“หมอเหรียญ” ถามผู้จัดการใหญ่ไทยพาณิชย์ “ป๋าเต็ด” ติ่ง “ส้มหวาน” ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือไม่ พร้อมขู่เลิกธุรกรรมการเงิน เหตุอีกฝ่ายรับสมัครเลขาฯ เย้ย ต้องไม่เห็นด้วยกับระบอบเผด็จการ และดูถูกสติปัญญาคนรุ่นใหม่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากรณีเฟซบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 63 หัวข้อ “เรียนกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์”
โดยระบุว่า “ผมขอสอบถามว่า ยุทธนา บุญล้อม “ป๋าเต็ด” เป็นพรีเซ็นเตอร์ของธนาคารไทยพาณิชย์หรือไม่ ถ้าใช่ผมจะยกเลิกธุรกรรมทางการเงินทั้งปวงที่ผมและบริษัทในเครือมีกับธนาคารไทยพาณิชย์ ผมขอทราบคำตอบภายในวันศุกร์ที่ 6 มี.ค. 63 ก่อนเวลา 15.00 น. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
กรรมการผู้จัดการ บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด (มหาชน)
ต่อมาวันนี้ (2 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา โพสต์ ข้อความระบุว่า
“ได้โปรดแชร์ให้ทราบทั่วกันว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เลิกจ้าง ยุทธนา บุญอ้อม หรือ 'ป๋าเด็ด' เป็นพรีเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 แล้ว”
ทั้งนี้ คำชี้แจงของธนาคารไทยพาณิชย์ ต่อกรณี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ดังกล่าวข้างต้น
ระบุว่า “ตามที่ปรากฏในข่าวอ้างถึงธนาคารไทยพาณิชย์ในทั้งสองฝั่งของขั้วการเมืองนั้น ธนาคารฯ ขอชี้แจงนโยบายของธนาคารว่า ธนาคารมีนโยบายยึดมั่นในการเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้บุคคลสาธารณะในการโฆษณาถ้าบุคคลนั้นแสดงถึงความฝักใฝ่ทางการเมือง ไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อให้ธนาคารดำรงสถานะความเป็นกลางทางการเมืองในทุกกรณี
สำหรับกรณีของคุณยุทธนา บุญอ้อม นั้น ทางธนาคารได้ใช้ภาพคุณยุทธนาในการโฆษณาระยะสั้นเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 และได้หมดสัญญาลงแล้ว (ข้อมูลจากข่าวสด)
แน่นอน, โพสต์ของ “หมอเหรียญทอง” ถูกติ่งส้มหวาน และบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับโพสต์ดังกล่าวเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่หนักไปทางเสียหาย จนเจ้าตัวต้องลบโพสต์ออก
สำหรับ “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม นักจัดงานแสดงดนตรีชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yuthana Boonorm” (1 มี.ค. 63) ถึงการรับสมัคร Personal Assistant โดยระบุว่า..
“รับสมัคร Personal Assistant ครับ เป็นทั้งเลขาและผู้ช่วยรอบด้านของผม ช่วยอะไรผมบ้าง ช่วยติดต่อประสานงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับผม ทำคิว ทำนัด เตรียมเอกสาร ต้องเก่งภาษาอังกฤษมากๆ ทั้งอ่านพูดเขียน เพราะต้องติดต่อชาวต่างชาติบ่อย สนุกที่จะทำรีเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ ที่ผมต้องการ ทำพรีเซ็นเตชันได้ดี มีรสนิยมดีในเรื่องเพลง ศิลปะ และทุกเรื่องที่ควรจะรสนิยมดี ไม่จำกัด อายุ เพศ ประสบการณ์
แต่ต้องไม่เห็นด้วยกับระบอบเผด็จการ และดูถูกสติปัญญาของคนรุ่นใหม่ อันนี้สำคัญมาก
Requirement ก็จะเยอะแบบนี้แหละครับ เพราะเป็นตำแหน่งที่สำคัญต่อชีวิตผมมาก
ถ้าอยากทำงานด้วยกัน และมั่นใจว่ามีคุณสมบัติตามนี้
โปรดทำพรีเซ็นเตชันแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้โปรแกรมอะไรก็ได้ที่ถนัด บอกมาให้ชัดว่า ทำไมคุณจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ด้วยวิธีนำเสนอที่ทำให้ผมเข้าใจและเชื่อ
ส่งการบ้านมาที่ yuthana@gan.co.th ภายในวันที่ 16 มีนาคม นี้ ตั้งชื่อเมลมาด้วยว่า “อยากทำงานกับป๋า””
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปช่วงคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีกู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191 ล้านบาท ชี้มีเหตุอันเชื่อได้ว่าเป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 72 ของกฎหมายพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายพรรคการเมือง
ยุทธนา บุญอ้อม หรือป๋าเต็ด ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ระบุว่า ข่าวยุบพรรคนี่เหมือนฝั่งรัฐบาลจะกลัวว่าคนจะไป “วิ่งไล่ลุง” กันน้อยเกินไปหรือเปล่า เลยโปรโมตให้นิดนึง :) และเมื่อก่อนเคยคิดว่า Follow สำนักข่าว หรือสื่อเลวๆ เอาไว้ติดตามว่าพวกนี้จะเล่นข่าวแบบไหน เราจะได้รู้ความเห็นของคนอีกฝั่ง
แต่มาคิดได้ว่า จะไปเพิ่มยอด follow ให้พวกนี้ทำไมวะ เลยกดบล็อกแม่งให้หมด ทุกท่านก็ควรทำเช่นกันครับ และเห็นหัวกันบ้างเถอะพี่ #ไม่ได้ชังชาติหรอก ชังพี่นั่นแหละ และก็ตั้งกติกาไปเลยสิว่า ประเทศนี้จะมีพรรคเดียว พรรคพวกของพี่น่ะ พรรคอื่นก็ยุบให้หมด #ไม่ชังชาติหรอกชังพวกพี่นั่นแหละ”
จนแทบไม่ต้องสงสัยว่า “ป๋าเต็ด” ก็คือ “ติ่งส้มหวาน” คนหนึ่ง
ด้าน “หมอเหรียญทอง” ที่สังคมรับรู้มาตลอดว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูง และพร้อมมอบกายถวายหัวให้ได้เลย เคยออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 63 เช่นกัน หลังถูกท้าทายจากติ่ง “ส้มหวาน” และ “ควายแดง” ที่จะต่อต้านไม่ใช้บริการธุรกิจของ “หมอเหรียญทอง” ระบุว่า
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้สมัครงาน รพ.มงกุฎวัฒนะ จะต้องแสดงข้อมูลส่วนตัว เช่น เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ และข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในสังคมออนไลน์ประกอบการสมัครงาน ผมจะไม่รับบุคลากรใหม่ที่มีอุดมการณ์เป็นปฏิปักษ์กับผม...
ผมจะไม่ให้มีพวกกาฝากแอบเกาะ รพ.มงกุฎวัฒนะ กินบนเรือน ขี้บนหลังคาอีกต่อไป...รพ.มงกุฎวัฒนะขอส่งเสริมคนรุ่นใหม่ที่รู้ดีรู้ชั่ว ...คนรุ่นใหม่สามานย์ไม่รับครับ”
จากนั้นก็โพสต์ต่อเนื่อง ระบุว่า “ประกาศพนักงานขายจากบริษัทคู่ค้าต่างๆ กับ รพ.มงกุฎวัฒนะ และบริษัท วิไลศิริ จำกัด ขอให้ส่งข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ที่หัวหน้าแผนกจัดซื้อด้วยครับ...ผมจะไม่สนับสนุนการซื้อสินค้า การว่าจ้าง ฯลฯ กับบริษัทคู่ค้าที่มีพนักงานขายหรือผู้แทนที่เป็นปฏิปักษ์กับผมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...”
หรือว่านี่เอง “หมอเหรียญทอง” ถูกย้อนเกล็ดเข้าให้แล้ว จึงตามล้างตามเช็ด “ป๋าเต็ด” ถึงธนาคารไทยพาณิชย์ นี่ดีนะ ที่หมดสัญญาไปตั้งแต่ปี 62 ไม่งั้นเดือดร้อนแน่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ การต่อสู้ทางความคิดระหว่างกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นสาวก “ส้มหวาน” ที่วันนี้กลายเป็น “ส้มเน่า” ไปแล้ว ยังคงดุเดือดเลือดพล่าน และพร้อมที่จะทะลักจุดแตกได้ทุกเมื่อ ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางสังคมที่กำลังเป็นอยู่ได้ด้วย
ประเด็นก็คือ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะไม่เป็นการเติมเชื้อไฟ ให้ปะทุจนสายเกินแก้ เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกัน มิใช่ซ้ำเติมปัญหาเข้าไปใหญ่ หรือว่าไม่จริง