เจตนาดี แต่วิธีการไม่ดี : เหตุให้อนาคตใหม่ต้องยุติ

ผู้ที่มีเจตนาดี แต่วิธีการไม่ดี ย่อมเสียเปรียบ และพ่ายแพ้ต่อผู้ที่เจตนาไม่ดี แต่วิธีการดีในสายตาของปุถุชนคนทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากว่า ไม่มีใครมองเห็นเจตนา แต่ทุกคนมองเห็นวิธีการซึ่งแสดงออกทางคำพูด และการกระทำหรือพูดเป็นภาษาธรรมะได้ว่า เจตนาเป็นมโนกรรม ส่วนวิธีการเป็นวจีกรรม และกายกรรม

ดังนั้น ผู้ที่จะก้าวไปบนเส้นทางชีวิตในโลกของปุถุชน จะประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้คนหมู่มากในสังคมได้ ก็จะต้องดีทั้งในด้านเจตนา และวิธีการ

โดยนัยแห่งข้อความข้างต้น พรรคอนาคตใหม่ภายใต้การนำของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นตัวอย่างที่อธิบายในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. พรรคอนาคตใหม่ได้ก่อตั้งขึ้นโดยคนรุ่นใหม่ไฟแรง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เฉกเช่นประเทศตะวันตกทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส

แต่คนกลุ่มนี้ลืมคิดไปว่า ประเทศไทยมีความเป็นมาแตกต่างจากประเทศตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น โดยมีพระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแกนกลางการเชื่อมโยง และเป็นศูนย์กลางแห่งการอยู่ร่วมกันของชนชาติไทยมานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นระยะยาวนานนับพันปี

ดังนั้น การที่คนไทยคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ชนเคยมีเคยเป็น และกำลังมี กำลังเป็นให้ต่างไปจากเดิม โดยที่ไม่ถูกต่อต้านจากผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศไทย คงเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน

2. การที่พรรคอนาคตใหม่กู้เงินจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคจำนวน 191 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ถึงแม้จะมองด้วยเจตนาดีว่าพรรคนี้ไม่ต้องการหารายได้ในรูปแบบของการเลี่ยงกฎหมาย เฉกเช่นที่พรรคการเมืองบางพรรคกระทำ จึงได้มีการกู้เงินอย่างเปิดเผย มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา แต่ถ้ามองจากกฎหมายพรรคการเมืองที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองรับเงินบริจาคเกิน 10 ล้านบาทจากผู้บริจาครายเดียวแล้ว ก็อนุมานในเชิงตรรกะได้ว่า การกู้เงินก็คือการเลี่ยงกฎหมายที่ห้ามรับเงินบริจาคเกิน 10 ล้านบาทจากผู้บริจาครายเดียวนั่นเอง และที่มีนัยสำคัญของการห้ามที่ว่านี้ก็เพื่อป้องกันมิให้พรรคการเมืองถูกครอบงำด้วยอำนาจเงินของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้นายทุนนำพรรคไปแสวงหาประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยอาศัยเสียง ส.ส.ในสภาฯ เป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต และนี่เองคือเหตุที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในฐานะเป็นคนไทยและมีความต้องการเห็นประเทศก้าวไปในทิศทางที่ดีในทุกด้าน รวมทั้งด้านการปกครองด้วย จึงรู้สึกเสียดายพรรคการเมืองภายใต้การนำของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความคิดกว้างไกล เฉกเช่นพรรคอนาคตใหม่ที่มีอันต้องจบลงเพียงเพราะความคิดในด้านบวก แต่ไม่รอบคอบและรอบรู้ในด้านลบ

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคิดว่าต่อแต่นี้ไป ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่คงจะได้รับบทเรียน และปรับเปลี่ยนแนวคิดให้สอดคล้องกับสิ่งที่คนไทยมีและคนไทยเป็น เพื่อจะได้กลับมาต่อสู้ทางการเมืองอีกครั้ง หลังจากครบ 10 ปี