เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ยกคำร้องกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ขอให้เปิดการไต่สวนพยานอีก 17 ปากโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาแบบนี้ทำให้หลายคนมองว่าทำให้โอกาสรอดคดีกู้เงินจำนวน 191 ล้านบาทมีโอกาสริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พรรคอนาคตใหม่มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดไต่สวนพยานเพิ่มเติมอีก 17 ปาก ก่อนครบกำหนดที่ศาลฯให้ส่งคำชี้แจงของพยานภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ รวมทั้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะผู้ร้อง ต้องส่งคำชี้แจงภายในวันเดียวกันด้วย
แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะยกคำร้องการขอไต่สวนพยานเพิ่มเติม แต่ก็ขยายเวลาการส่งคำชี้แจงของพยานจำนวน 17 ปากดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 17กุมภาพันธ์ แต่ยังมีการกำหนดวันวินิจฉัยคดีเป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ตามกำหนดการเดิม อย่างไรก็ดีบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่ก็ยังอ้างว่าอาจไม่สามารถส่งคำชี้แจงของพยานดังกล่าวได้ทันเวลา เนื่องจากพยานเหล่านี้เป็นบุคคลภายนอก เป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถบังคับให้เขียนคำชี้แจงได้ นอกจากต้องใช้คำสั่งศาลเท่านั้น
อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่มองอยู่ข้างนอกก็ย่อมมองออกว่าเมื่อผลออกมาแบบนี้ก็อย่างที่บอกว่ามันก็พอคาดเดาได้ทันทีเหมือนกันว่างานนี้ถือว่า “เหนื่อย” สาหัสแน่นอน
ขณะเดียวกันในทางคดีนั้นหลายคนมองว่าคดีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีปัญหาในเรื่องข้อเท็จจริง เพราะทางผู้ปล่อยกู้คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคเป็นผู้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวออกมาเอง และในระหว่างยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ก็มีรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินจำนวนนี้อยู่ด้วย ทำให้ไม่ต้องพิสูจน์ในเรื่องข้อเท็จจริง ทำให้เหลือเพียงต้องพิสูจน์ในเรื่องข้อกฎหมายเท่านั้นหรือไม่ โดยเฉพาะความผิดในกฎหมายพรรคการเมืองในเรื่องที่มาของรายได้พรรคการเมืองเท่านั้นว่ามีกี่ประเภทเท่านั้นหรือไม่
อีกทั้งที่ผ่านมาทางพรรคอนาคตใหม่พยายามใช้แท็กติกทางกฎหมายในความพยายามยื้อเวลาในการพิจารณาคดีออกไปให้นานที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ทางกฎหมายที่สามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาล ซึ่งในที่นี้เป็นศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยยกคำร้องคำขอไต่สวนพยานโดยเปิดเผยจำนวน 17 ปาก แต่ให้ขยายเวลาในการส่งคำชี้แจงออกไปจากกำหนดเดิมที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ออกไปถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ แต่ไม่ขยายเวลาในการวินิจฉัยคดีที่กำหนดเอาไว้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์เช่นเดิม
แม้ว่าที่ผ่านมาบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่หลายคนพยายามเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะท่าทีของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคที่ให้ความเห็นในทำนองว่าศาลรัฐธรรมนูญปิดกั้นการชี้แจง รวมไปถึงการกล่าวหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะผู้ร้องรวบรัดการพิจารณา รวมไปถึงมีมติที่สวนทางกับคณะอนุกรรมการในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวที่สั่งให้ยุติเรื่อง เป็นต้น
หรือแม้แต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคที่แม้ว่าที่ผ่านมาจะเก็บตัวเงียบ แต่ล่าสุดก็ยังมีการใช้สื่อโซเชียลฯทวิตเตอร์เชิญชวนผู้สนับสนุนให้ออกมาจุดเทียนไว้อาลัย โดยหยิบยกเอาเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมามาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพและเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าดูเหมือนคนละเรื่อง แต่ในทางการเมืองถือว่าน่าจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” นั่นแหละ
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาตามรูปการแล้วการเคลื่อนไหวแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอให้ศาลไต่สวนพยานโดยเปิดเผยอีกจำนวน 17 ปากซึ่งถูกมองว่าเป็นการยื้อคดีออกไปให้นานที่สุด รวมไปถึงการออกมาให้สัมภาษณ์และการเคลื่อนไหวในทำนองดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องในการเรื่องการไต่สวนพยาน รวมทั้งมีการวินิจฉัยคดีตามกำหนดเดิมคือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มันก็ยิ่งทำให้น่าหวาดเสียว
เพราะอย่างที่รู้กันก็คือคดีนี้สำหรับพรรคอนาคตใหม่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวมากที่สุด และมีผลกระทบทางการเมืองมากที่สุด หากผลออกมาทางลบ นั่นคือหากถูกวินิจฉัยยุบพรรค ก็จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคที่เป็นระดับแกนนำสำคัญต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่น้อยกว่า 5 ปี และเมื่อมีการยืนยันชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่ลาออกก่อนวันที่ศาลวินิจฉัยคดี มันก็ยิ่งถือว่าเป็นการวางเดิมพันที่สูง รวมไปถึงหากพิจารณาอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการสร้างแรงกดดันอีกทางหนึ่งได้เหมือนกัน
แต่ถึงอย่างไรเมื่อผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องการไต่สวนพยาน และการวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ตามกำหนดเดิมคือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ก็ต้องลุ้นกันหนักหน่วง เพราะหากผลออกมาเป็นลบมันก็จบเห่ !!