xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ธนาธร-อนค. คดียังไม่จบ ดาบสอง กกต. ฟันอาญา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ตอน ธนาธร-อนค.คดียังไม่จบ ดาบสอง กกต.ฟันอาญา   



หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามคำวินิจฉัยคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ผลสืบเนื่องหลังจากนี้ ต้องจับจ้องไปที่ สองเรื่องสองมิติ

เรื่องแรก...คือเส้นทางของอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่โดนตัดสิทธิ์การเมืองสิบปี อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล ,พรณณิการ์ วานิช ,ชำนาญ จันทร์เรือง, พลโทพงศกร รอดชมภู ,จารุวรรณ ศรันย์เกตุ ที่ประกาศว่า

จะเกาะกลุ่มการเมืองนอกรัฐสภากันต่อในนาม “คณะอนาคตใหม่” เพื่อไปขับเคลื่อนแนวทางการเมืองของตัวเองต่อไป เป็นแนวทางที่จะเกิดขึ้นในวันที่พวกเขาไม่ได้เป็นส.ส. ไม่มีสิทธิ์เข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ทางการเมืองได้ ไม่อาจไปร่วมทำกิจกรรมการเมืองกับพรรคการเมืองตั้งใหม่ของอนาคตใหม่ อย่างเป็นทางการได้เป็นเวลาสิบปี

จังหวะก้าวเดินของ “คณะอนาคตใหม่” ภายใต้การนำของ ธนาธรและปิยบุตร จะเดินไปอย่างไร เพื่อทำในสิ่งที่พวกเขา ยังคิดว่า ภารกิจนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตามหลักคิดอุดมการณ์ที่ ธนาธร เคยบอกก่อนหน้านี้ว่า เข้ามาการเมืองเพื่อสานต่อภารกิจ คณะราษฏร 2475 ที่ยังไม่สำเร็จ

และภารกิจที่คั่งค้างอยู่ของ ธนาธรและปิยบุตร อย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกองทัพ ในวันที่ต้องไปขับเคลื่อนการเมืองนอกรัฐสภา จะทำอย่างไร ทำได้แค่ไหน จะนำมวลชน แฟนคลับ สมาชิกพรรค ลงสู่ท้องถนน เพื่อสานต่อภารกิจที่คั่งค้างอยู่หรือไม่ เป็นเรื่องน่าติดตาม

ส่วนเรื่องที่สอง...ที่ต้องติดตามก็คือวิบากกรรม ต่อเนื่องทางคดีความของธนาธร และอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังไม่จบไม่สิ้น แม้ว่าจะถูกยุบพรรค ตัดสิทธิ์การเมืองไปแล้ว

เนื่องจากตามสเต็ปทางข้อกฎหมายเมื่อคำวินิจฉัยของศาลรธน.ชี้ชัดๆ ว่า นิติกรรมการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่ เป็นการทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองฉบับปัจจุบัน ในสองมาตราสำคัญคือ มาตรา 66 ประกอบมาตรา 72

ตามอำนาจหน้าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับธนาธร และอดีตอนาคตใหม่กันอยู่ คงไม่พลาด ที่จะรับลูกเอาคำวินิจฉัย ของศาลรธน.มาขยายผล เอาผิดธนาธร และพวก อีกเป็นดาบสอง

จึงเป็นวิบากรรม ไม่จบไม่สิ้น สำหรับอดีตกรรมการบริหารพรรคสีส้ม ที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันไปอีกหลายปี

โดยคดีความทางอาญา ของ ธนาธรและอนาคตใหม่ แยกออกเป็นสองส่วน สองสำนวน เรื่องแรก ก็คือ ผลต่อเนื่องจากคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อศาลรธน.ไต่สวนและชี้ชัดๆว่า พรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง ในสองมาตราสำคัญคือ มาตรา 66 และ 72

เมื่อนำสองมาตราดังกล่าว ไปเรียงดูพบว่าในพรบ.พรรคการเมือง มาตรา 125 บัญญัติไว้โดยสรุปว่า "พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด มีมูลค่าเกินที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท

และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีกำหนดห้าปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง"

นอกจากนี้ มาตรา 126 ก็ได้เขียนเรื่องการเอาผิดกับ ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา72 ไว้ว่า"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น"

เมื่อไล่ย้อนไปดูมาตรา 66 ทั้งวรรคแรกและวรรคสอง สรุปความได้ว่า เป็นบทบัญญัติว่าด้วยข้อห้ามของพรรคการเมืองในเรื่องการรับบริจาคเงิน คือ

"บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินสิบล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้ และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง

ไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรคเกินปีละห้าล้านบาทต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไป หลังจากบริจาคแล้ว และพรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้"

ขณะที่ มาตรา 72 บัญญัติว่า"ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรธน.ระหว่างบรรทัด อ้างอิง มาตรา 66 และมาตรา 72 ดังกล่าว จนนำไปสู่การตัดสินยุบอนาคตใหม่ จึงเปิดช่องให้ กกต.สามารถ ขยายผลเอาผิดคดีอาญา ธนาธรและพวก อดีตกรรมการบริหารพรรคที่ร่วมกันรับรู้และร่วมกันทำนิติกรรมดังกล่าวได้

รวมถึงการดำเนินการริบเงินบริจาคดังกล่าวในส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท คือประมาณ 181 ล้านบาท ซึ่งศาลชี้ว่าผิดกฎหมายและต้องตกเข้าเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

หากพบไม่มีเงินเหลือต้องบังคับเอากับคณะกรรมการบริหารพรรค ในลักษณะแบบลูกหนี้ร่วมของกองทุนฯ และหัวหน้าพรรคต้องส่งบัญชีให้นายทะเบียน ภายใน 30 วัน เพื่อชำระบัญชีเนื่องจากพรรคถูกยุบ หากมีการ ฝ่าฝืนมีโทษปรับ

ซึ่งตามขั้นตอน ในส่วนของคดีอาญา ก็มีข่าวว่าก่อนหน้านี้ คณะกรรมการไต่สวนของกกต.ได้ดำเนินการคู่ขนานไปก่อนหน้านี้แล้ว ระหว่างที่ รอคำตัดสินของศาลรธน. เมื่อ คำวินิจฉัยของศาลชี้ชัดๆ ออกมาแบบนี้ คาดว่า การดำเนินคดีดาบสองคงจะไม่ช้า

ตามความผิดทั้งสองกระทง คือความผิดตามมาตรา 124 กับ 126 ดังกล่าว ที่เป็นเรื่องของคดีอาญา หากสุดท้าย กกต.และอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ต้องยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ที่ต้องไปสู้กันสามศาล กินเวลากันไปอีกหลายปี

แต่ในส่วนของ ธนาธร ก็จะมีคดีความเพิ่มอีกหนึ่งคดีต้องลุ้น นั่นก็คือ คดีที่เกิดขึ้นจากผลคำตัดสินของศาลรธน.ที่ตัดสินให้ ธนาธร พ้นจากการเป็นส.ส.เพราะถือหุ้นสื่อบริษัทวีลัค มีเดีย ก่อนการเลือกตั้ง อันเป็นความผิดตาม พรป.การเลือกตั้ง ฯมาตรา 151ที่ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี

สำนวนคดีนี้ กกต.กำลังให้ อนุกรรมการไต่สวนฯทำการสอบสวนเพื่อทำความเห็นอยู่ หลังศาลรธน.ตัดสินคดีนี้ไปตั้งแต่ ปลายเดือน พ.ย. 2562 คาดว่าอีกไม่นาน คงมีการเสนอเรื่องให้กกต. ใหญ่ชี้ขาดทำความเห็น เพื่อส่งฟ้องดำเนินคดีกับธนาธร ต่อศาลอาญา ต่อไป

วิบากกรรมของธนาธรและอนาคตใหม่ ยังไม่จบ แค่นี้ และเป็นรอบที่มีเดิมพันสูง แพ้ไม่ได้อีก อย่างเด็ดขาด เพราะหากพลาด โทษหนัก รออยู่ข้างหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น