นายกฯ โยนพรรคร่วมตัดสินคนนั่ง กมธ.แก้รธน. ลั่นเวลานี้ให้ความสำคัญศก.มากกว่าเรื่องอื่น ชี้รบ.แพ้โหวต ไม่เกี่ยวเสถียรภาพรบ. ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม ต้องร่วมรัฐบาลจริง ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้งในอนาคต รับต้องมีนัดทานข้าว
วันนี้ (28พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาตัวบุคคลทำหน้าที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานจะเหมาะสมหรือไม่ว่า ตนไม่อยากพูดว่าใครจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการหารือร่วมกัน. ของพรรคการเมืองต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล. ซึ่งจะต้องมีส่วนร่วมในการตั้งคณะกรรมาธิการตรงนี้ด้วย. ซึ่งจะต้องหาบุคคลที่เหมาะสม ไปดำเนินการในส่วนนี้
"สิ่งที่ผมให้ความสำคัญในตอนนี้คือเรื่องของเศรษฐกิจ จากการไปหารือกับทุกประเทศ ทั้งประเทศในอาเซียน แม้กระทั่งสาธารณรัฐ เกาหลี ก็มีประเด็นผลกระทบจากสงครามทางการค้า. ระหว่างประเทศมหาอำนาจซึ่งมีผลกระทบกับประเทศเราด้วย. หลายประเทศมีวิธีการแก้ปัญหาของตัวเอง เพราะหลายประเทศ มีกฎหมายการปกครองไม่เหมือนกัน. ประชาธิปไตยหรือ ประชาธิปไตยสังคมนิยมมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในอำนาจความแตกต่างของรัฐบาล เราในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยประชาธิปไตย ต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วนด้วยกัน. ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาล ได้มุ่งเน้นและแก้ปัญหาในหลายมิติ . ทั้งการแก้ไขปัญหาแรงงานให้สอดคล้อง. กับการลงทุนสมัยใหม่ . รวมถึงการแก้ไขปัญหาการค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบจากการค้าขายออนไลน์. เพราะคนต้องการความสะดวกสบายในการซื้อของ . ตรงนี้กำลังดูว่าจะสามารถทำรายได้เข้าประเทศอย่างไร. กับช่องทางออนไลน์ . เวลานี้กฤษฏีกากำลังดูในข้อกฎหมายอยู่ . อย่างไรก็ตามก็ต้องดูแลลูกค้าออนไลน์ของเราในวันนี้ไม่ใช่ไปเรียกเก็บภาษีเขา ตรงนี้ต้องแยกแยะ
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องการปฏิรูปการศึกษารัฐบาลกำลังพยายาม หางานให้นิสิตนักศึกษาทำในช่วงปิดเทอม . สิ่งสำคัญคือการสร้างการเรียนรู้ดังนั้นขอฝากประชาชนให้ติดตามว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร. บางครั้งอาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่เป็นการดำเนินการในทางอ้อม
"วันนี้รัฐบาลก็ได้มีมาตรการหลายๆอย่างออกไป . อย่าบอกว่ารัฐบาลไม่มีอะไรใหม่ๆเลย . ต้องยอมรับด้วยว่าคนของเรามีหลายระดับ . ภูมิปัญญาความรู้ต่างกัน . นี่คือความยากง่าย ที่ต้องทยอยดำเนินการ . ตรงไหนมีผลกระทบต่อรายได้ก็ต้องเติมเงินให้เขาหลายๆประเทศก็ทำกันทั้งญี่ปุ่น . ฟิลิปปินส์. ไม่ใช่เราทำประเทศเดียว. ไม่ใช่ทำเพื่อหาเสียง . ต้องทำให้เขาดำรงอยู่ได้ . ต้องเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศให้มากขึ้น . ต้องพยายามทักชวนคนที่มีเงินแต่ไม่ยอมใช้เงิน. ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝากสื่อให้ช่วยทำความเข้าใจด้วย"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ถ้าเราสร้างแต่ความขัดแย้งหรือสร้างอะไรต่างๆออกไปหรือความไม่ลงรอยกันบ้าง ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ตนไปในทุกประเทศเขาเชื่อมั่นประเทศไทย เป็นห่วงอย่างเดียวคือเรื่องของการเมือง ขอให้ระมัดระวังและลดการกระทบกระทั่งกันให้มากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลแพ้โหวตในสภา ในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบ จากการทำประกาศ หรือคำสั่ง ของ คสช. และอำนาจการใช้คำสั่ง ตามมาตรา 44 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งตนได้ติดตามดู เห็นว่าพรรคร่วมหลายคนติดราชการ บางคนไปต่างประเทศกับตนเอง ก็เลยมาโหวตไม่ทันอะไรทำนองนี้ ถ้ามีการโหวตใหม่ก็ว่ากันไป ตามกลไกลของสภา คงไม่ใช่เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคง
“ผมยังเชื่อมั่นตรงนี้ว่ายังมั่นคงอยู่ ผมถือว่าผมเป็นทหารเก่า ฉะนั้นถือว่าสัญญา ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษสำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องร่วมรัฐบาลจริงๆ ในสิ่งที่รัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเดียวมันไม่ได้ หรือจะมองอนาคตวันข้างหน้าเรื่องการเลือกตั้ง มันยังมาไม่ถึงตอนนี้ ถึงเวลาก็ค่อยว่าอีกทีในตอนนั้น แต่วันนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความขัดแย้ง ของสงครามการค้า เราจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เลยหรือ โจมตีกันไปมามันไม่เกิดประโยชน์ อะไรกับใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งกับพรรคการเมืองของตนเอง ก็ไม่เกิดประชาชนเรียนรู้ และเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจได้เองในวันข้างหน้า ในการเลือกตั้ง” นายกฯกล่าวว่า
เมื่อถามว่า จะมีการนัดแกนนำพรรคร่วมหารือหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ต้องมีการทานข้าวแต่ต้องหาเวลาก่อน
นายกฯกล่าวอีกว่า การทำงานอย่ามองว่ารัฐบาลสอนให้คนขี้เกียจ เราต้องมองคนที่เขาไม่มีจะทำยังไง และทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้าที่ผลิตออกมา ถ้าไม่มคนซื้อโรงงานก็ปิดอีก ปัญหามันจะพันกัน ดังนั้นขอให้เข้าใจด้วยในเรื่องเหล่านี้ ทุกพรรคไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลลองเสนอมา ว่าควรจะต้องทำอะไร แต่ถ้าโจมตีกัน มันไม่ได้อะไรขึ้นมา เพื่อที่จะได้เห็นว่าสภาของเรา ส.ส.ของเรามีคุณภาพมากขึ้น ในวันนี้และอนาคต อย่างที่ทุกคนคาดหวัง ที่อยากให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ผ่านช่วงเวลานั้นให้มาแล้ว ฉะนั้นเราต้องปรับตัวเองใหม่เหมือนกัน จะทำอะไรแแบบเดิมๆ หรือการเมืองแบบเดิมๆไม่ได้ เพราะมันจะไม่ยั่งยืน
นายกฯกล่าวว่า การที่ออกมาตำหนิเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ ขอถามว่า ที่ติเตือนมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ ท่านเคยทำหรือเปล่า ท่านก็เคยทำมา แล้วมีอะไรใหม่ๆที่รัฐบาลนี้ทำหรือไม่ ซึ่งมันก็มี การสร้างความเข้มแข็งก็มี เอาคนมาฝึก เรียนรู้ การค้าขายออนไลน์ เรื่องแรงงานก็ทำ มีการฝึกอบรม มาจรการรองรับการตกงานถ้าไม่ร่วมมือกันมันก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ ทุกประเทศเขาทำหมด