xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” กำหนดเกม “สามก๊ก” ชูเงื่อนไข ปชป.ตัวแปรรัฐบาลหน้า!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




“ลักษณะการเมืองขณะนี้เหมือนสามก๊กมากกว่า คือ 1.พรรคการเมืองที่อิงอยู่กับตัว นายทักษิณ ชินวัตร หรือมีแนวทางคล้ายคลึงกับนายทักษิณ 2.พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาหรือแสดงท่าที่ว่าพร้อมจะสนับสนุนผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือผู้มีอำนาจใน คสช. ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และ 3.ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และยืนยันที่จะต่อสู้อยู่”

“การตัดสินใจของประชาชนมีความหมาย เมื่อประชาชนได้มีโอกาสรับทราบแนวทางที่แตกต่างกัน สมมติเอาหยาบๆ รัฐราชการกลุ่มหนึ่ง ระบบทักษิณ ประชานิยมกลุ่มหนึ่ง กับประชาธิปัตย์เสรีประชาธิปัตย์อีกกลุ่ม ผลการเลือกตั้งออกมาก็จะรู้ว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางไหนเท่าไหร่ ตรงนั้นถ้ามีความเด็ดขาดก็จบ ถ้ามีความไม่เด็ดขาดก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมาเจรจาว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใครกับใคร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะยึดแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นหลัก”

คำพูดข้างต้นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นการเปิดเผยท่าทีทางการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งการแสดงท่าทีถึงแนวโน้มในการ “จับขั้ว” หลังการเลือกตั้งว่าจะมีความเป็นไปได้ว่าจะไปทางไหน และคำพูดดังกล่าวยังแสดงให้เห็นอีกว่าเขาจะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อ “เป็นตัวแปร” ทางการเมือง อยู่ในขั้วที่ 3 ตรงกลางระหว่างขั้วพรรคเพื่อไทย ของ นายทักษิณ ชินวัตร และขั้วหรือกลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ในการคาดหมายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มองแนวโน้มไม่ได้ต่างกัน นั่นคือ เชื่อว่า แนวโน้มคงไม่มีพรรคการเมืองไหนชนะการเลือกตั้งได้เสียงเด็ดขาด แม้ว่าจะยอมรับความจริงโดยให้น้ำหนักกับพรรคเพื่อไทย ว่า ยังมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากมีฐานเสียงในพื้นที่ใหญ่ คือ ภาคเหนือและภาคอีสาน

ขณะเดียวกัน ความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คือ เขาและพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในขั้ว “ตัวแปร” นั่นคือ อยู่ตรงกลางระหว่างขั้วที่ 1 คือ ขั้วของพรรคเพื่อไทย และขั้วที่ 2 คือ พรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ดี เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแต่ละขั้วมีพรรคไหนบ้าง เช่น ขั้วพรรคเพื่อไทยในตอนนี้ที่เห็นชัดเจนก็มีพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นแนวร่วม ส่วนจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่หรือได้กี่เสียงค่อยมาว่ากัน อีกขั้วก็มีพรรคพลังประชารัฐ (บวกกลุ่มสามมิตร) และพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.และอดีตเลขาฯประชาธิปัตย์เป็นแกนหลัก และยังรวมเอาพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กอีกบางพรรคที่ได้มีการตกลงกันอย่างหลวมๆ ไว้ล่วงหน้าเช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และ พรรคพลังชล เป็นต้น

เมื่อพิจารณากันถึงความเป็นไปได้มันก็น่าจะเป็นไปตามนี้ และแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างที่หลายคนคาดการณ์กันไปในทางเดียวกัน รวมไปถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แสดงท่าทีล่าสุดก็ยังยอมรับถึงแนวโน้มการเมืองหลังการเลือกตั้ง นั่นคือ ยังยกให้พรรคเพื่อไทยที่มีฐานเสียงแข็งที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะชนะได้เสียงเด็ดขาดและต้องเป็นรัฐบาลผสมนั่นเอง

ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญว่าแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน ฟังคำพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เสนอเงื่อนไขเดียวว่า “ต้องนำแนวทางของพรรคไปแก้ปัญหาของประเทศ” หากไม่ได้รับการตอบสนองก็ยินดีเป็นฝ่ายค้าน พูดแบบนี้มันก็เหมือนกับว่าพร้อมสวิงได้ทุกขั้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วย่อมไปทางขั้วที่สองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่า และที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เคยพูดละไว้แบบเข้าใจกันดีมาแล้ว ขณะเดียวกัน การเป็นรัฐบาลผสมมันก็ต้องนำนโยบายของแต่ละพรรคมาต่อรองยำรวมกันอยู่แล้ว

ดังนั้น หากให้สรุปกันล่วงหน้าแบบที่ไม่ต้องรออะไรก็ต้องบอกว่าท่าทีล่าสุดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำหนดเกมสามก๊กขึ้น โดยนำพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลผสมคราวหน้า และแม้จะยอมรับในทีว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะชนะเลือกตั้ง แต่ไม่เด็ดขาดก็ต้องเป็นรัฐบาลผสมแต่คำถามถ้าให้เดาจากคำพูดที่แสดงออกมามันก็ส่งสัญญาณชัดแล้วว่าไม่น่าจะไปทางเพื่อไทยค่อนข้างแน่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น