูดในวันนี้ก็คือว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่โคราชนั้น มันเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ในทะเล ใต้ยอดนั้นลงไปใต้ทะเลมันยังมีน้ำแข็งเต็มไปหมดเลย ก็คือว่าสิ่งที่ท่านผู้ชมเห็นจากความอยุติธรรม หรือความไม่พอใจ หรือความที่ถูกกดขี่ข่มเหงของเจ้าฆาตกรบ้าคลั่งคนนี้ เป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ในกองทัพบกมากมายพอสมควร วันนี้เราต้องเอาเรื่องนี้มาพูดกัน ซึ่งก่อนที่จะพูดเรื่องนี้ผมก็ต้องขอเห็นต่างกับท่านผู้ชมหลายคนที่ตำหนิติเตียนท่านผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่า มีแต่น้ำตาออกมา ไม่มีอะไร ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดการที่เขาออกมายอมรับความจริง และเขาบอกว่าจะแก้ไขปัญหานี้ แสดงว่าเขารู้ปัญหา
ซึ่งจริงๆ ปัญหานี้มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีในยุคที่เขามา แต่เผอิญมันมีคนตายถึง 29 คน จริงๆ 30 แต่ผมไม่นับ 1 คนที่เป็นจ่าบ้าคลั่ง
เพราะฉะนั้นแล้ว ต้องให้คนตายถึง 29 คน กองทัพบกถึงจะเข้ามาพิจารณาว่าปัญหามันมีจริงนะ แล้วจะแก้อย่างไร
เรื่องราวของเงินทอน ผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน สรุปง่ายๆ เรื่องราวของเงินทอน ในเรื่องของการเช่าซื้อบ้านมันมีอยู่ 3 ประเภท
ประเภทแรกก็คือ เช่าซื้อ สร้างบ้านบนที่ดินของกรมธนารักษ์ กองทัพบกมีข้อตกลงกับกรมธนารักษ์ว่าจะขอใช้พื้นที่กรมธนารักษ์สร้างบ้านให้กับข้าราชการทหารที่ไม่มีบ้านอยู่ และสามารถจะกู้จากกรมสวัสดิการสงเคราะห์ทหารได้ แต่ที่นั้นเป็นที่ของกรมธนารักษ์ หมายความว่า ตัวคนไปกู้เงิน ก็กู้เอาเงินมาสร้างบ้าน แต่ที่ยังเป็นสิทธิของกรมธนารักษ์อยู่ ซึ่งเขาต้องเช่าไปจำนวนกี่ปีๆ ก็ว่ากันไป และใครก็ตามที่สร้างบ้านบนที่กรมธนารักษ์นั้น จะขายต่อไม่ได้ เพราะที่ดินเป็นของกรมธนารักษ์ ก็คือว่าให้ลูกให้หลานอยู่ต่อได้ กรมธนารักษ์ไม่ขัดข้อง นั่นคือประเภทที่ 1 ซึ่งประเภทนี้ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าที่ดินชัดเจนว่าเป็นของกรมธนารักษ์
ประเภทที่ 2 ก็คือที่ดินของกองทัพเอง ก็คือ สมมุติว่ากองทัพบกมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่ง แล้วผืนนี้กองทัพบกต้องการจัดสรรออกมาเพื่อให้ทหารต่างๆ สามารถจะเช่าซื้อได้ และท่านผู้ชมเชื่อผมเถอะ ที่ดินกองทัพบกมีเยอะมาก เยอะจริงๆ ไม่เชื่อไปดูแถวสวนผึ้งสิครับ เดินเข้าไปนี่ก็ที่ ทบ. ที่ ทบ. ไปจังหวัดไหนก็มีที่ ทบ. กองทัพบกก็บอกว่า โอเค ที่พวกนี้จะจัดสรรเป็นแปลงๆ แปลงละ 40 ตารางวา 60, 80 สุดแล้วแต่สถานภาพของคนที่สามารถจะกู้ได้ แต่ว่าอันที่สองนี้ (ผมเรียกว่า 2.1) 2.1 ที่นี้ ใครต้องการที่จะซื้อ ต้องผ่อนที่ก่อน ผ่อนจนที่หมด แล้วถึงจะไปกู้เพื่อมาสร้างบ้านได้ เหตุผลที่เขาให้ผ่อนที่ก่อนเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้ผ่อนทั้งที่และผ่อนทั้งบ้าน มันจะหนักเกินไปสำหรับทหารหลายระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับชั้นประทวน ตรงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร มีบ้างเล็กน้อย
ที่ๆ ที่มีปัญหามากที่สุด และเป็นปัญหาที่เกิดจ่าคลั่งนี่ขึ้นมา ก็คือที่ 2.2 คือที่จัดสรรของเอกชน กองทัพบกจะมีพื้นที่เยอะเลยที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่าและไม่ได้ทำอะไร ในที่สุดแล้วก็มีชาวบ้านเข้าไปอยู่บ้าง เข้าไปทำมาหากินบ้าง แล้วกองทัพบก หรือ ผบ.หน่วยต่างๆ ก็ดำเนินการขับไล่ชาวบ้านที่ไปอยู่ตามที่นั้นออกมา แล้วก็ยกที่ตรงนี้ให้ผู้จัดสรรเอกชนเอาไปทำ หรือต้องซื้อต่อในราคาที่ถูกมากๆ และที่ประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะอยู่รอบๆ ค่ายทหาร ซึ่งก็เป็นที่นิยมชมชื่นกันมากระหว่างคนที่จะกู้ เพราะว่า หนึ่ง อยู่ใกล้บ้าน สอง ปลอดภัย และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับจ่าคลั่งนี่ก็เกิดขึ้นจากลักษณะข้อ 2.2 นี้
วิธีการก็คือว่า ง่ายที่สุด ผมจะตัดตอนไปเลยนะ จะไม่พูดให้มันเยิ่นเย้อ ง่ายๆ ยาวๆ เจ๊อนงค์ คือแม่ยายของท่าน ผบ.พัน ที่ตายไป เจ๊อนงค์ เป็นนักจัดสรรที่ดิน เป็นนักปล่อยเงินกู้ วงการเขาพูดกันชัดเจนว่า เจ๊อนงค์ นี่ คือพูดง่ายๆ ว่า เอาเข้าบ้านที่ไหนก็ไม่ได้ เหตุผลก็เพราะว่าพื้นบ้านจะเป็นรอย ถ้าที่บ้านมีพรม พรมขาดเลย เป็นที่ลือเลื่องมีชื่อมาก วิธีการก็คือ มีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่งซึ่งสนิทสนมกับเจ๊อนงค์ และสนิทสนมกับภรรยาของท่านผู้พันที่เสียชีวิตไป (ผมไม่ทราบว่ามีรูปหรือเปล่า ถ้ามีจะเอาขึ้นให้ดู) คือในรูปจะเห็นว่าภรรยาของผู้พันนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง ในรถ อีกฝั่งหนึ่งคือผู้รับเหมาก่อสร้าง วิธีการง่ายนิดเดียว เนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างพวกนี้จะไปซื้อที่มา จะไปซื้อที่จากหน่วยต่างๆ แล้วก็หาทางที่จะสร้างบ้าน ที่สำคัญคือ สร้างบ้านแล้วต้องมีลูกค้า นี่ล่ะคือที่มาของนายหน้า คนนี้ก็เอาลูกค้ามา หาลูกค้ามา โดยที่หลักการการกู้จะมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ว่า คนๆ หนึ่ง ถ้าเป็นชั้นประทวน จากพลทหารขึ้นมาจนถึงจ่าสิบเอก จะกู้ได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ถ้าสูงกว่านั้น เป็นสัญญาบัตร จะกู้ได้ระหว่าง 2-5 ล้านบาท และเงินกู้ที่กู้มานี้ ต้องผ่อนส่งภายใน 40 ปี หรืออายุไม่เกิน 65 ปี ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าเป็นพลทหาร หรือเป็นจ่าสิบเอก อายุสัก 30 ก็สามารถจะผ่อนส่งได้ 35 ปี เพราะอายุห้ามเกิน 65 ปี
ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือว่า มีการซื้อขายแบบ มีการไปชักจูงคนโน้นมาซื้อ คนนี้มาซื้อ ระหว่างคนโน้นคนนี้มาซื้อ กระบวนการขั้นตอนต้องเป็นแบบนี้ สมมุติคุณบอกคุณชอบที่ตรงนี้ ซึ่งที่ตรงนี้ก็คือที่ๆ ผู้รับเหมาซื้อไว้จากกองทัพบก หรือได้รับสิทธิในการจัดสรร ซึ่งราคาถูกมาก สมมุติว่าที่ราคาประมาณสัก 60-80 ตารางวา ที่ก็จะไม่เกิน 1 แสนบาท พวกนี้ก็จะเสนอตัวไปว่าผมจะสร้างบ้านให้คุณนะ สร้างเท่านี้ๆๆ พอสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้คุณก็ไปกู้ ในการกู้ก็มีการจ่ายเงิน 3 งวด งวดแรก งวดที่สอง งวดที่สาม งวดที่สามก็คือเวลาบ้านเสร็จแล้วก็ให้คนมาตรวจดู พอเสร็จแล้ว พอครบก็เบิกเงินก้อนที่ 3 มา แต่ท่านผู้ชมครับ ขบวนการปล่อยกู้มันไม่เหมือนท่านผู้ชมที่จะสร้างบ้าน ท่านผู้ชมมีที่ดินแล้ว หรือต้องการจะซื้อหมู่บ้านจัดสรร ท่านผู้ชมก็ไปเจรจากับเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ต่อรองราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมู่บ้านจัดสรรก็แนะนำธนาคารให้ ธนาคารก็มีเงื่อนไขว่าคุณต้องมีรายได้เท่านี้เท่านั้น เมื่อคุณมีรายได้เท่านี้เท่านั้นแล้ว คุณก็มีสิทธิที่จะกู้ได้ ก็ว่ากันไป นี่คือภาคเอกชน
แต่ภาคทหาร เผอิญมีเอกชน คือผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าไปเกี่ยวข้อง สิ่งแรกก่อนที่ทหาร ที่จะเป็นใครก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ่าคลั่งคนนี้ จะกู้ได้ ต้องให้ผู้บังคับกองพันเป็นคนเซ็นอนุมัติ นั่นคือที่มาของการที่จะต้องใช้เงินใช้ทอง ของการถูกดูดเรียกเงินทองไป การเซ็นอนุมัติแต่ละครั้งต้องเสียเงิน ของเข้ามา ก็ต้องตกมาที่ส่วนกลางแล้วค่อยจ่ายออกไป อุปมาอุปไมยก็คือพูดง่ายๆ ว่า บ้านที่ท่านผู้ชมเห็นในทีวี
ที่เขาไปถ่ายมาให้ดูนั้น ผมให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล้ว เขาบอกบ้านหลังนี้สร้างจริงๆ ก็ไม่เกิน 500,000 บาท แต่ว่าเขาตีราคากัน 750,000 บาท ก็แสดงว่าผู้รับเหมามันกำไรตั้ง 250,000 บาท 250,000 ที่ผู้รับเหมากำไร ผู้รับเหมาแบ่งให้ใครบ้าง ผมไม่รู้ ส่วนหนึ่งอาจจะให้ผู้พัน หรือส่วนหนึ่งอาจจะให้เจ๊อนงค์ที่ตายไปก็ได้ แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ่าคลั่งก็เอาหลักฐาน เอาคนเข้ามาดู เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปกู้ ก็ได้เงินมา 1,175,000 บาท ประมาณนั้น เมื่อบ้านราคา 750,000 บาท อ้าว มันมีเงินทอน 400,000 บาท ซึ่ง 400,000 บาทนี่ล่ะ คือตัวปัญหา จริงๆ ที่ภรรยาผู้พันชี้แจงบอกว่าแค่ค่านายหน้า 50,000 บาท มันไม่ใช่แค่ค่านายหน้า 50,000 แล้วก็อ้างชื่อนายพิทยา หรืออะไรต่างๆ ที่เป็นนายหน้า จริงๆ นายพิทยาเป็นมือเป็นเท้าของผู้พัน เคยทำงานให้ผู้พันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไหนแต่ไร แล้วโดนไล่ออกจากราชการ แล้วก็กลับมารับใช้คุณนาย ก็คือแม่ยายผู้พัน ก็ปรากฏว่า ก็โยนไปว่าพิทยาเป็นคนเอาเงินไป 50,000 แต่จริงๆ พวกเราเข้าใจผิดกันหมด จริงๆ มันคือ 400,000 บาท เงินทอนที่ถูกอมไป
เพราะฉะนั้นแล้ว จ่าคลั่งก็คลั่งแล้วสิ มันไปทวงตั้งหลายครั้ง เมื่อทวงหลายครั้งแล้ว ความที่คุณเป็นแค่จ่าสิบเอก ผมเป็นพันเอก ผมมีสิทธิที่จะสั่งให้คุณทำโน่นทำนี่ ถ้าคุณไม่เชื่อฟังผม ถ้าคุณขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เอ้า จับไปขัง 14 วัน และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับจ่าคลั่ง จ่าคลั่งมันถึงคลั่งไง มันถึงมีไลน์ออกมาในเฟซบุ๊ก หรือระบุในเฟซบุ๊กว่า อยากจะดูอะไรดีๆ น่าตื่นเต้นไหม คือผมเข้าใจว่ามันคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เพราะมันไม่ใช่แค่การที่มันถูกจับขังเท่านั้น มันถูกอมเงินยาม แล้วตอนนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเวรรักษาการณ์เป็นยาม วันหนึ่งได้ 240 บาท ปรากฏว่า 240 บาทนี้เข้ากระเป๋าผู้พัน หรือเข้ากระเป๋าแม่ยาย ผมไม่รู้ แต่คนที่โดนมันพูดกันในกลุ่มไลน์ชัดเจนว่ามันได้แค่ 100 บาทเอง อีก 140 อม
ท่านผู้ชม ค่ายทหารค่ายหนึ่งต้องมีเวรยามกี่คน คุณเอาเวรยามกี่คนนั้นคูณเข้าไปสิ ต่อวัน วันหนึ่งโดนหักไปแล้ว 140 บาท ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมีประมาณ 20 คน ก็วันละ 2,000 กว่าบาท จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นกี่ปี ถ้าเป็นผู้พันที่มีจิตใจที่ใช้ไม่ได้ ที่ค่อนข้างจะชั่วร้าย ถ้าอยู่สัก 3 ปี คุณก็ดูเอาแล้วกันเป็นเงินเท่าไร เป็นเงินหลักล้านนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น
ด้วยความแค้นของมัน มันก็เลยต้องการอย่างมากที่จะล้างแค้น ด้วยเหตุนี้ถึงไปทวงเงินถึงที่ รายละเอียดที่เหลือผมจะไม่เล่าแล้วว่ามันโกรธมาก ถึงกับพูดจาออกมาเป็นหลักธรรมเลยว่าตายแล้วเอาเงินไปใช้ได้ที่ไหน แล้วมันก็ยิงคนโน้นยิงคนนี้ แต่ผมต้องการจะชี้ประเด็นนี้ให้เห็น ซึ่งผมคิดว่าผมก็จะต้องเข้าสู่เรื่องตำรวจบ้างเล็กๆ น้อยๆ
ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมดูให้ดีๆ มันไปยิงแม่ยายและยิงผู้พันจนเสียชีวิต แล้วจากนั้นมันก็เดินทางจากบ้านแม่ยาย ซึ่งอยู่ห่างจากค่ายทหาร 3 กิโลเมตร มันเข้าไปในค่ายทหาร มันเข้ายิงยามค่ายทหาร แล้วมันก็ไปทำลายสายยูที่เก็บอาวุธเอาไว้ แล้วมันก็ขนอาวุธออกมาหลายประเภท ซึ่งรายละเอียดพวกนี้ผมไม่ต้องพูดถึงแล้ว เอาเป็นว่า จากที่มันยิงเขา มันขับรถไปอีก 3 กิโลเมตร แล้วมันเข้าไปในคลังอาวุธ ตรงนั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 20 นาที กว่าจะยิง กว่าจะยิงสายยู กว่าจะเอาปืนมาแล้วก็ขับ
จากนั้นแล้วมันก็ขับรถไปที่วัดป่าศรัทธารวม ทำไมต้องไปที่นั่น เพราะมันได้ข่าวว่าคุณนายเก๋ คือเมียผู้พันไปทำบุญอยู่ที่วัดนั้น มันก็เลยจะไปยิงคุณเก๋ที่นั่น แต่เผอิญเขาก็บอกว่าคุณนายเก๋ไปชอปปิงที่เทอร์มินอล 21 มันก็เลยขับรถไปเทอร์มินอล 21 ก่อนไป ด้วยความที่มันมีความรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับมันเลย เพราะมันต้องการเงิน 400,000 บาทนี้ ไปตกแต่งบ้าน มันเตรียมที่จะพาแม่มาอยู่ในบ้านหลังนี้ ใช้ชีวิตกับแม่ เงินเดือนของเขาประมาณ 20,000 กว่าบาท 25,000 บาท ก็คิดว่าวันหนึ่งข้างหน้าเขาต้องผ่อนบ้านเดือนละ 7,000 บาท เขาก็สามารถจะอยู่ได้ และมีแม่มาอยู่ด้วย มันรู้สึกโลกไม่ยุติธรรม เงิน 400,000 บาท เป็นของมันเอง เพราะว่าในที่สุดแล้ว ถึงบ้านราคา 750,000 บาท แต่ถ้ามันกู้มา 1,175,000 บาท มันก็ต้องผ่อน 1,175,000 บาท ตลอดระยะเวลา 40 ปี ก็คือเงินของมัน แต่ปรากฏว่ามันโดนแม่ยายของท่านผู้พัน ซึ่งตรงนี้หลักฐานคนยืนยันได้ชัดเจน เพราะฉะนั้นภรรยาท่านผู้พันจะพูดอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนข้อเท็จจริงประเด็นเหล่านี้ได้
มันก็รู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมกับมัน เมื่อโลกไม่ยุติธรรมกับมันแล้ว มันจะให้ความไม่ยุติธรรมกับโลกบ้าง นั่นคือที่มาที่มันยิงคนเละเทะไปหมดเลย โดยไม่มีเหตุไม่มีผล เสร็จเรียบร้อยแล้วมันก็ขับรถไปอีก 5 กิโลเมตร ไปถึงเทอร์มินอล 21 ส่วนที่เหลือนั้นผมไม่อยากอธิบาย แต่ผมจะชี้ให้เห็นว่า จากที่มันยิงแม่ยายของผู้พันและยิงผู้พันตาย 3 กิโลเมตร ไปที่ค่ายทหาร เข้าไปเอาปืน เข้าไปจัดการกับพวกยามรักษาการณ์ อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกกว่า 20 นาที แล้วค่อยขับรถต่อไปอีก ไปที่วัดป่าศรัทธารวม ผมถามว่าช่วงนี้ต้องมีอย่างน้อยเกือบ 1 ชั่วโมง ถามว่าตำรวจโคราช พวกคุณทำอะไรกันอยู่ มันก็มีแค่ตำรวจ 2 คนที่ขับรถผ่าน เข้าไปดักมัน แล้วก็โดนมันยิงตาย ผมก็ถามว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ผู้การจังหวัดโคราชไม่รู้เรื่องเลยหรือ ผู้กำกับเมืองโคราชไม่รู้เรื่องเลยหรือ คือถ้าหากรู้เรื่อง หรือว่าบริหารจัดการเป็น ทั้งผู้บัญชาการ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 35 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เกษียณอายุเดือนกันยายน ปีนี้แล้ว กับท่านผู้การ ชื่อ พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ และท่านผู้กำกับ ซึ่งเพิ่งย้ายมาแทน พ.ต.อ.คเชนทร์ ที่โดนย้ายเข้าไปอยู่ ศปก. เข้าไปแช่แข็งในกรณีของละเมิดลิขสิทธิ์ จำได้ไหมท่านผู้ชม
ถามว่า 3 คนนี้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ พล.ต.ต.สุจินต์ และผู้กำกับเมือง คุณกฤตยา เลาประสพวัฒนา ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ถ้าคุณรู้เรื่อง สิ่งที่คุณต้องทำทันที คุณต้องระดมตำรวจทั้งหมดไปสกัดกั้น ไปปิด เพื่อไม่ให้มันไปถึงเทอร์มินอล 21 ถ้าจะต้องยิงกันกลางถน ก็ยิงกัน อย่างน้อยที่สุดก็ชะลอความบ้าคลั่งของมันลงไปได้ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ปล่อยให้มันเข้าไปถึงเทอร์มินอล 21 แล้วไปเที่ยวยิงคนโน้นคนนี้ ซึ่งผลก็ออกมาอย่างน่าเศร้าสลดเสียใจอย่างที่เรารู้กันอยู่แล้ว
ผมก็เห็นว่าไหนๆ ท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ท่านก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ถ้าท่านพิจารณาเรื่องนี้แล้ว ผมมีความรู้สึกว่าท่านต้องลงโทษคนของท่านละ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ท่านจะเกษียณกันยายนนี้แล้ว อย่าไปเสียเวลาท่านเลย เอาท่านไปประจำ ศปก. แล้วกัน ให้ท่านไปเกษียณที่ ศปก. ตั้งใครมารักษาการเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ผู้การโคราชก็ต้องไปด้วย ผู้กำกับเมืองก็ต้องไปด้วย ผมคิดว่าเรื่องนี้ผมจะฝากท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ไหนๆ ท่านก็มาถึงขนาดนี้แล้ว และทหาร พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็กำลังจะแก้ไขปัญหาส่วนของทหาร ก็ให้ตำรวจแก้ไขปัญหาส่วนของตำรวจก็แล้วกัน ทุกอย่างตำรวจทำดีอยู่แล้ว แต่ถึงคราวที่จะต้องมาเช็กบิลว่าแต่ละขั้นตอนๆ มีใครผิดพลาดบ้าง ต้องจัดการอย่างไร
เรามาเปลี่ยนกันนิดหนึ่ง เรากระโดดข้ามมาเลยดีกว่า เรื่องความเศร้าโศกเสียใจ เรื่องพ่อแม่ลูก 3 คนที่อยู่ใต้ดิน แล้วโดนยิง ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าสื่อไปไลฟ์เฟซบุ๊ก อันนั้นจะเป็นตอน 2 ที่ผมจะพูด ตอนนี้เอาเฉพาะเรื่องของท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก่อน
ท่านผู้ชมครับ ถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ท่านพูด ว่า ฆาตกรที่มันบ้าคลั่งนี้ นาทีที่มันลั่นไก มันไม่ใช่ทหารแล้ว ท่านผู้ชมครับ อุปมาอุปไมยหมาบ้านผมกระโดดข้ามรั้วไป แล้วก็ไปกัดคนอีกบ้านหนึ่ง แสดงว่าวันที่มันข้ามรั้วไป มันไม่ใช่หมาบ้านผมแล้วใช่ไหม ผมคิดว่าตรรกะนี้ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ ใช้ไม่ถูกต้อง แต่ผมเห็นใจ ท่านต้องสะเทือนใจมาก เพราะถ้าไม่สะเทือนใจ ลูกผู้ชายอย่างน้อยที่สุดมันไม่ร้องไห้ง่ายๆ หรอก ท่านอาจจะอัดอั้นตันใจ แล้วในที่สุดท่านถึงกับหลุดออกมาเลย บอกว่าท่านนายกฯ ผมบอกท่านนายกฯ ว่าผมจำเป็นต้องทำ แสดงว่าที่จำเป็นต้องทำ แสดงว่า พล.อ.อภิรัชต์ รู้อยู่แล้วว่าปัญหากองทัพบกอยู่ที่ไหน รู้หมดทุกแง่ทุกมุม ถึงหลุดปากออกมาว่า ผมจำเป็นต้องทำ และข่าวล่าสุดก็ออกมาแล้วว่าได้มีการโยกย้ายระดับพันโท-พันเอก ออกจากพื้นที่ทันที ผมคิดว่าท่าน พล.อ.อภิรัชต์ รู้หมดเลยปัญหาของกองทัพบกอยู่ที่ไหน ผมอยากจะให้กำลังใจท่านนิดหนึ่ง ท่านผู้ชม เราต้องให้กำลังใจท่าน ให้ท่านใช้เวลา 3-4 เดือนที่เหลือนี้ ให้ท่านจัดการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมอยู่ในกองทัพบก
ท่านผู้ชมครับ และท่านทหารทั้งหลายที่เป็นทหารบกทั้งหลาย โปรดเข้าใจผมนิดหนึ่ง ผมไม่ได้มุ่งร้ายต่อท่าน แต่ผมกำลังบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านทั้งหลายต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการมองกองทัพบกเสียใหม่ กองทัพบกในที่สุดต้องเป็นกองทัพของประชาชน ไม่ใช่กองทัพของผู้ใหญ่ในกองทัพบก หรืออดีตผู้ใหญ่ในกองทัพบกที่เคยมีอำนาจอยู่ และก็ยังมีอำนาจสั่งการอยู่ ความโปร่งใสของกองทัพ ไม่มีครับ ไม่ว่าท่านจะปฏิเสธอย่างไร ไม่ว่าท่านจะออกมาปกป้องอย่างไร อย่างเช่นท่าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล หรือที่เขาเรียกว่า บิ๊กช้าง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ท่านออกมาให้สัมภาษณ์ ท่านบอกว่าจ่าคลั่งเป็นคนติดเกม นัยของการให้สัมภาษณ์แบบนี้แปลว่าอะไร แปลว่ากำลังจะบอกว่าไอ้นี่จริงๆ แล้วมันอาจจะติดการพนัน ติดเกม เพราะฉะนั้นแล้วมันจะเอาเงินไปเล่นการพนัน อย่าบิดเบือนครับท่าน อย่าบิดเบือนเป็นอันขาดเรื่องนี้ เรื่องของเรื่องก็คือว่า ผู้พันไปอมเงินมัน แล้วมันสติแตก เมื่อมันสติแตกแล้ว มันไม่ได้รับความยุติธรรม โดนขังด้วย โดนนั่นโดนนี่ ไปทวงเงิน แล้วโดนท้าทายว่าให้ไปฟ้องเอา มันก็เลยเอาความไม่ยุติธรรมให้กับโลกเลย ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็น
ผมคิดว่าสิ่งที่ต้องทำก็คือ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับ การยอมรับความจริง เราต้องเริ่มการแก้ไขปัญหาตัวเราเอง องค์กรเราเอง ทุกหน่วยงานของเราเอง ด้วยการยอมรับความจริงว่ามันมีอย่างนี้จริง และมันไม่ถูกต้องจริง แต่ผมจะแก้ไข แต่คำถามคือการแก้ไข ท่านผู้ชมครับ ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ ท่านแตะแค่ผิวเผิน ท่านบอกว่าจากนี้ไปรายได้มวย จากนี้ไปรายได้ของสนามกอล์ฟ จะโอนเข้าคลังหมด พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ จะคืนให้กรมธนารักษ์ ให้กรมธนารักษ์ไปจัดการบริหารจัดการ เอาคนที่มืออาชีพมาทำ มีทั้งโรงแรมโน่นโรงแรมนี่ เสร็จเรียบร้อยแล้วได้เงินเท่าไรก็คืนคลัง แล้วคลังก็จัดส่วนที่ทหารควรจะได้เอาคืนมาให้ทหาร แล้วทีวีช่อง 5 ล่ะครับ ท่านจะให้มืออาชีพมาบริหารไหม แล้ววิทยุต่างๆ ล่ะ ทุกคลื่นที่ทหารมีอยู่ นี่คือขุมทรัพย์อันใหญ่ ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ท่านจะกล้าเข้าไปแตะหรือเปล่า และท่านก็พูดอีก ผมจะเรียนให้ทราบ เรื่องทหารรับใช้ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นทหารระดับนายพัน ผมยังเฉยๆ เพราะนั่นคือทหารเกณฑ์ คือเกณฑ์เข้ามาแล้วอยู่ได้ 1 ปีครึ่ง 2 ปี เดี๋ยวพอปลดจากเกณฑ์ก็กลับบ้านไปทำมาหากิน แต่ผมกำลังพูดถึงชั้นประทวน ชั้นประทวนที่ต้องการยึดอาชีพทหาร เข้ามาเป็นพลทหาร ไต่เต้าจากพลทหารมาเป็นนายสิบ จากนายสิบเป็นสิบโท สิบเอก จ่าสิบเอก แล้วถ้ามีสิทธิที่จะขยับเป็นนายร้อย ก็คงจะเป็นนายร้อย ผมกำลังพูดถึงกำลังพลที่สำคัญมากพวกนี้ เพราะพวกนี้อย่างน้อยที่สุด กว่าจะเจริญเติบโตเป็นจ่าสิบเอก หรือจ่าสิบเอกคลั่งคนนี้ กว่าจะมาวันนี้ กว่าจะเป็นพลแม่นปืน เราต้องเสียเวลาฝึกมันไปเท่าไร แต่เรากลับต้องสูญเสียมันไปเพราะความอยุติธรรมที่เราให้กับมัน แล้วมันก็เกิดความบ้าคลั่ง ไปเอาความไม่ยุติธรรมให้กับโลก ตรงนี้ต่างหาก
ท่านผู้บัญชาการทหารบกครับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ความคิดของท่านดี ที่ท่านจะบอกว่าให้ใครก็ตามส่งข้อมูลมา แต่ต้องแถลงตัวตนนะ ท่านฝันไปเถอะครับ ไม่มีใครกล้าที่จะเอาตัวตนมาแสดง ถ้าเอาตัวตนมาแสดงปั๊บ เขาก็เรียกมันสอบ สมมุติว่าเขาเรียกผู้พันคนหนึ่งมาสอบ ว่าคุณโดนคนนี้ๆ ร้องเรียนมา คุณว่าอย่างไร ผู้พันท่านก็ชี้แจงไปโน่นไปนี่ พล.อ.อภิรัชต์ ครับ ท่านต้องยอมรับนะครับ บางครั้งเลือดมันเข้มกว่าน้ำ ถ้า จปร. สอบ จปร. ด้วยกัน จปร. ไม่เอาผิด จปร. หรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ไอ้บ้าที่จะไปแจ้งว่าผมชื่อนี้ๆ ยศนี้ๆ ผมถูกผู้พันรังแก เท่ากับมันตกนรก เมื่อใดก็ตามมันส่งข้อมูลมาให้คณะกรรมการชุดนี้ ถึงท่านจะบอกว่าเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อนั้นล่ะคือการเซ็นใบมรณบัตรของมันมาเรียบร้อยแล้ว
ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ ท่านอย่าลืมนะครับ ว่าในอดีตท่านเคยมีกองทัพบก เคยมีเรื่องราวของซ้อมและซ่อม ทั้งพลทหารคชา ทั้งนักเรีนเตรียมทหาร น้องเบย ตายไปแล้วคำตอบตอบเขาไม่ได้เพราะทุกคนออกมาปกป้องตัวเอง วันนี้ทุกคนต้องยอมรับว่าระบบมีปัญหา ต้องแก้ที่ระบบ อย่าไปยืนกรานว่านี่คือศักดิ์ศรีทหาร ท่านพูดถูกว่าทหารบก กองทัพ เป็นองค์กรศักดิ์สิทธิ์ ผมเห็นด้วย แต่องค์กรศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีคนดีอยู่ข้างใน และคนดีต้องยินดีแก้ไข "คนดีต้องยินดีแก้ไข" ไม่ใช่ว่าคุณศักดิ์สิทธิ์แล้วคนอยู่ข้างในแล้วไปแตะต้องอะไรคุณไม่ได้ ตรงนี้ต่างหากท่านผู้บัญชาการทหารบก คือกระบวนทัศน์วัฒนธรรมที่ท่านจะเปลี่ยนแปลงความคิดตรงนี้อย่างไร ท่านจะเปลี่ยนอย่าง ท่านพูดชัดเจน ท่านบอกว่า บ้าน ใครก็ตามมีบ้านอยู่ พอเกษียณอายุแล้ว ต้องออกจากบ้านทหารไป ท่านแน่ใจหรือว่าท่านพูดแล้วท่านจะทำได้ มีทั้งบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และบรรดาผู้ช่วยทหารบกทั้งหลาย อดีตผู้บัญชาการทหารบกเก่าๆ อยู่กันหมด เพราะว่ามีคนดูแลเสร็จ น้ำ-ไฟไม่ต้องเสีย เอาไว้เป็นที่ประชุม เอามานอนเล่น แล้วมีบ้านส่วนตัวอีกอยู่ข้างนอกอีกหลังหนึ่ง และทุกคนก็ไม่ยอมคืนบ้าน ท่านผู้บัญชาการทหารบกอาจจะเป็นคนที่คืนบ้านของท่าน แต่คนอื่นเขาไม่คืนกัน ท่านจะทำอย่างไร หรือจะต้องให้ผู้บัญชาการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกที่มีบ้านอยู่ในค่ายทหารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวราบ 11 แถวนั้นจะต้องให้เขาตายก่อนถึงจะคืนบ้านไป มันก็จะมีคนใหม่เข้ามา เนื่องจากวัฒนธรรมตรงนี้ไม่ได้มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น แก้ไม่ได้ แต่ถ้าท่านแก้ได้ ผมจะโมทนาสาธุ ผมคิดว่าสังคมไทยกำลังต้องการการแก้ไขลักษณะจริงๆ ก็คือไม่เห็นแก่หน้าใคร และผมก็อยากฝากผ่านรายการนี้ไปถึงท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีบ้านอยู่ในค่ายทหาร ท่านถอยออกมาเถอะ ไม่เสียหายหรอก ยังไม่ช้า และจริงๆ ท่านก็ไม่ได้ใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่พัก ไม่ได้ใช้ เพียงแต่ใช้เป็นที่ประชุมบ้าง ที่โน่นที่นี่บ้าง ก็เหมือนกับบ้านของท่านเองนั่นล่ะ
ผมคิดว่าผู้ใหญ่ที่เป็นอดีตนายทหารใหญ่ ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สามารถจะทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ ท่านพูดบอกว่าเรื่องต่างๆ พวกนี้ท่านรู้หมด ผมเชื่อว่าท่านรู้ ผมอยากให้กำลังใจท่าน ท่านทำไปเถอะครับ ท่านควรที่จะเดินไปบอกท่านนายกรัฐมนตรี ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ท่านครับ ผมจำเป็นครับ ที่บ้านที่มีชื่อท่านอยู่ท่านประกาศออกมาเลย ท่านถอยออกมา ไปบอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าบ้านหลังนี้ที่ท่านใช้อยู่ ที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล บิ๊กโจ๊ก ชอบเข้านอกออกในตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งนักหนังสือพิมพ์ใหญ่บางคนก็เข้าไปประจำอยู่ที่นั่น นั่งคุยกัน กินข้าวกัน แล้วท่านก็นอนบ้านหลังนั้น ไปพูดกับผู้ใหญ่พวกนี้ บอก ท่านครับ เห็นแก่ผมเถอะครับ เห็นแก่ประชาชนที่ตายไป 29 คน 29 คนที่เสียชีวิต อย่าไปใช้วาทกรรมว่าสงสาร จะหาทางเยียวยาให้ดีที่สุด วิธีการที่จะเยียวยาพวกเขาดีที่สุดก็คือว่า เอาการตายของพวกเขามาเป็นเงื่อนไขในการถอดสลักในกองทัพที่มันมีปัญหาอยู่เยอะแยะไปหมด นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้
ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา ท่านผู้ชมต้องไม่โกรธ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ไม่เป็นไร ท่านเหลือเวลาอีกกันยายนนี้ ท่านก็จะเกษียณแล้ว ตัวท่านเองพยายามทำงานอย่างดีที่สุด ถึงแม้บางครั้งท่านจะมุทะลุไปบ้าง กล่าววาจาในเวลาอันไม่สมควรและในวาจาที่ไม่สมควร แต่ไม่เป็นไร ผมถือว่าทุกคนมีอารมณ์ แต่วันนี้เพื่อให้การปฏิรูป การแก้ไขปัญหาของกองทัพบกไปได้ดี พวกเราอย่าไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย หรือพูดจาดุดัน มุทะลุ เอาออกมาให้กำลังใจเขา เพี้ยง! ขอให้ทำให้ได้เถอะ แล้วสิ่งต่างๆ ที่ผมพูดไปนั้นมันเป็นสัจธรรม ไปเช็กได้ ค่ายทหารทุกค่ายทหารจะมีลักษณะนี้ การอมเงินของเวรรักษาการณ์มันไม่ใช่มีเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีหลายๆ ที่
ท่านผู้ชมครับ น่าเห็นใจระดับนายพัน ระดับนายพันไม่มีรายได้อะไร แต่พอขึ้นเป็นนายพลแล้ว เป็นผู้บัญชาการกองพล ขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการภาค ขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ. ช่องทางที่จะได้รายได้ (ถูกกฎหมาย) มีอยู่เยอะแยะไปหมด เหมือนกับงบลับที่ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ท่านได้ต่อปี จำนวนมากมายมหาศาล ผมเข้าใจว่าเงินก้อนนี้ถูกจัดสรรแบ่งไปให้ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รอง ผบ.ทบ. ผู้บัญชาการภาค แต่พวกผู้พันมันไม่ได้ ผู้พันต้องกินต้องใช้ แล้วบางทีลูกต้องเรียนหนังสือ ต้องไปเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท หรือต้องไปเรียนเมืองนอก อยากจะไปเรียนเมืองนอกก็หาเงินหาทอง เมื่อผู้พัน ผู้บังคับกองพันย้ายไปอยู่ที่ไหน เป็นผู้บังคับหน่วยที่นั่นก็ต้องมีลูก มีเมีย มีพ่อแม่ มีพ่อตา มีแม่ยาย สมมุติว่าท่านเป็นเจ้าของหน่วยๆ หนึ่ง พื้นที่ทั้งหมดท่านมีอำนาจเด็ดขาด แล้วบังเอิญว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ทำมาหากินได้ ถ้าท่านจะเปิดให้คนซึ่งเป็นเมียของนายทหารชั้นผู้น้อย เปิดร้านอาหาร ขายผลไม้ ขายขนม ขายโน่นขายนี่ ก็เป็นเมตตาธรรมที่ท่านให้ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามแม่ยายของท่าน หรือพ่อตาของท่าน หรือภรรยาของท่าน มาบอกพ่อค้าแม่ค้าซึ่งเป็นเมียชั้นประทวนว่า ฉันให้สิทธิแกนะ แต่แกส่งฉันเดือนละเท่านี้ๆๆ นั่นก็คือความบัดซบครับ ไม่ใช่เมตตาธรรมแล้ว และอันนี้ไม่ใช่ไม่มี มีตลอด
ท่านผู้บัญชาการทหารบกครับ พวกเรา กองทัพต้องเร่งสร้างจิตสำนึก อย่าให้คน 29 คน ต้องตายฟรี อย่าให้เขาตายฟรี ถือโอกาสเอาตรงนี้เป็นตัวที่ปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องสื่อมวลชนบ้าง ท่านผู้ชมครับ นี่คือตอนที่ 2 เหตุการณ์ที่ผ่านมานี้มันแสดงให้เห็นถึงบทบาทของสื่อมวลชนในยุคดิจิทัล ในยุคโซเชียลมีเดียกำลังเป็นใหญ่ และอันหนึ่งที่ผมมีความจำเป็นที่จะต้องพูด ต้องพูดถึงบรรดาโซเชียลมีเดียทั้งหลายที่ออกความเห็นกันต่างๆ นานาเต็มไปหมด อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง ทุกคนเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ ทุกคนเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เพราะว่าโซเชียลมีเดีย เครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นไอแพด เมื่อเข้าเฟซบุ๊กแล้ว เข้าอันโน้นเข้าอันนี้แล้ว ก็สามารถที่จะออกมาเป็นตัวอักษรได้ เป็นหนังสือพิมพ์ ออกมาเป็นเสียงก็ได้ Voice - วิทยุ ออกมาเป็นภาพ Streaming ก็เป็นทีวีได้ ด้วยเหตุนี้ถึงมีการมโนกันเยอะเหลือเกิน แล้วเรื่องพวกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สื่อมวลชนเละเทะ
ท่านผู้ชมเชื่อหรือไม่ ต้องขอประทานโทษ อย่าโกรธผม เขาว่าสังคมเป็นอย่างไร สื่อมวลชนก็เป็นอย่างนั้น เพราะสังคมต้องการอะไรที่มันทันทีๆๆ สื่อมวลชนก็เลยต้องการชิงเรทติ้งๆๆ ถ้าไม่มีการชิงเรทติ้งแบบนี้ มันจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นไหม ไม่มี แต่เนื่องจากเรทติ้งหมายถึงเงินทอง ผู้จัดรายการบางคน ในช่องบางช่อง ถึงกับมีข้อตกลงกับเจ้าของบริษัทว่าถ้าเรทติ้งได้ดีเท่านี้ มีโฆษณาได้ดีเท่านี้ ตัวเองจะได้ส่วนแบ่งจากโฆษณาไป ถ้าอย่างนั้นแล้ว พวกคุณกำลังเอาเงินเป็นตัวตั้ง เอาชีวิตคน เอาความขมขื่นของคน เป็นเรื่องรอง ผมไม่ประหลาดใจเลยว่าพ่อ แม่ และลูกที่ตาย ที่อยู่ใต้ดิน ตายเพราะว่าไอ้จ่าคลั่งมันเปิดโซเชียลมีเดีย แล้วก็มีสื่อมวลชนที่รายงานว่า มันมีสไนเปอร์อยู่นะ มันก็เลยหนีลงมาที่ใต้ดิน พอมาที่ใต้ดิน ความที่มันเป็นวิปริต วิกลจริต มันเห็นพ่อแม่ลูก มันก็เลยยิงเขาตาย อนาถา อนาถใจไหม ที่พ่อกับแม่นอนกอดลูกแล้วตาย เพียงเพราะว่าไอ้สื่อมวลชนส้นตีน ผมยืนยัน ไอ้สื่อมวลชนส้นตีน มันทำอะไรโดยที่มันไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ผมเห็นด้วยกับข้อความที่คุณต๊ะ นรากร โพสต์ลงมา สมัยก่อนนี้ช่างภาพออกไปถ่ายรูป เป็นเทป ต้องขนเทปกลับมาที่สถานี แล้วเปิด ประชุมโต๊ะข่าวกัน บก.นั่ง หัวหน้าข่าวนั่ง นักข่าวนั่ง แล้วก็บอก เฮ้ย ภาพนี้ ข่าวนี้ ควรจะลงหรือไม่ลง แต่สมัยนี้ไม่ใช่ เพราะเนื่องจากมันเป็นยุคดิจิทัล แล้วเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เป็นนักข่าวกันได้ ก็ขนาดพวกที่แอบอยู่ในหลืบแล้วทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในโซเชียลมีเดีย พวกนี้ก็ทำตัวเป็นสื่อมวลชนอีกประเภทหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปราบปราม ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญอันโน้นอันนี้ ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้ก็ต้องตำหนิตำรวจอีกเหมือนกัน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าต้องตำหนิตำรวจอย่างไร แต่ผมกำลังจะพูดถึงสื่อมวลชน กลับมาอีกที แล้วปรากฏว่าเจ้าของบริษัท สถานีโทรทัศน์ มันมีความสุขมาก เฮ้ย ช่องเราได้เรทติ้งอันดับ 1 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวลา 18.00-24.00 น. เฮ้ย เรทติ้งของเราขึ้นอันดับ 1 โฆษณาต้องเข้ามาเยอะเลยคราวนี้ ทุกคน มึงรีบไปขายโฆษณา มันพูดอยู่บนศพและเลือดของประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และตัวมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนพวกนี้ต้องตาย
ผมอยากจะถามว่า ไอ้เจ้าของบริษัทพวกนี้มันมีความสุขหรือ หรือไอ้คนที่ได้ส่วนแบ่งจากค่าโฆษณาเพราะเรทติ้งขึ้น แล้วตัวพวกคุณทำให้คนเขาต้องตายแบบนี้ คุณมีความสุขไหม เงินที่คุณใช้ คุณมีความสุขไหม อย่าให้มันยืนอยู่บนสังคมได้ อย่าไปหลงว่ามันเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ อย่าไปสนใจมัน ผมเชื่อว่าที่คนตายเยอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าสื่อมวลชนที่ใช้ไม่ได้หลายคน ไม่ได้คำนึงถึงเหตุการณ์ ดีเลย์สักหน่อยก็ได้ ไม่ ต้องชิงๆ บางคน บางช่อง ไปสัมภาษณ์พ่อกับแม่เขาเรื่องลูกสาวตาย พ่อกับแม่ยังไม่รู้เลย พ่อ-แม่ต้องตะโกนมาไม่จริงๆ แล้วรีบวางหู บางคนไปเคาะบ้านเขา คือเรื่องเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว หลังจากจบแล้ว คุณไปสัมภาษณ์คนใกล้ชิด คุณไปสัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้อง คุณไปสัมภาษณ์คนโน้นคนนี้ ไม่เป็นไร แต่ในขณะที่มันหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ คุณก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตาย ผมถามว่าพ่อ แม่ ลูก ที่ตายอยู่ใต้ดินนั้น สื่อที่รายงานแล้วทำให้ไอ้บ้าคลั่งนั่นลงไปแล้วยิง มันควรจะถูกข้อหาสมรู้ร่วมคิดในฆาตกรรมนี้ด้วยหรือเปล่า คุณควร เพราะคุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนพวกนี้ตาย ผมจะไม่เอ่ยชื่อก็แล้วกัน จนวันนี้ยังไม่มีสำนึก ท่านผู้ชม มีแค่ช่องเดียว คือช่อง ONE 31 ที่ออกมาขอโทษ นอกนั้นแล้วปิดปากสนิท ไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น หัวใจของพวกคุณทำด้วยอะไรวะ
ผมนี่เป็นนักข่าว สื่อมวลชนตัวเบ้เลย ผม 73 ปีแล้ว ผมทำข่าวสื่อมวลชนมา ทำทุกอย่างมา ตั้งแต่คุณยังแก้ผ้าเล่นน้ำฝน ผมรู้จักบันยะบันยัง อะไรบ้างที่ควรจะทำ อะไรบ้างที่ไม่ควรจะทำ อะไรที่เป็นหลักการผมทำเต็มที่ ผมไม่เคยกลัว และผมไม่เคยถอย ผมสู้เต็มที่ ถึงผมจะโดนยิง 200 นัด ผมก็สู้ ถึงผมจะโดนขู่ฆ่า ผมก็สู้ เดี๋ยวนี้เด็กที่ลงสนาม ประสบการณ์ไม่ค่อยมี ผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างในก็รออยู่แค่เรทติ้ง เพราะว่าเจ้าของมันกดดันมาตลอด เรทติ้งต้องดีๆ ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าเฟซบุ๊กเพจที่มันทำเรทติ้งน่ะ มันมีความสุขดีไหม ที่มันเชียร์ให้คนทำเรทติ้งแล้วคนเขาตาย ตายโหงตายห่ากัน เพราะความบ้าเรทติ้งของพวกมึง ให้รู้สำนึกบ้าง แล้วใครก็ตามที่รู้ว่าตัวเองผิดพลาด ยังไม่มีจิตสำนึกเลย มีแค่ช่อง ONE 31 เท่านั้นที่กล้าพอที่จะมาขอโทษ กล้าพอที่จะมาขอโทษ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมอยากจะเสนอ และผมอยากจะเสนอท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และผมอยากจะเสนอสื่อมวลชนทุกคน จากนี้ไปเราต้องเอาบทเรียนของโคราชมาแก้ไขตำรวจ มาปรับปรุงกองทัพ และมาปรับจริยธรรมและวิธีทำงานของสื่อมวลชน อะไรก็ตามถ้าเป็นวิกฤต ถ้ามันเกิดขึ้น ผมจะเรียนให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าไม่ต้องเกรงใจ ท่านต้องบล็อกที่ตรงนั้นออกมาเลย บล็อกออกมาอย่างน้อยที่สุดต้องมีระยะทางไม่ต่ำกว่า 30 เมตร แล้วเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้น ไม่ให้ใครเข้าเลยแม้แต่คนเดียว แล้วท่านต้องมีรถกองบัญชาการส่วนกลางตั้งอยู่ข้างนอกตรงนั้น เพื่อให้สื่อมวลชนเข้ามาถามว่าเหตุการณ์ไปถึงไหนแล้ว ข่าวทุกข่าวที่ตำรวจส่งออกมาต้องส่งมาที่ศูนย์ตรงนี้
สื่อมวลชนไม่ควรทะลึ่งเข้าไป ไม่ควรทะลึ่งเข้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วตำรวจก็ต้องหยุดเรื่องนี้ได้แล้ว อย่าใช้เรื่องนี้มาอยู่เรื่อย เพราะว่าตำรวจมีข้อบกพร่องตรงนี้มาก ชอบสนิทสนมกับสื่อมวลชนบางกลุ่ม บางคน แล้วกระซิบ เฮ้ย มันอยู่ตรงนั้นนะ เฮ้ย มันอยู่ตรงนี้นะ เฮ้ย มันออกมาแล้วนะ เฮ้ย เดี๋ยวจะเข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวจะไปยิงมันแล้วนะ โน่นนี่นั่น สื่อมวลชนก็ต้องการเรทติ้งแล้วสิ พี่ๆๆ สารวัตรคนนี้เขาบอกผม เดี๋ยวอีกไม่เกิน 30 นาที ยิงแล้ว พิธีกรก็นั่งอยู่นั่น ท่านผู้ชมครับ เราได้รับฟังข่าวด่วนมาเรียบร้อยแล้วนะครับ อีกไม่เกิน 30 นาที ก็จะเข้าทางประตูนี้แล้วก็ถล่มมัน พอดี๊...พอดี ไอ้โจรบ้ามันก็เล่นโซเชียลมีเดีย มันก็เปิดช่องนั้นดู อ่อ มึงมา ดีแล้ว เดี๋ยวกูเตรียมโซ้ยกับมึงก็แล้วกัน กูเอา M60 ถล่มมึงไป ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ตำรวจที่เฮ้าเลี่ยนพวกนี้ เห็นหรือยัง พวกคุณต้องหยุดนิสัยแบบนี้ได้แล้ว ต้องหยุดเลย เคารพบ้าง ชีวิตคนจะเป็นจะตาย ถ้าเขาไปจับตัวประกันเอาไว้ คุณจะทำอย่างไรกับมัน คุณต้องรักษาชีวิตตัวประกันก่อน ตำรวจมีหน้าที่อย่างเดียว คือรายงานข่าวออกมาที่ศูนย์บัญชาการที่อยู่นอกพื้นที่ สื่อมวลชนเอาเก้าอี้มานั่ง หรือยืนล้อมอยู่ แล้วคุยกันโน่นนี่ ถาม พี่มีอะไรบ้างไหม รายงานมา แล้วก็ให้สำนักงานใหญ่ค้นข้อมูลเพิ่มเติม จากกูเกิลก็ได้ จากโน่นจากนี่ก็ได้ แล้วก็เสริม แต่ไม่ใช่มาช่วงชิงกันเพื่อชิงเรทติ้งบนชีวิตของคน
ท่านผู้ชมครับ ผมนี่เป็นสื่อมวลชนอาวุโส ในประเทศไทย ผมมั่นใจ ถ้าผมคงอยู่อันดับ 2 และผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าขึ้นอันดับ 1 แน่นอน ถ้าผมอยู่อันดับ 2 ผม 73 ปีแล้ว ผมผ่านมาหมดทุกอย่างแล้ว ผมอยากจะสั่งสอนลูกหลานที่เป็นสื่อมวลชน ให้มีสติ ให้รู้จักคิดในเรื่องพวกนี้บ้าง นี่ก็จบไป
ตอนที่ 3 ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย ท่านผู้ชมครับ ผมรู้จัก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือที่ผมเรียกว่า ไอ้แป๊ะ จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นนักเรียนวชิราวุธ รุ่น 51 จักรทิพย์ ชัยจินดา นี่ผมไม่ได้สนิทกับเขาอย่างน้อยๆ แต่ผมสนิทกับเขาอย่างมาก เพราะว่าผมสนิทกับพ่อของเขา พี่ณีต ปราณีต ชัยจินดา คนเมืองชล พี่ณีตเป็นเพื่อนสนิทของพี่นันต์ คุณอนันต์ อนันตกูล อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ก็คือ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ ผมสนิทกับพ่อของเขา ผมก็รู้จักแป๊ะตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ตั้งแต่ยังเป็นแค่ร้อยตำรวจโท ผมปีนี้ 73 ผมอายุมากกว่าเขา 13 ปี เขาจะเรียกผมว่าพี่ใหญ่ๆ ตลอดเวลา เขาไม่เคยเปลี่ยน นิสัยเขาไม่เปลี่ยน ผมติดคุกอยู่ 3 ปี ผมออกมา เขาก็เรียกผม พี่ใหญ่ ให้ความเคารพผมเหมือนเดิม
ภรรยาของเขา คือ ดร.จุ๋ม ภรรยาของเขาเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม คุณแม่เขาเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม เอาล่ะ เมียก็มีตังค์ พี่ณีตก็เป็นคนรวยคนหนึ่งอย่างมาก พูดง่ายๆ ว่า ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ชาติวุฒิ เขาใช้ได้เลย จักรทิพย์ไม่ใช่คนหยิบหย่ง จักรทิพย์เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ไม่ค่อยพูดอะไรทั้งสิ้น แต่เขาพูดอะไรออกมาแต่ละคำ หนักแน่นหมด ไม่ใช่เบา
ท่านผู้ชมครับ ผมมาเช็กดูแล้ว ตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาเป็นหัวหน้าทีมที่จะนำตำรวจไปทำคดีใหญ่ๆ ตั้งไม่รู้กี่คดี ตั้งไม่รู้กี่คดีจริงๆ นะ เอาที่ผมจำได้ก็แล้วกัน โคราช ทุกคนเห็นแล้ว ชิงทองที่ลพบุรี ผอ.กอล์ฟ เขาก็เป็นคนนำไป ตอนที่ 21 โจรเผากรุงในวันที่ 1-2 สิงหาคม 2562 เขาก็เป็นคนนำทีมไปปราบพวกนี้ เขาไปช่วย 13 หมูป่าติดถ้ำหลวง จ.เชียงราย ท่านผู้ชมคงจำได้ เขาขึ้นไปบนเขา แล้วเขาจะหาช่องทางที่จะลงจากบนเขาลงไปที่ถ้ำให้ได้ จ.กระบี่ ฆ่าโหด 8 ศพ เขาก็ลงไปเป็นหัวหน้าทีมทำ ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ วันที่ 16 มิถุนายน 2560 เขาก็เป็นหัวหน้าทีมไปทำ แล้วก็จับคนร้ายได้หมด แป๊ะเป็นคนไม่ค่อยพูด แล้วลูกชายของเขา ที่ชื่อฮัท ผมเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆ นิดเดียว ผมยังจำได้เลย ไอ้แป๊ะพาลูกชายไปตัดผมที่ร้านตัดผม ร้านตัดผมตัดปั๊บ กรรไกรไปโดนหู มันทำเป็นตวาด จะเอากูให้ตายเลยเหรอ ผมรู้จักบ้านเขาดี ผมก็เลยสงสัย มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากที่มีการวิสามัญฯ รถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ในวันที่ 6 มกราคม ที่ท่าน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ท่านเหาะมาทางอากาศจากไหนไม่รู้ แล้วท่านก็ปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ
แล้วท่านก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ต้องเป็นเรื่องไบโอเมทริกซ์ แล้วทุกคนก็รู้ว่าเรื่องไบโอเมทริกซ์เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เหตุผลก็เพราะว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และคณะทำงานของ ตม.เห็นว่าควรที่จะใช้ไบโอเมทริกซ์ แต่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับเห็นว่าไม่ควรใช้ ควรที่จะใช้ระบบ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่ในที่สุดแล้วระบบไบโอเมทริกซ์ก็ได้ผ่านการทดสอบทุกอย่าง
วันที่ 6 มกราคม แค่ผ่านไปวันเดียว วันที่ 7 วันที่ 8 หนังสือพิมพ์คมชัดลึกออกมาถล่มจักรทิพย์ ชัยจินดา เสียผู้เสียคน "ด้านได้อายอด กฎ ก.ตร.บ้อท่า" "บิ๊กแป๊ะแต่งตั้งลูก ย่ำยีระบบอาวุโส" "3โครงการฉาว สตช.ยังไร้คำตอบ" "สตช.ฉาวไม่เลิก พิรุธจัดซื้อวงจรปิด" "200ตร.ขู่ฟ้องบิ๊กแป๊ะ" "โจ๊กขอลาบวชแทนคุณพ่อแม่ ยันไม่เกี่ยวศึกสีกากี" "พิษคลิปเสียง เด้งวิระชัย"
ท่านผู้ชมครับ หนังสือพิมพ์คมชัดลึกจ่าหน้าวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิจักรทิพย์ ชัยจินดา ท่านผู้ชมทายสิตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่วันที่ 8 เดือนมกราคม รถบิ๊กโจ๊กโดนยิงวันที่ 6 วันที่ 8 หนังสือพิมพ์คมชัดลึกพาดหัวใหญ่เลย ท่านผู้ชมเชื่อไหมเขาพาดหัวฉะบิ๊กแป๊ะ จักรทิพย์ ชัยจินดา 22 วันติดกัน 22 วันติดกัน ไม่หยุดเลย ไม่หยุดเลยจริงๆ ในขณะซึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ธรรมดาแล้วถ้าข่าวมันมีเหตุมันมีผล และมันจะมีกลิ่นข่าวออกมา มีกลิ่นข่าวออกมาปั๊บ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนทุกฉบับ หรือทีวี จะต้องตามเรื่องนี้ทันทีเลย เหมือนอย่างที่โคราช มีกลิ่นข่าว เหมือนอย่างเรื่องนั้นเรื่องนี้ มีกลิ่นข่าว แต่เรื่องนี้ทุกฉบับ แม้กระทั่งสื่อมวลชนทางทีวี ไม่มีใครสนใจ เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น
ผมทนไม่ได้ ผมต้องโทรศัพท์ไปหาท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เฮ้ย แป๊ะ เขาด่าเอ็งอย่างนี้ๆ มันเกิดอะไรขึ้น เสร็จเรียบร้อย จักรทิพย์ก็บอกว่า พี่ใหญ่ เดี๋ยวผมส่งเอกสารให้ดู ผมเล่าให้ฟัง ผมไม่กลัวหรอก ผมทำถูกต้องหมดทุกอย่าง แล้วทำไมเอ็งไม่ตอบโต้ อ้าวพี่ มันด่าผมโดยที่ไม่ถามผมสักคำว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร ต้องรอให้ผมไปชี้แจงมันเหรอ ผมไม่ชี้แจงหรอก หน้าที่สื่อมวลชน เมื่อมีข้อมูลอะไรเข้ามาก็ต้องไปถามเจ้าตัวว่าเรื่องนี้เขากล่าวหาท่านว่าอย่างนี้ๆๆ ท่านว่าอย่างไร เอ้า ผมมีหลักฐานอย่างนี้ๆ ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่พูด มีปัญญาด่าผมได้ ด่าผมไป แล้วในที่สุดเรื่องมันก็เริ่มแตกหัก ตรงที่ไปด่า ไปเล่นงานลูกชายแป๊ะ ชานันท์ หรือชื่อไอ้ฮัท
ผบ.ตร.มีลูกชาย 2 คน คนหนึ่งชื่อฮัท คนหนึ่งชื่อแฮน ผมไม่รู้จักแฮน แต่ผมรู้จักฮัท ฮัทมาเป็นตำรวจ โดยกล่าวหาว่าบิ๊กแป๊ะแต่งตั้งลูก "ด้านได้อายอด กฎ ก.ตร.บ้อท่า" "บิ๊กแป๊ะหลบฉากหนีข่าวตั้งลูก" ท่านผู้ชมครับ ความจริงเรื่องนี้ผมไม่อยากพูดนะ แต่ว่ามันทำให้เด็กซึ่งทำงานคนหนึ่งมันช้ำใจ คือ ร.ต.อ.ชานันท์ มันช้ำใจ ลูกชายของ ผบ.ตร. อยู่หน่วยนเรศวร 261 ท่านผู้ชมต้องเข้าใจว่าหน่วยนเรศวร คือหน่วยอะไร คือหน่วยปราบปรามผู้ก่อการร้ายของกองตำรวจตระเวนชายแดน แล้วพอเขาเข้ามาเป็นตำรวจแล้ว สิ่งแรกที่เขาไปอยู่ก็คือ ตชด.
มีที่ไหนล่ะ ลูกผู้หลักผู้ใหญ่ ยิ่งใหญ่ ยิ่งเป็นลูก ผบ.ตร.แล้ว พอเข้าเป็นตำรวจก็ต้องอยู่เป็นนายเวรนาย อยู่สำนักงานนาย อยู่สำนักงานพ่อ หลังจากนั้นแล้วพอตำแหน่งสูงขึ้นก็ไปกินตำแหน่ง ถ้าเป็นสารวัตรก็ไปเป็นสารวัตรแถวบางรัก ไปเป็นสารวัตรแถวทองหล่อ สารวัตรแถวทางหลวง แต่ไม่ จักรทิพย์ส่งลูกชายไปอยู่ ตชด. ไปฝึก อยู่หน่วยนเรศวร 261 แล้วหน่วยนี้เป็นหน่วยอะไรท่านผู้ชม หน่วยนี้เป็นหน่วยเฉพาะ ไม่มีคนข้างนอกเข้ามาได้เลย ทุกอย่างต้องขึ้นในหน่วย ไต่เต้าจากในหน่วยไป แล้วเจ้าฮัท ลูกชายของแป๊ะ ลูกชายของจักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้มีประสบการณ์ ได้รับการฝึกอบรมจาก FBI ได้รับการฝึกอบรมจากฝรั่งเศส ได้รับการฝึกอบรมในเรื่องการถอดระเบิด คือพูดง่ายๆ ว่าเชี่ยวชาญ ชำนาญ และจบเมืองนอก จบปริญญาตรีที่วิทยาลัยสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบอร์นมัธ ที่อังกฤษ เขาเป็นหน้าเป็นตาของหน่วย 261 เขาเป็นรองสารวัตรได้ 4 ปี เผอิญตำแหน่งสารวัตรว่าง เมื่อว่างแล้วคนจากนอกหน่วยจะเข้ามาเสียบแทนเหมือนกับตำแหน่งผู้กำกับแถวๆ โคราชว่างแล้วย้ายคนนั้นมานั่ง ไม่ได้ เพราะว่าเนื่องจากหน่วยนเรศวร 261 เป็นหน่วยพิเศษ เขาก็เลยเสนอให้ ร.ต.อ.ชานันท์ ขึ้นเป็นสารวัตร แต่เผอิญผิดกฎ ก.ตร. เพราะว่าต้องเป็นรองสารวัตรมา 7 ปี ถึงจะได้ขึ้นสารวัตร แต่นี่เป็นแค่ 4 ปี วิธีการ เขาก็ใช้วิธีการที่เสนอเข้าไปใน ก.ตร. คณะกรรมการตำรวจ ให้พิจารณาว่าเฉพาะรายนี้ทำข้อยกเว้นได้ไหมว่าเป็นแค่ 4 ปี ขอขึ้นสารวัตร ก.ตร.ก็ประชุมแล้วก็มีมติว่าขึ้นได้ เพราะความสามารถพิเศษมีเยอะ และเป็นหน่วยพิเศษที่ไม่สามารถจะหาคนนอกหน่วยเข้ามาได้
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่พอ เพราะตามเงื่อนไขต้องเข้า ครม. ก็ยังเอาเข้า ครม.รับทราบ ครม.รับทราบแล้วก็สรุปว่า ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ได้เลื่อนเป็นสารวัตรอย่างถูกต้อง ถูกกฎ ถูกระเบียบ ไม่ได้แก้กฎ ก.ตร. แต่หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า "ด้านได้อายอด กฎ ก.ตร.บ้อท่า" ผมจะบอกไอ้คนที่ทำหนังสือเล่มนี้ว่า คุณไปพิจารณาการเดินทางของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล สิ เป็นรองผู้การอยู่ 5-6 ปี ขึ้นเป็นผู้บัญชาการเลย นี่มันยิ่งกว่าเทพเหาะได้เลย นี่มันเง็กเซียนฮ่องเต้ส่งมาแท้ๆ เลย คนที่อยู่ในวงการตำรวจเขารู้ว่าจากรองผู้การ กว่าจะขึ้นผู้บัญชาการได้ต้องมี 13 ปีขั้นต่ำ แล้วเกิดอะไรขึ้น ผมมีหลักฐานหมด เกิดขึ้นตรงที่ว่า มีการแก้กฎ ก.ตร. ที่จะห้ามไม่ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ขึ้น อย่างเช่นคุณสุรเชษฐ์ หักพาล ขึ้นจากรองผู้การ ขึ้นไปเป็นผู้การ โดยเอาการรับราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นทวีคูณ คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าคุณรับราชการ 1 ปี คุณได้ 1 ขั้น ถ้าคุณอยู่ทางใต้ คุณจะได้ 2 ขั้น เพราะฉะนั้นแล้วเขาก็เลยมีสิทธินี้
ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของคุณสุรเชษฐ์นะ แต่พอคุณสุรเชษฐ์ได้ขึ้นตรงนี้ปั๊บ เขายกเลิกระบบทวีคูณเลย ก็คือจากนี้ไปคนที่ทำงานอยู่ชายแดนภาคใต้ที่หวังทวีคูณ อดรับประทานแล้ว ภาษานักเลงเขาเรียกว่า ชักบันไดหนี ไม่ให้ใครปีนตาม ให้กูนำหน้าไปคนเดียว ตรงนี้คุณไม่เคยพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยพูด แล้วขึ้นมาได้อย่างไร จากรองผู้การ 5-6 ปี ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ หนุ่มที่สุด เอาล่ะ ไม่เป็นไร
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เผอิญมันเป็นเรื่องขึ้นมา เพราะว่าผมไม่ได้ยุ่งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เผอิญหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนังสือพิมพ์เล็กๆ มีเว็บไซต์ที่คนดูเยอะมาก ก็คือเว็บไซต์ MANAGER ONLINE เขาลงข่าวที่เป็นการสนับสนุนและปกป้องจักรทิพย์ ชัยจินดา ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ทางโน้นลงมา ทางนี้ก็ลงสวนไป แล้วจู่ๆ ก็มีไลน์มาไลน์หนึ่ง ผมเอาให้ท่านผู้ชมดูก็แล้วกัน ไลน์นี้น่าสนใจมาก ไลน์นี้มาจากคุณประชาไท ชื่อเล่นชื่อเบิ้ม เป็นอดีต บก.แนวหน้า ส่งไลน์นี้มาให้กับคุณชัชชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
ไลน์นั้นท่านผู้ชมอ่านดูเอาเองก็แล้วกัน สรุปไลน์นั้นง่ายๆ ก็คือว่า ทำไมจะต้องมาทะเลาะกัน ข้อมูลของบิ๊กโจ๊กไม่แม่นยำ ของบิ๊กแป๊ะไม่แม่นยำ คุณชัชชวาลย์ก็ตอบไป คุณรู้ได้อย่างไรว่าของคุณแม่นยำ และของผมไม่แม่นยำ ผมว่าของผมแม่นยำกว่าคุณ ยังไม่ทันไรเลย มีไลน์ต่อมาท้ารบ ท้ารบว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็รบกัน คุณชัชชวาลย์ถึงจะแก่ตัวลง ก็บอกว่า ก็พร้อมจะรบ แล้วยังมีการแดกดันอีก พวกพี่ๆ มันแก่ๆ ทั้งนั้นแล้ว สื่อมวลชนของพี่มันเล็ก ของผมมันใหญ่ เครือข่ายมันเยอะ แล้วผมเป็นคนที่ต้นทุนสูง ก็สรุปง่ายๆ ผมก็เลยถามคุณชัชชวาลย์ คุณชัชชวาลย์ คุณช่วยบอกไอ้เด็กรุ่นหลังคนนี้หน่อยสิ ว่าผมแก่จริง ก็ 73 แล้วไม่แก่ได้อย่างไร และต้นทุนผมต่ำกว่ามันแน่นอน เพราะผมเพิ่งออกจากคุกมา ผมอยู่คุกมา 3 ปี ผมต้นทุนต่ำกว่ามันแน่นอน แต่ว่าถ้ามันรบแล้ว เลิกไม่ได้นะ ต้องรู้นะว่าคนแก่กัดติดนะ มันไม่ยอมแพ้ใครนะ สมัยก่อนตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ยังผ่านมาได้ เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ไม่ได้กลัวอะไรทั้งสิ้นเลยนะ แม้แต่นิดเดียว อย่ามาขอร้องให้เลิกนะ แล้วผมเป็นคนหนึ่งซึ่งแปลก ท่านผู้ชม ผมแปลกมาก เพราะว่าสุภาษิตจีนนี่ผมจำได้แม่นหมด สุภาษิตจีนบอกว่า เวลาจับโจร ให้จับหัวหน้า ผมก็เลยจะมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังถึงเรื่องหัวหน้าของเครือข่ายนี้ เขาอาจจะไม่ใช่โจร เขาชื่อคุณฉาย บุนนาค
คุณฉาย บุนนาค มีภรรยาคนหนึ่งชื่อคุณเดียร์ เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คุณเดียร์ ชื่อ วทันยา วงษ์โอภาศรี คุณฉาย เป็นคนที่ชอบเล่นหุ้นแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว มีชื่อเสียงมากในเรื่องการเล่นหุ้น เล่นหุ้นจนกระทั่ง ก.ล.ต.รู้จักดี ส่งเรื่องราวไปให้ดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีในปี 55 จำนวน 6 คดี 6 คดี ปี 55 แล้วปี 58 ก็มีอีกคดีหนึ่ง แต่คุณฉาย บุนนาค ก็เป็นคนที่มีโชค เพราะว่าได้รับความเมตตาจากดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องทุกคดี จน ก.ล.ต.รู้สึกเบื่อหน่ายว่าส่งคดีอะไรไป ดีเอสไอท่านก็สั่งไม่ฟ้อง ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทราบจริงๆ แต่ผมอยากจะค้นหาข้อมูลนี้ ผมอยากจะค้นหาข้อมูลนี้ และอาจจะมีคนไปร้องเรียนก็ได้ ว่าให้รื้อคดีนี้ใหม่ได้ไหม เพราะว่าคดีเอสไอทำอะไรไม่โปร่งใส ผมไม่ทราบ ผมไม่เกี่ยวนะ แต่ผมกำลังจะเล่าให้ฟัง
คุณฉาย สมัยก่อนมีความสนิทสนมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ คุณกำพล ท่านผู้ชม ถ้าผมเอ่ยชื่อคุณกำพล เฉยๆ ท่านผู้ชมอาจจะไม่เข้าใจและไม่รู้จัก คุณกำพล เป็นเจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท วิคตอเรีย ซีเครท ถูกตำรวจเข้าไปทลาย ข้อหาค้ามนุษย์ และคุณกำพลหนีหมายศาล และกำลังถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน คุณฉาย กับคุณกำพล สนิทกันมาก มีผู้ใหญ่คนหนึ่ง เป็นผู้ใหญ่แต่ก็เป็นรุ่นน้องผม ไอ้ผมนี่จะหาคนผู้ใหญ่กว่าผมก็หาน้อยเต็มที ส่วนใหญ่เป็นรุ่นน้องผม เขาเล่าให้ฟังว่า คุณฉาย กับคุณกำพล สนิทกัน ในช่วงที่คุณฉายตั้งตัวใหม่ๆ คุณกำพลเอาเงินของคุณกำพลมาสนับสนุนคุณฉายในการทำสื่อมวลชน แล้วคุณฉายเป็นคนที่อยากใหญ่ เพราะคุณฉายไปเชื่อหนังสือพิมพ์ปากหมาบางคนที่ใกล้ชิด ว่าคุณต้องทำหนังสือพิมพ์ คุณต้องทำให้ใหญ่นะ เมื่อคุณทำใหญ่แล้วไม่มีใครกล้ามาแตะต้องคุณ คุณฉายก็เลยมั่นใจว่าต้องทำ ก็เลยไปซื้อหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น แล้วก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งเดี๋ยวผมจะกลับมาอีกทีหนึ่ง
ท่านผู้ชม ผมจะบอกให้รู้ว่าวันนี้เผ็ด คนต้นทุนต่ำอย่างผม และอายุมากแล้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ ว่าผมนี่ไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ประสบการณ์ชีวิตผมเยอะ เมื่อคุณเป็นเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน เด็กเมื่อวานซืน แล้วมาหาเรื่องคนแก่อย่างผม ผมก็จำเป็นต้องปกป้องตัวผมเอง
คุณกำพลถูกตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน คำถามมีอยู่ว่า แล้วเงินที่คุณกำพลเคยให้คุณฉายมา จะถูกตรวจสอบด้วยหรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ เพราะฉะนั้นแล้วผมจะต้องชี้แจงให้ฟังเสียก่อน และปรากฏว่าหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา โดนโจมตีหนัก จนในที่สุดแล้วเขาก็โยงไปว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกรับงานมาจากบิ๊กโจ๊ก แล้วข้างหลังบิ๊กโจ๊ก ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ข่าวก็ลือกันไปหมดแล้วตอนนี้ จนในที่สุดมีอยู่วันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อคุณกฤษณ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท นักเรียนเซนต์คาเบรียลรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เป็นคนติดต่อมา ทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และทางคมชัดลึก ผู้ใหญ่ทางด้านนี้ บอกว่าเดี๋ยวมานั่งคุยกันก่อน ทะเลาะกันไปทำไม ก็เลยไปนั่งคุยกันที่โรงแรมหรรษา เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่นานมานี่เอง พอไปถึงโรงแรมหรรษาเรียบร้อยแล้ว วันนั้นที่ไปก็มีคุณฉาย บุนนาค คุณเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาศรี และคุณสนธิญาณ หนูแก้ว อ้อไม่ใช่ เขาเปลี่ยนนามสกุลแล้ว เป็น ชื่นฤทัยในธรรม แต่ก่อนนามสกุล หนูแก้ว แล้วก็มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แล้วก็คุณกฤษณ์
สิ่งแรกที่คุณกฤษณ์พูดเลย คุณกฤษณ์บอกว่า ผมได้รับคำไหว้วานจากป้อม ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้มาบอกทุกคนว่าผมไม่เกี่ยวกับสุรเชษฐ์ หักพาล แล้ว ผมตัดเขาทิ้งแล้ว ไม่ยุ่งซึ่งกันและกัน เอ๊ะ เอาล่ะสิ อีกฝ่ายชักไปไม่เป็นแล้วสิ เพราะอีกฝ่ายหนึ่งแบ็กบิ๊กโจ๊กเพราะเชื่อว่าประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่เบื้องหลัง แต่วันนี้ประวิตรส่งเพื่อนสนิทมาบอกว่าไม่เกี่ยวแล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็เป็นนักเลงพอ ก็ถามว่า คุณมาด่าผมทำไม แล้วทำไมผมไม่เคยตอบโต้อะไรคุณเลย คุณสนธิญาณก็บอกว่า แล้วทำไมท่าน ผบ.ไม่ชี้แจงล่ะ จักรทิพย์ก็แน่ บอกว่าทำไมผมต้องชี้แจง คุณต้องมาถามผมสิว่าที่คุณลงข่าวนี้ ที่มีข่าวนี้ ผมมีความเห็นอย่างไร คุณว่าจริงหรือไม่จริง ถ้าไม่จริงผมจะชี้แจง แต่คุณไม่มาถามผมสักคำ คุณตีผมเอาๆ ทุกวัน เป็นเวลา 21 วัน ขณะที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับไม่มาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ยุ่งเลยแม้แต่นิดเดียว แต่คุณเล่นอยู่คนเดียว แล้วคุณก็ไม่เคยมาถามผม คุณเอาข้อมูลมาจากโจ๊กใช่หรือเปล่า คุณสนธิญาณก็ตอบ บอกว่า ใช่ และบางส่วนก็หาเอง ก็แสดงว่าคมชัดลึก กับคุณโจ๊ก สนิทกันสิ ถ้าอย่างนั้น จะพูดได้ไหมว่าคมชัดลึกรับงานบิ๊กโจ๊กมา ผมไม่รู้ ผมไม่กล้าพูดเช่นนั้น แต่ผมกำลังเล่าให้ฟังเบื้องหลังทั้งหมด
และอีกอย่างหนึ่ง ผมก็สงสัยว่ามาดามเดียร์ คุณวทันยา วงษ์โอภาศรี คุณเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คุณเคยให้สัมภาษณ์ตอนที่คุณทะเลาะกับคุณช่อ คุณช่อซักคุณในเรื่องที่คุณถือหุ้นอยู่ในเนชั่น ช่อง 22 โน่นนี่นั่น คุณบอกว่าคุณไม่เกี่ยวแล้ว คุณลาออกหมดแล้ว คุณไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสื่อมวลชนแล้ว อ้าว แล้วคุณไปทำไมวันนั้น คุณโผล่ไปทำไม แสดงว่าที่ให้สัมภาษณ์และคุณสวนกับคุณช่อ ก็ไม่จริงสิ
ท่านผู้ชมครับ ก็ปรากฏว่าทางคมชัดลึกก็แจ้งว่า ก็ที่ผมต้องเล่นงานคุณจักรทิพย์ ก็เพราะว่าคุณจักรทิพย์เป็นพวกคุณเนวิน พรรคภูมิใจไทย เป็นตรรกะที่ใช้ได้เลย จักรทิพย์ก็กระโดดตัวยาวเลย บอกว่าคุณมาพูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาส่วนเขา ผมส่วนผม เพราะว่าคุณจักรทิพย์ไม่ยอมรวมคดีที่ภูมิใจไทยฟ้องเขาทั่วประเทศ ผมจะเรียนให้ทราบนะครับ คนที่พูดคำพูดนี้มา แสดงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อคุณโดนฟ้อง ผมนี่เคยโดนฟ้องทั่วประเทศไทยมาแล้ว หลายคดี สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือผมยื่นคำร้องต่อศาล บอกเนื่องจากจำเลยถูกฟ้องคดีเดียวกันที่นี่ๆๆๆๆ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้รวมคดีมาที่เดียว ศาลก็รับทราบและศาลก็จัดการให้ ไม่ใช่ตำรวจ ตำรวจไม่ยุ่ง ตำรวจไม่ยุ่งเลยแม้แต่นิดเดียว ตำรวจจะไปรวมคดีได้อย่างไร ไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะเตือนใครก็ตามที่ใช้อำนาจสื่อมวลชนมารังแกผู้คนแบบนี้ คุณรังแกคนไม่สู้ก็อีกอย่างนะ แต่ถ้าคุณรังแกคนที่สู้ คุณถามตัวคุณเองหรือเปล่าว่าคุณมีแผลไหม ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่มีแผลเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคุณทำตามหลักการ คุณทำตามสบาย คุณเบิ้ม ประชาไท เป็นคนส่งไลน์มาบอกเอง ว่าท่านประธานฉายส่งผมมาคุมคมชัดลึก
ก็แสดงว่าท่านประธานฉายต้องการจัดฉาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ใช่ไหม ท่านผู้ชม ผมต้องพูดเรื่องนี้ ผมไม่พูดไม่ได้ เพราะไอ้แป๊ะมันเป็นคนที่มีปาก แต่มันไม่พูด มันไม่พูด มันทำงานลูกเดียว มันนอนกลางดิน กินกลางทราย กับลูกน้องของมัน และมันออกไปอยู่แนวหน้า ที่โคราชก็เห็นชัด ทุกๆ แห่งเห็นชัด ผมคิดว่าอุดมการณ์และหลักการนั้นทุกคนอ้างได้ แต่การกระทำอยู่ที่ไหน ต้องให้เข้าใจกันอย่างนี้ก่อน ถ้าคุณฉายมั่นใจว่าคุณฉายไม่มีแผล คุณเชิญตามสบายเลย ถ้าลูกน้องคุณไม่พอใจผม ก็เชิญตามสบาย แต่ผมเชื่อว่าคุณอัญชะลี ไพรีรัก ไม่ยุ่งกับผมหรอก เขารู้จักนิสัยผมดี คุณสันติสุข มะโรงศรี หนุ่ม ก็ไม่ยุ่งกับผม เขารู้จักนิสัยผมดีว่าผมเป็นคนที่ในวงการ ... สมัยก่อนเขาตั้งฉายาผมอย่างนี้ เฮ้ย อย่าไปยุ่งกับมัน สนธิ มันเป็นคนที่ในห้องมืดๆ มันทำเหรียญสลึงตก มันจะหาเหรียญสลึง มันจะเอาแบงก์ห้าร้อยมาเผาเพื่อหาเหรียญสลึง คุณกนก ก็เป็นคนที่ผมรัก คุณกนกไม่ยุ่งกับผมหรอก จะมีก็ไอ้พวกนักหนังสือพิมพ์ที่คอยตบทรัพย์เขา ซ่อนตัวอยู่แล้วมายุ่งกับผม ผมกำลังเตือนคุณฉายดีๆ และผมก็อยากจะส่งสัญญาณไปเตือนคุณคีรี กาญจนพาสน์ ด้วย ว่าคุณคีรี มาลงทุนในกลุ่มสื่อมวลชนนี้ คุณคีรีมาลงทุนเพื่ออะไร คุณคีรีมาลงทุนเพื่อหวังกำไรใช่ไหม เชื่อผมสิคุณคีรี ผมนี่ชำนาญมาก ขาดทุนหมด ทุกวันนี้ เครือข่ายทุกวันนี้ เครือข่ายของคุณฉายมีหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ มีคมชัดลึก มีกรุงเทพธุรกิจ มีฐานเศรษฐกิจ คุณคีรีครับ ผมทำหนังสือพิมพ์มา ผมรู้ว่าการทำหนังสือพิมพ์คือการเผาแบงก์ทิ้ง แล้วเรทติ้งก็ยังอยู่อันดับ 10 หรือ 11 และโฆษณาก็ยังมีไม่พอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องการเพิ่มทุน คุณอย่าไปเพิ่มทุน คุณไม่เพิ่มทุนแล้วคุณออกไปดีกว่า อย่าอยู่เลย เชื่อผมสิ เพราะถ้าคุณยิ่งอยู่ต่อ คุณยิ่งมีศัตรูมากขึ้น
ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีหลายเรื่องที่มันเผ็ด และผมคิดว่าท่านผู้ชมคงคิดว่ามันเผ็ดตาม ผมไม่แตะเบรกนะครับ ผมเป็นคนที่มีต้นทุนต่ำ ไม่ได้ต้นทุนสูงเหมือนคุณประชาไท เพราะฉะนั้นแล้ว ผมอายุมากแล้ว ผมจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ก่อนตายผมต้องสั่งสอนเด็กรุ่นหลังสักนิดหนึ่งว่าทำอะไรให้บันยะบันยัง ให้ดูหน้าดูหลังเสียหน่อย อย่าไปคิดว่าตัวเองอยู่กลุ่มสื่อที่มีหลายๆ สื่อแล้วคิดว่าตัวเองใหญ่ ที่สำคัญ คุณอย่าไปรังแกคนที่เขาเงียบ และคุณคิดว่าเขาไม่สู้ คุณรู้จัก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา น้อยไป คุณคอยดูต่อไปก็แล้วกัน นี่คือคำเตือนจากรุ่นพี่ รุ่นลุง รุ่นพ่อ แล้วแต่คุณ หรือคุณจะเรียกผมว่าไอ้สนธิก็ได้ ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ทั้งคุณฉาย ทั้งลูกน้องคุณฉายบางคนเท่านั้นเองนะ อย่ามาทะลึ่งกับผม สวัสดีครับท่านผู้ชม