ดราม่าท่วม! อนค.อยู่ไม่เป็น “ป๊อก”ครวญเพราะคิดเปลี่ยนแปลงจึงถูกไส่ร้าย “เอก”เพ้อ หัวใจถูกโบยตีด้วยอยุติธรรม

อนค.เปิดเวที “อยู่ไม่เป็น” ปลุก อย่าทนอยู่กับสิ่งไม่ยุติธรรม “ปิยบุตร”อ้างประเทศร้าวลึกมา 13 ปี จะเป็นอย่างนี้ไม่รู้จบ พรรคเสนอเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกลับถูกใส่ร้าย หาว่าชังชาติ ด้าน“ธนาธร”ตัดพ้อ เมื่อก่อนชีวิตสบาย แต่เข้าสู่เส้นทางนี้เพราะอยากเห็นสังคมเท่าเทียม ประเทศเข้มแข็ง กลับถูกกล่าวหาว่าก้าวร้าว อยู่ไม่เป็น เหมือนหัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรมไปแล้ว

วันนี้(16 พ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่ชั้น 6 เจเจ มอลล์ ข้างสวนจตุจักร พรรคอนาคตใหม่ได้จัดกิจกรรม “อยู่.ไม่.เป็น” ซึ่งภายในงานมีการจัดนิทรรศการและบูทนำเสนองานของพรรคอนาคตใหม่ตามประเด็นที่จะผลักดันต่อสภาผู้แทนราษฎร 5 บูทหลัก อาทิ “ท.ทหาร ทันสมัย สมัครใจไม่บังคับ” นำเสนอ 8 มาตรการสร้างกองทัพทันสมัย, “อยู่ไม่เป็น เพราะแรงงานอยู่ไม่ได้" นำเสนอแนวทางป้องกันสถานประกอบการละเมิดสิทธิแรงงาน, “LGBTQI” นำเสนอการแก้กฎหมายสมรสระหว่างเพศเดียวกัน และบูทแอพพลิเคชัน “พรรคอนาคตใหม่” ที่เปิดให้คนมาร่วมงานโหลดแอพพลิเคชันดังกล่าวไว่สำหรับส่งเรื่องร้องเรียนมายังพรรคอนาคตใหม่ เพื่อส่งสมาชิกพรรคในแต่ละพื้นที่เข้าไปตรวจสอบและเก็บข้อมูล ผลักดันไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้มาร่วมงานประมาณ 1,800 คน มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ประมาณ 30 นาย

นอกจากการนำเสนอประเด็นต่างๆ ผ่านบูทและนิทรรศการแล้วยังมีจัดกิจกรรมให้ผู้ที่มาร่วมงานร่วมสนุกก่อนงานเริ่ม รวมทั้งมีการขายสินค้าที่ระลึกของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อระดมทุนนำเงินเข้าพรรค อาทิ เสื้อยืดสกรีนโลโก้พรรค แก้วกาแฟ ร่ม กระเป๋าผ้า และหมวก

ส่วนกิจกรรมบนเวที เริ่มขึ้นในเวลา 14.00 น. เป็นการกล่าวปราศรัยของ ส.ส.และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ บนเวทีที่ออกแบบเป็นรันเวย์ยาวให้ผู้พูดสามารถเดินไปมาได้ โดยมีสมาชิก ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด และผู้เข้าร่วมงานนั่งอยู่โดยรอบ เริ่มต้นการอภิปรายจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ต่อด้วยการแสดงจากศิลปินแรปเปอร์เจ้าของเพลง “ประเทศกูมี” ตามด้วยการปราศรัยของนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และปิดเวทีโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคในเวลา 17.00 น.


นายพิธา กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า คนที่อยู่ไม่เป็นคือคนที่กล้าจะสู้กับความอยุติธรรม และเรียกร้องให้สังคมก้าวหน้า และกล้าที่จะสู้กับแรงเฉื่อย คนอยู่ไม่เป็นไม่ใช่คนชังชาติ และเราก็ไม่ได้เป็นคนคลั่งชาติ เรารักชาติพอที่จะยอมรับว่าข้อเสียของของชาติว่ามีอะไร และเราพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาพวกนั้น เราต้องเข้าใจว่าการรักชาติมันต้องเสียสละ และทุกคนต่างเข้าใจและมีความฝันเหมือนกันที่จะส่งต่อสังคมที่ดีกว่าให้แก่ลูกหลานของเรา และต้องสู้ไปด้วยกัน เพื่อความฝันของเราจะมาถึงสักวันหนึ่ง


ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ปราศรัยในประเด็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่เคยบอกว่าไม่ต้องมีทหาร แต่เราต้องการทหารที่ทำหน้าที่ทหารอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้ไปทำงานเหมือนไพร่ทาส เช่น เลี้ยงไก่ เลี้ยงนก ซักผ้าเหมือนที่เป็นอยู่ จึงเห็นว่าควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารเปลี่ยนมาเป็นรับสมัครทหารด้วยความสมัครใจ แล้วให้เงินเดือนอย่างสมศักดิ์ศรี ชาวอนาคตใหม่เราต้องการทหาร แต่ไม่ต้องการให้ทหารไปรับใช้ใครอีกต่อไปเท่านั้นเอง วันนี้เราใช้งบประมาณเป็นเงินเดือนทหารเกณฑ์ถึงปีละ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่กลับต้องไปเลี้ยงไก่ เลี้ยงนกให้นายพล เป็นการใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า เราต้องเปลี่ยนความคิดที่ประชาชนเป็นไพร่พล และเราต้องสร้างสังคมที่ประชาชนมีศักดิ์ศรี มีความเท่าเทียมกัน

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่าถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า ชนชั้นสูงถูกยกระดับให้สูงขึ้นไป บริษัทขนาดใหญ่คือหน้าเดียวกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โครงสร้างเศรษฐกิจส่วนบนกระจุกตัว จนทำให้เอสเอ็มอีแทรกตัวเข้าไปแข่งขันไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำในสังคม แสดงให้เห็นว่ามีเงินมากเท่ากับมีโอกาส ทุกคนควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน แต่รัฐไม่ได้หยิบหยื่นให้อย่างเท่าเทียมกัน กลับผูกขาดกับนายทุนขนาดใหญ่


ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า คำว่า “อยู่เป็น” เริ่มมีการใช้กันมากหลังจากการรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค.2557 มีการพูดกันว่า นักกิจกรรม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการที่ต่อต้านรัฐประหารเป็นพวกอยู่ไม่เป็น ถ้าพวกนี้อยู่เป็นบ้านเมืองจะสงบ และคณะรัฐประหารสามารถบริหารประเทศไปได้ ทุกคนก็จะมีชีวิตที่ดีได้ เช่นเดียวกับผู้ใต้บังคับบัญชาถ้าทำตามผู้บังคับบัญชาสั่ง ก็จะได้เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนยศ ได้ทรัพย์สินเงินทอง แต่ประเทศไทยก็จะวนเวียนแบบนี้ แต่คนบางกลุ่มทนสภาพสังคมแบบนี้ไม่ได้ ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความ “อยู่ไม่เป็น” เพราะหากไม่ยินยอมเชื่อฟัง คนที่มีอำนาจก็จะไม่สามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือได้ ความเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ก็จะเกิดขึ้นเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

นายปิยบุตร กล่าวว่า ด้วยสภาพสังคมแบบนี้จะทนอยู่เป็นต่อไปได้อย่างไร คนอยู่เป็นทนอยู่ได้อย่างไร ไม่คิดจะลุกมาต่อต้านกับสิ่งที่ไม่ยุติธรรมหรืออย่างไร นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเราก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ 16 พฤศจิกายน เพราะทนเห็นสภาพสังคมไทยเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้ เราต้องรวมตัวเพื่อทำให้ตัวเองมีอำนาจรัฐเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคม 13 ปีที่ประเทศมีรอยร้าวลึกจนอาจจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่รู้จบ และทำให้พรรคอนาคตใหม่ต้องออกมาอยู่ไม่เป็น ทั้งที่รู้ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบมาให้เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลง แต่เรามีความตั้งใจมุ่งมั่นพอที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ได้ เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดรัฐประหารอีก และรัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชนที่ช่วยกันออกแบบอย่างแท้จริง

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ด้วยความคิดความอ่านแบบนี้หลังจากที่เราได้ ส.ส. 81 คน กลายเป็นพรรคที่คนพูดถึงจึงนำมาซึ่งคดีความถึง 25 คดี นอกจากนี้ในโซเชียลมีเดีย มีเพจแปลกๆ ใส่ร้ายพรรคเราแบบรายวัน และสื่อบางค่ายพูดถึงเราในแง่ลบทุกวัน บางครั้งบอกว่าพวกเราคือพวกชังชาติ ล้างสมองคน แต่เชื่อว่าปรากฏการณ์ของคนอยู่ไม่เป็นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนที่ชี้นิ้วด่าพวกเรา ควรกลับไปดูว่าการสร้างบ้านเมืองที่ผ่านมามีแต่ปัญหา เราจึงต้องปรากฎตัวขึ้นมา เพื่อเข้ามาใช้อำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น แต่ฝ่ายตรงข้ามบิดเบือนข้อเท็จจริง ความหวังดีของเราที่อยากทำให้สังคมดีขึ้น กล่าวหาว่าเราคือศัตรูของชาติ เรายอมไม่ได้เด็ดขาด ยืนยันว่าเราไม่ใช่พวกชังชาติ แต่เราคือพวกรักชาติ และยืนยันว่าพวกเราไม่ใช่พวกล้มเจ้า เราต้องการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ถูกยกย่องเทิดทูน


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปราศรัยปิดท้าย ด้วยการขอบคุณผู้ร่วมก่อตั้งพรรค สมาชิกพรรคและผู้ลงคะแนนให้พรรค 6 ล้านกว่าคน พร้อมบอกว่า ก่อนที่จะเลือกเส้นทาง “อยู่ไม่เป็น” ตนมีแต่ชีวิตที่สะดวกสบายจัดสรรเวลาให้ครอบครัวเพื่อนฝูงและงานอดิเรก แต่วันที่เลือกมาทางนี้มีแต่คนถากถาง บอกว่าการเมืองมันสกปรก แต่เชื่อว่าถ้าเราจริงใจ หนักแน่พอเราจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจน นับถือศาสนาคริสต์หรือพุทธ จะเป็นเพศหญิงหรือชาย ถ้าอยู่ในสังคมนี้เราเท่ากัน เราคือประชาชนผู้ทรงศักดิ์ของประชาธิปไตย เรามีสิทธิเสรีภาพ มีสิทธิที่จะได้รับบริการจากรัฐ มีสิทธิที่จะได้รับความยุติธรรม เราต้องการเห็นประเทศไทยที่มีดอกผลถูกกระจายไปอย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่การผูกขาด เราอยากเห็นประเทศเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่เข้มแข็งเพราะมีเรือดำน้ำ แต่เราเข้มแข็งจาการยอมรับจากนานาประเทศ เอื้อเฟื้อประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในความต้องการเช่นนี้ทำให้เขากล่าวหาว่าเราเป็นพวกรุนแรง ก้าวร้าว ชังชาติ และอยู่ไม่เป็น

นายธนาธร กล่าวว่า หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรมไปแล้ว ถูกว่าเป็นพวกอยู่ไม่เป็น แต่หัวใจของพวกเรายังอุ่น มีเลือดมีเนื้อ เห็นใจเพื่อนมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อ การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เริ่มขึ้นจากความเกลียดชัง แต่เกิดจากความรัก อนาคตใหม่คือการเดินทาง ไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนบุคคล แต่เป็นผู้คนที่มีการเดินทางร่วมกัน