ศาลรธน.คุมเข้มอ่านคำวินิจฉัยคดียุบอนค. แม้แกนนำ-แฟนคลับบอกไม่มา จัด 1 กองร้อยดูแล ต่างชาติส่งตัวแทนร่วมฟัง กกต.ย้ำรับเงินไม่เป็นไปตามเงื่อนไขกม. เปิด 3 แนวทางตัดสิน เละหมด ทั้งตัดสิทธิ คดีอาญา จำคุก ริบเงิน หรือไม่ยุบสู้ยาว 3 ศาล
วันนี้ (20ก.พ.) ในช่วงบ่ายซึ่งเป็นวันก่อนศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรรคหนึ่ง( 3) ประกอบ มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท ทางศาลรัฐธรรมนูญได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยกำหนดพื้นที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ใช้ประตูด้านทิศใต้ และทิศตะวันออก เป็นทางเข้าออก และไม่อนุญาตให้ใช้ประตูด้านทิศเหนือซึ่งเป็นด้านหน้าของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเข้าออก ขณะเดียวกันมีการนำแผงเหล็กมากั้นแนวเขตของศาลรัฐธรรมนูญโดยแบ่งออกเป็นโซนสื่อมวลชนที่มีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดถ่ายทอดจากห้องพิจารณาคดีลงมายังบริเวณชั้นล่าง และห้องสื่อมวลชนได้รับฟัง ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็นจุดแรกบัตรและตรวจค้นอาวุธ ซึ่งจะอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นห้องพิจารณาคดี โดยที่จุดนี้ตัวแทนผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี จะต้องแลกบัตรและตรวจอาวุธ รวมทั้งฝากสิ่งของ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ขณะที่ประชาชนที่จะมาให้กำลังใจหรือติดตามรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยคดี เจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่บริเวณโถงกลางของอาคารเอ พร้อมติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของบริษัทพัฒนาสินทรัพย์
อย่างไรก็ตามทั้งสามจุด จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจากสน.ทุ่งสองห้องและ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 คอยดูแลในเรื่องความปลอดภัย โดยจะเข้าประจำพื้นที่ภายในอาคารสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในช่วงค่ำวันนี้ และแม้ทางแกนนำพรรคอนาคตใหม่ยืนยันไม่เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัย ทำให้มีการคาดการณ์ว่าผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อาจจะไม่เดินทางมาฟังคำวินิจฉัย แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสังคมจึงได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยเบื้องต้นไว้ประมาณ 1 กองร้อย หรือ 150 คน โดยจะมีการประเมินอีกครั้งในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้( 21 ก.พ.) และจะเข้าประจำตามจุดต่าง ๆ โดยรอบอาคารเอ และเส้นทางที่จะเข้าสู่ศูนย์ราชการโดยรอบ ขณะเดียวกันตัวแทนสถานทูตต่างประเทศ ได้มีการประสานที่จะส่งตัวแทนเข้าร่วมฟังคำวินิจฉัยเช่นเดิม ทั้ง สหภาพยุโรป หรืออียู และสถานทูตสหรัฐ
ทั้งนี้ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีนี้ในเวลา 15.00 น. ช่วงเช้าทางคณะตุลาการจะมีการประชุมแถลงด้วยวาจาและลงมติ พร้อมจัดทำคำวินิจฉัย ซึ่งตลอดเวลาการประชุมพิจารณาและก่อนออกนั่งบัลลังก์ทางศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณโดยรอบสำนักงานเพื่อป้องกันไม่ให้คำวินิจฉัยรั่วไหลออกไปก่อน
ทั้งนี้มีรายงานว่าในการยื่นคำชี้แจงของกกต.ต่อศาลนั้น กกต.ได้ให้ข้อมูลว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 มาตรา 62กำหนดที่มารายได้ของพรรคการเมืองไว้ 7 ประเภท เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการทางการเมืองตามอุดมการณ์ ไม่มีประเภทรายได้อื่นที่เปิดช่องให้พรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาดำเนินกิจการได้ ประเภทของรายได้ดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่แสดงลักษณะเฉพาะของนิติบุคคลตามกฎหมายพรรคการเมืองซึ่งจะต่างจากนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นหากไม่ใช่เงินรายได้ที่กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมืองแล้วแม้จะเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็อาจเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมือง ขณะเดียวกันการที่กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการได้มาของรายได้แต่ละประเภท คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ให้ไว้แตกต่างกัน เช่นรายได้จากเงินบริจาคตามมาตรา 66 มีการกำหนดเงื่อนไขในการให้พรรคการเมืองไว้มากที่สุด รายได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองมีเงื่อนไข การให้พรรคการเมืองลดหลั่นลงมา หรือรายได้จากการจำหน่ายสินค้า บริการของพรรคที่มิได้กำหนดเงื่อนไขการให้พรรคไว้แต่อย่างใด ก็เพื่อเป็นหลักประกันถึงความโปร่งใสการได้มาซึ่งรายได้ และการป้องกันมิให้เกิดการกระทำนิติกรรมอำพรางการได้มาซึ่งรายได้ของพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองที่หารายได้โดยไม่เป็นไปตามประเภทรายได้ หรือรับเงินโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มาของรายได้ ที่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนด เงินที่ได้มาจึงไม่เป็นเงินจากแหล่งรายได้ตามที่กฎหมายกำหนดเข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 72 กฎหมายเดียวกัน
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ต่อสู้ว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเช่นบริษัทเอกชนสามารถที่กู้ยืมเงินได้ โดยมีการเมืองอีก 16 พรรคที่มีการกู้เช่นกันแต่กกต.กลับเลือกปฏิบัติไม่ดำเนินการเอาผิด รวมทั้งเงินกู้ไม่ใช่เงินรายได้ ไม่ใช่บริจาค รวมถึงไม่ใช่ผลประโยชน์อื่นใดหรือเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาไม่ชอบที่จะผิดมาตรา 72 อีกทั้งขั้นตอนการพิจารณาของกกต.เร่งรัด ไม่ถูกต้องไม่ให้โอกาสพรรคในการยื่นเอกสารหลักฐานอย่างเต็มที่ซ้ำเป็นการมุ่งที่จะเอาผิดกับพรรคอนาคตใหม่โดยเฉพาะ
ส่วนที่แนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้มี 3 แนวทางโดย 1. ศาลเห็นว่าผิดจริงตัดสินยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 10 ปี ตามแนวคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถ้าเป็นแนวทางนี้กกต.ก็จะมีการดำเนินคดีอาญาซ้ำตามหลังด้วย 2. ศาลเห็นว่าพรรคไม่มีความผิดตามมาตรา 72 ให้ยกคำร้อง 3. มีความผิด แต่เป็นความผิดตามมาตรา 62 มาตรา 66 พ.ร.ป.พรรคการเมืองเท่านั้น ไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาจึงยกคำร้องยุบพรรค ซึ่งหากเป็นแนวทางนี้เรื่องดังกล่าวก็จะวนกลับมาที่กกต.จะต้องเป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด 2561 เพื่อที่จะดำเนินคดีอาญา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 มาตรา 124 ที่กำหนดเอาผิด ผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้น 5 ปี และมาตรา 125 ที่กำหนดเอาผิดพรรคการเมืองที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น 5 ปี และให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง รวมทั้งอาจมีการดำเนินคดีในกรณีที่พรรคมีการนำเงินรายได้ของพรรคที่ได้จากการระดมทุน การรับบริจาค ขายของที่ระลึก ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามนำไปใช้เพื่อการอื่นใดนอกจากการดำเนินงานของพรรคการเมืองตามมาตรา 87ไปใช้หนี้เงินกู้ให้กับธนาธร โดยมาตรา 132 กำหนดโทษไว้หากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และเหรัญญิกพรรคผู้ใดนำเงินหรือยินยอมให้บุคคลนำเงิน ทรัพย์สินของพรรคไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอืน หรือนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10ปี ปรับ ตั้งแต่ 1แสน-2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการเอาผิดทางอาญานั้นจะต้องต่อสู้ในศาลถึง 3 ศาล