“รสนา”หนุนคำสั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้า-ตึกสูง กทม.ลดปัญหาฝุ่น PM2.5 แนะแจกหน้ากาก N95 ให้เด็กฟรี พร้อมเสนอรัฐบาลแก้ปัญหาเชิงรุก เปลี่ยนรถเมล์ ขสมก.ให้เป็นรถไฟฟ้าใน 3 ปี เปลี่ยนยานพาหนะทั้งหมดที่ใช้ในราชการระบบไฟฟ้า สนับสนุนการใช้รถยนต์-จักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังด้วยมาตรการทางภาษี
วันที่ 3 ก.พ. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ รสนา โตสิตระกูล ในหัวข้อ “ข้อเสนอต่อรัฐบาลในการควบคุมฝุ่น PM 2.5” มีรายละเอียดว่า เรื่องไวรัสอู่ฮั่นได้ดึงความสนใจของผู้คนจากปัญหาฝุ่น PM 2.5ไประยะหนึ่ง แต่ช่วง 2-3 เดือนนี้ เรื่องฝุ่นPM 2.5 จะยังอยู่กับคน กทม.และอีกหลายจังหวัดของประเทศไทย
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 ม.ค-วันนี้ วันที่ 3 ก.พ 2563 คุณภาพของอากาศใน กทม.มีฝุ่นเกินค่ามาตรฐานสูงมาก วันนี้ได้ฟังข่าวจากโฆษกของผู้ว่า กทม.ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จนถึงวันที่ 6 ก.พ 2563 ผู้ว่า กทม.มีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 7 สาย และตึกสูงในเขต กทม.ทั้งหมดก่อนจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
ในระหว่างที่ฝุ่นยังหนาแน่น สิ่งที่อยากให้ผู้ว่า กทม.หารือรัฐบาลในการสนับสนุนหน้ากากอนามัย N95 ให้กับเด็กนักเรียนฟรี หรือหากไม่สามารถให้ฟรีได้ ก็ขอให้มีการควบคุมราคาให้ถูกลงพอที่ประชาชนจะซื้อหามาใช้ได้โดยไม่เป็นภาระมากเกินไปสำหรับผู้ปกครอง ซึ่งเป็นการสนับสนุนเชิงรุกในช่วงเวลาสั้นๆ 2-3 เดือนนี้เท่านั้น
หน้ากากอนามัย N 95 ที่ดิฉันซื้อเมื่ออาทิตย์ก่อนราคาชิ้นละ 75 บาท วันนี้ราคาปรับขึ้นเป็นราคาชิ้นละ 135 บาท หน้ากากอนามัย N95 สำหรับเด็กเล็กก็ราคา 4 ชิ้น 125 บาท ตกชิ้นละ 31.25 บาท ชิ้นหนึ่งใช้ได้ 2 วัน นับว่าเป็นภาระมากกับครอบครัวที่มีลูกเล็ก
ฝุ่น PM 2.5 ที่เคยมาตามฤดูกาล ต่อไปอาจจะมาเป็นการถาวร เนื่องจากสภาพภูมิอากาศโลกอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ดิฉันจึงขอเสนอต่อรัฐบาล ให้กำหนดนโยบายและกลไกในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เชิงรุกอย่างมีเป้าหมายและวัดผลสัมฤทธิ์ได้โดยวางแนวทางตั้งแต่บัดนี้
1)รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายในการเปลี่ยนรถเมล์สาธารณะของ ขสมก.เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 3 ปี
2)ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่รถเมล์เก่ายังต้องใช้อยู่ ควรเปลี่ยนน้ำมันดีเซลที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ มาเป็นไบโอดีเซลอย่างน้อย บี50 จึงจะมีผลในการลด PM2.5 อย่างมีนัยสำคัญ โดยรัฐบาลควรลดภาษีน้ำมันสำหรับรถเมล์สาธารณะเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของรถ ขสมก.
3)รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายและขั้นตอนในการเปลี่ยนยานพาหนะทั้งหมดที่ใช้ในราชการเป็นยานพาหนะระบบไฟฟ้า
4)รัฐบาลควรมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไฟฟ้า ด้วยมาตรการทางภาษี เพื่อให้มีรถไฟฟ้าและแบตเตอรี่มีราคาถูกลง
5)รัฐบาลควรสนับสนุนการติดตั้งที่ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความสะดวกจะเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น
6)รัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดทำผังเมืองให้มีพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองไม่น้อยกว่า 10 % เช่น มีนโยบายการปลูกต้นไม้และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองให้มากขึ้นโดยมีเป้าหมายให้บรรลุเกณฑ์มาตรฐานสากลขั้นต่ำคือ ประชากร 1 คนต่อพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่า 9 ตารางเมตร เป็นต้น