“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบฯ ถอดสูทคุยพบปะภาค ปชช.รับฟังปัญหาความเดือดร้อน ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก พร้อมนำเสียงสะท้อนที่ได้รับไปจัดทำเป็นมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป
วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะตัวแทนภาคประชาชน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนประชาชนและชุมชน และตัวแทนผู้ประกอบการอิสระ ในกิจกรรม “นายกฯ รับฟังปัญหาประชาชน” หรือ “มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” ครั้งที่ 1 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเปิดโอกาสให้ประชาชนหลากหลายกลุ่มอาชีพเข้าพบ โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมรับฟัง โดยศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผย ประชาชนกลุ่มอาชีพต่างๆ ดีใจและขอบคุณที่มีเวทีเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยโดยตรง ซึ่งสามารถสะท้อนปัญหากับนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะรวบรวมปัญหาเหล่านี้ไปหารือเพื่อปรับมาตรการต่างๆ ให้ตรงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนแต่ละกลุ่มต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวดีใจที่มาพูดคุยกับตัวแทนเกษตรกรหลากหลายกลุ่ม เข้าใจวันนี้ที่ทุกคนต้องเจอกับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก โรคระบาดไวรัสโคโรนา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลพร้อมเปิดอกรับฟัง และจะให้รวบรวมปัญหาและความต้องการของทุกกลุ่มอาชีพไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ
ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตกรแสดงความปลื้มใจที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้มาร่วมพูดคุย ซึ่งเฝ้ารอมานานแล้วว่าพอจะมีเวทีไหนบ้างที่เกษตกรจะสามารถสื่อสารไปถึงผู้บริหาร วันนี้ ดีใจมากที่ผู้นำระดับสูง คือ นายกรัฐมนตรี มารับฟังด้วยตนเอง ซึ่งเกษตรกรทุกชนิดประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องต้นทุน ภัยแล้งราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ โรคพืช เมลึดพันธุ์ รวมทั้งเรื่องการทำตลาดรวมทั้งขาดการวิจัยที่เพื่อสร้างจุดขายใหม่ๆ ทำให้เกษตกรต้องแบกรับภาระหนี้สิน จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยในเรื่องต่างๆ ทั้งการเจาะน้ำบาดาล เพื่อเติมน้ำให้เกษตร ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ใช้ในงานเกษตร เช่นเครื่องตัดอ้อย นอกจากนี้ ยังอยากให้รัฐบาลจะลงไปดูแลเมล็ดพันธุ์ และพันธุ์พืชต่างๆ สำหรับเกษตรกรที่อยากปรับเปลี่ยนพืชปลูก รวมทั้งการส่งเสริมโครงการ แปรรูปพืชเกษตรเพื่อเป็นพืชพลังงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าและให้พืชเกษตรเช่นอ้อย ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอรับทุกปัญหาทุกเรื่องที่พูดมา ซึ่งได้จดทุกเรื่องไว้แล้วทั้งปัญหาราคา ตลาด โลจิสติกส์ แรงงาน โดยจะเอามาตรการต่างๆ ที่มีอยู่มาคลี่ดูรายละเอียดและจะหามาตรการเสริมเพิ่มเติม ทั้ง การทำตลาด กระบวนการทำการเกษตร ซึ่งหลายเรื่องทำไปมากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่มีกว่าพันโครงการ รวมทั้งเรื่องหนี้สินเกษตรกรก็จะเอาเข้าหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและประชุมคณะรัฐมนตรี ด้วย ดีใจวันนี้ได้สื่อสารกับพี่น้องเกษตรกรจะได้ทำนโยบายให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริง เพราะอยากเห็นพี่น้องเกษตรกรไทยทุกคนร่ำรวยมีฐานะดีเหมือนเกษตรกรต่างประเทศ
จากนั้น กลุ่มประชาชนและชุมชน ประกอบด้วย อาชีพอิสระ อาชีพค้าขายตลาดนัด เข้าพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีพร้อมดีใจที่ได้เจอนายกรัฐมนตรีตัวจริง ซึ่งตนเองได้รับประโยชน์หลายอย่างจากมาตรการรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แต่ขอให้หาวิธีการที่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ปัญหาตอนนี้คือ ปัญหาการค้าซบเซาเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีและมาเจอปัญหาโรคระบาด ค่าครองชีพสูง ขอรัฐบาลพิจารณายืดอายุการไถ่ถอนของโรงรับจำนำ ช่วยเหลือการทำกิน จัดหาพื้นที่ค้าขาย การปรับปรุงที่อยู่อาศัย รวมทั้งปัญหาบ้านการเคหะด้วย ทำให้ส่วนหนึ่งมีปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ซึ่งผู้แทนอาชีพอิสระ ด้านธุรกิจภาพยนตร์ ได้ร้องเรียนเรื่องหน้ากากอนามัยหาซื้อยากและมีราคาแพงในขณะนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวแทนตนเอง “ลุงตู่” ว่า เข้าใจดีถึงสถานการณ์การค้าขายในระดับฐานราก ก็จะพยายามหาทางช่วยเหลืออย่างน้อยก็พยุงให้สามารถอยู่ได้ โดยจะลงไปดูแลทั้งจัดหาสถานที่ค้าขาย ค่าเช่า โดยเฉพาะการเข้าไปจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด จริงจัง ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะไปหาทางช่วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ทั้งนี้ จะให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปดูแลปัญหากลุ่มคนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และจะเร่งแก้ปัญหาการเคหะ ทั้งการปรับปรุงสถานที่ ความปลอดภัย สำหรับหน้ากากอนามัย นั้น รัฐบาลขอความเข้าใจว่า ไทยมีโรงงานผลิตทั้งประเทศ เพียง 11 โรงงาน ซึ่งผลิตได้วันละประมาณ 1 ล้านชิ้น ตอนนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งไปผลิตหน้ากากผ้า ซึ่งมีต้นทุนประมาณ 4 บาทกว่า ให้เป็นหน้ากากทางเลือก สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เจ็บป่วยสามารถใช้ได้ ส่วนใครพบเห็นการกระทำผิดขายเกินราคาขอให้แจ้งไป 1569 ซึ่งขณะนี้ได้จับกุมผู้กระทำแล้วหลายราย ดังนั้น คนไทยเราต้องช่วยดูแลกันเอง รักษาสิทธิตนเอง ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ กลุ่มอาชีพสุดท้ายที่พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ในวันนี้คือ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในส่งออกสินค้าเกษตร ท่องเที่ยว อาหาร บันเทิง digital startup ซึ่งตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า ขอสะท้อนข้อเท็จจริง ปัญหาธุรกิจจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ทำให้หลายธุรกิจมีปัญหา แม้ธุรกิจสวนกล้วยไม้มีปัญหา ขอให้รัฐบาลช่วยประชาสัมพันธ์การใช้กล้วยไม้ในโอกาสต่างๆ พร้อมช่วยจัดตลาดสำหรับเกษตรอินทรีย์ และใบอนุญาตสินค้าเกษตรอินทรย์ให้ชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมตลาดสมุนไพรไทย ผู้แทนกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร แจ้งถึงผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ทำให้มีการยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ เกิดความเสียหายเป็นห่วงโซ่ทั้งบริษัทต้นทาง ปลายทาง โรงแรม ทำให้ขาดสภาพคล่อง จำเป็นต้องลดพนักงาน ลดวัตถุดิบการประกอบอาหารกระทบเกษตรกร มีการประเมินว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาก็อาจจะช่วงไตรมาส 3 ต้องขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ทั้งปัญหาการว่างงานและการจ้างงาน ซึ่งต้องเพิ่มเติมทักษะแรงงานไทย นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัล ยังขอรัฐสนับสนุนการสร้างธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์มที่เป็นของคนไทยเอง เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังพบปัญหากฎระเบียบของราชการที่เป็นอุปสรรคกับโรงเรียนเอกชน รวมทั้งฝากความเห็นการเสนอข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าความเป็นจริงหรือข่าวปลอม fake news ที่อาจจะทำให้ประชาชนตื่นตะหนกมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้วย
นายกรัฐมนตรี เผยว่า พร้อมเปิดอกคุยกับทุกลุ่ม เข้าใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ได้สั่งนโยบายว่า หากมีการประชุม สัมมนาก็ขอให้จัดในประเทศ รวมทั้งพยายามหามาตรการการเงิน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งกำลังพิจารณาช่วยลดค่าครองชีพต่างๆ ซึ่งสั่งรวบรวมปัญหาประชาชนทุกกลุ่มวันนี้ ไปหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจทันที
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีถอดสูท ร่วมพูดคุยกับทุกกลุ่มอย่างเป็นกันเอง กล่าวว่า การเมืองคือการเมือง แต่รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะเปิดช่องทางสื่อสาร และสั่งการให้รัฐมนตรีเข้าไปติดตามปัญหาต่างๆ อย่างใกล้ชิด ต่อไป