“หมอวรงค์” จัดหนัก พวกปลูกฝัง “ชังชาติ” หวังพลังคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงประเทศ เอาฮ่องกงมาเป็นแรงบันดาลใจ ทำผิดกฎหมาย กลับเอามวลชนมาต่อรอง
วันนี้(15 พ.ย.)เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์หัวข้อ “ยังไม่จบไม่สิ้น”
โดยมีเนื้อความว่า ผมได้รับการประสานจากป.ป.ง. เรื่องหมายศาลให้ผมไปเบิกความเป็นพยาน กรณียึดทรัพย์เสี่ยเปี๋ยงและเครือข่าย กรณีทุจริตมหากาพย์โกงข้าวจีทูจี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีก 2 ครั้ง คือ วันที่ 19 พ.ย.62 และวันที่ 8 เม.ย.63 แทบไม่น่าเชื่อว่า เงินจากการโกงข้าวของเสี่ยเปี๋ยง ยังตามยึดทรัพย์กันไม่จบไม่สิ้นไม่น้อยกว่าสองหมื่นล้านบาท ไม่อยากคิดครับว่า ขนาดทรัพย์ที่โกง ของเสี่ยเปี๋ยงยังขนาดนี้ แล้วนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังจะขนาดไหน
ทำให้คิดว่า แต่ก่อนเราสู้กับระบอบทักษิณ อย่างมากก็แค่ได้อำนาจรัฐมาเพื่อทุจริตเชิงนโยบาย ใช้อำนาจไม่ชอบ ออกกฎหมายล้างผิด แต่วันนี้การเมืองเปลี่ยนไปมาก เป็นการปลูกฝังความเชื่อที่เรียกว่าชังชาติ แก่คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง แต่ขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะการเอา ฮ่องกงมาเป็นแรงบันดาลใจ แต่มาอ้างว่าต้องการเปลี่ยนแปลง ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่า ตนเองทำผิดกฎหมายแต่แก้ต่างไม่ได้ จึงเอามวลชนมาต่อรอง
เราคงต้องช่วยกันรักษาสิ่งดีๆของชาติที่สืบสานมากว่า 700 ปี แต่ก็มีความก้าวหน้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงให้ประเทศก้าวหน้า ......ไม่ใช่พวกอยู่.ไม่.เป็น.จ้องแต่ทำลายล้างอย่างเดียว เพื่อให้ตนเองอยู่รอด #อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่
ถามว่า “ชังชาติ” ของ “หมอวรงค์” ขยายความได้แค่ไหน ความหมายที่โพสต์เฟซบุ๊กเอาไว้ เมื่อ 16 ส.ค.62 น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างดี
โดยระบุว่า เฝ้าติดตามม็อบฮ่องกง จากส่งผู้ร้ายข้ามแดน นำไปสู่การเรียกร้องประชาธิปไตย ที่จะเลือกผู้นำเอง ทั้งๆที่ตอนอยู่ภายใต้อังกฤษก็ไม่เคยได้เลือกผู้นำเอง และนานๆไปภาพกลายเป็นชังชาติ สร้างความวุ่นวาย ลืมรากเหง้าความเป็นชนชาติจีนตนเอง
ฮ่องกง จึงเป็นภาพสะท้อนการเมืองที่ถูกแทรกแซงจากต่างชาติ ความหลงใหลประชาธิปไตยของคนที่ไม่มีประสบการณ์ จนลืมรากเหง้าความเป็นชนชาติตนเอง
ผมคิดว่าตอนแรกพวกที่อ้างประชาธิปไตยในเมืองไทยจะปลุกกระแส ใช้ประโยชน์จากฮ่องกง แต่หลังๆไม่กล้า เพราะนี่คือการตอกย้ำความชังชาติ ลืมรากเหง้าของตนเอง ที่ภาพจะออกมาคล้ายๆกัน
เราต้องสร้างประเทศไทยให้พัฒนาแบบมีอัตลักษณ์ของตนเอง ปลอดการแทรกแซงจากต่างชาติ ไม่ลืมรากเหง้า แต่ทันสมัย ก้าวหน้า
ขณะเดียวกัน ถ้าพูดถึงคำว่า “ฮ่องกง” เป็นแรงบันดาลใจ ก็ต้องย้อนกลับไปกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน Open Future Forum ที่จัดขึ้นโดยนิตยสารดิอีโคโนมิสต์ที่เกาะฮ่องกงเมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเวทีดังกล่าวมีการถ่ายทอดสดผ่านทางยูทูป WithTheEconomist ด้วย
ธนาธร ได้ตอบคำถาม มิแรนดา จอห์นสัน ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของดิ อีโคโนมิสต์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ ที่ถามว่า เคยใช้เวลาที่ฮ่องกง เคยเรียนที่นี่ ฉันสงสัยว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในฮ่องกง (นายธนาธรหัวเราะ) เพราะเป็นเรื่องน่าสนใจที่คุณเป็นผู้นำการเคลื่อนไหว ขณะสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ผู้นำ
ธนาธร ตอบว่า จริงๆ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฮ่องกงนั้นสร้างแรงบันดาลให้กับเรา ขอผมพาคุณย้อนกลับไปในปี 2561 ตอนที่เรากำลังจะตัดสินใจว่าเราจะจัดตั้งพรรคการเมือง จริงๆ ตอนนั้นมีสองทางเลือกให้เราว่าเราควรจะสร้างการเคลื่อนไหวหรือการตั้งพรรคการเมือง คุณรู้ไหมว่ามันมีการถกเถียงกันครั้งใหญ่ภายในหมู่สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรค (อนาคตใหม่) ว่าเราควรจะจัดตั้งการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือเราจะตั้งพรรคการเมืองดี
และสุดท้ายเราก็ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง เพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในปี 2553 ยังคงเป็นบาดแผลสดอยู่ โดยในปี 2553 การเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม (เสื้อแดง) ของทางทหารทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการถูกยิงมากกว่า 100 คน และมีมากกว่า 1,000 คนที่ได้รับบาดเจ็บ และเรารู้ดีว่าพวกเขา (ทหาร) พร้อมที่จะทำทุกอย่างกับอำนาจที่เขามีในการรักษาสถานภาพเอาไว้
ดังนั้นเราเลยรู้สึกว่ามวลชนยังไม่พร้อมที่จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ ความกลัวยังอยู่ในใจและความนึกคิดของผู้คน ดังนั้นเราเลยสรุปกันว่าถ้าเราดำเนินการเคลื่อนไหวไม่ได้ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการตั้งพรรคการเมือง ดังนั้นผมจึงคิดว่าในทางหนึ่งฮ่องกงก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา(ผู้จัดการออนไลน์ 7 ต.ค. 2562)
กลับมาที่ “หมอวรงค์” อีกครั้ง ยังโพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อ 29 ต.ค.62 อีก เกี่ยวกับ “ลัทธิชังชาติ”
ระบุว่า นายธนาธรตั้งคำถามกับสังคมว่า การตั้งพรรคการเมืองเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน มันผิดบาปมากหรือ
ผมคิดว่าต้องตีความหมาย คำว่าประชาธิปไตยของนายธนาธร เพราะตั้งแต่หลังเลือกตั้งมา ยังไม่เคยเห็นเขาทำในสิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์ นอกจากการแสดงออกปฏิกษัตริย์นิยม ไม่ส่งเสริมศาสนา ไม่เอาวัฒนธรรมประเพณี การยิ้ม การไหว้ครู การเรียกลุงป้าน้าอา รวมทั้งสร้างกระแสดูถูกคนไทย ดูถูกรัฐธรรมนูญ ทำลายความเชื่อถือของศาล และที่สำคัญการชักศึกเขาบ้าน ประจานประเทศ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เขาไม่เรียกประชาธิปไตย แต่เขาเรียก"ชังชาติ" ซึ่งนับวันกำลังถูกปลูกฝังไปเป็นความเชื่อ ที่จะนำไปสู่ "ลัทธิชังชาติ"
เราไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องความเท่าเทียมและอื่น เพราะมีคำตอบจากคนของพรรคอนาคตใหม่ที่มีการแบ่ง เป็นชนชั้นนำและพวกขยะ
ผมคิดว่ายังพอมีเวลาให้ทบทวน ปรับปรุงความคิด เพื่อช่วยกันดูแลประชาชน แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ก็อย่าไปโทษผู้มีอำนาจ หรือคนอื่น เพราะความคิดดังกล่าว ต้องถูกต่อต้านจากคนไทย #ต่อต้านลัทธิชังชาติ.
เมื่อพูดถึงเรื่องดูถูก ศาลรัฐธรรมนูญ การแถลงปิดคดีถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย.นี้ผ่านสื่อมวลชนวันนี้(15 พ.ย.) ก็น่าสนใจ เพราะมีตอนหนึ่ง หลังจากเล่าให้สื่อมวลชนฟังถึงคำแถลงปิดคดีแล้ว
นายธนาธร ยังกล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงการยื่นฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กระทำการในขณะที่การสอบสวนของคณะกรรมการไต่สวนฯ ยังดำเนินการอยู่
จึงมีคำถามว่านี่คือการเร่งรัดหรือไม่ เป็นการส่งคำร้องไปโดยที่ข้อเท็จจริงยังไม่มีการสอบสวนให้สิ้นกระบวนความหรือไม่ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่ากรณีนี้ทำให้เกิดการกลั่นแกล้งทางการเมืองกับตนเป็นคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมืองและฟ้องโดยไม่สุจริตหรือไม่ ดังนั้นไม่มีการให้ความเป็นธรรมกับตนอย่างอื่นนอกจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
"ถ้าทุกท่านถามผมว่า ผมผิดอะไร คำตอบของผมก็คือมันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ มันไม่ใช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดของผมคือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช."
ดูเหมือน สิ่งที่ นายธนาธร ยังแยกไม่ออกก็คือ การทำความผิด และการตัดสินของ ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีความเชื่อเรื่องการเมืองมาปะปน กล่าวหาว่าจะมีอำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซง ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ ไม่น่าจะมีอยู่ในหัวใจของคนยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่างที่นักการเมืองหลายคนที่หนีออกนอกประเทศก็เชื่อเช่นนี้
อย่างนี้แล้ว โพสต์ ของ “หมอวรงค์” ก็นับว่าน่าคิดไม่น้อย