เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นตอนทางเอกสารที่ทางการอังกฤษต้องการให้ทางการไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศยืนยันในหนังสือส่งตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 5 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบจากโครงการรับจำนำข้าวแล้วหลบหนีไปที่นั่น
และแม้ว่าตามความเป็นจริงแล้วยังไม่เคยเห็นว่าทางการอังกฤษจะส่งตัวอาชญากรที่มีรูปแบบเป็นนักการเมืองไปดำเนินคดีในประเทษต้นทาง ยิ่งประเทศไทยในเวลานี้มีสถานะเป็น “รัฐบาลเผด็จการ” เต็มขั้นแบบนี้ยิ่งแทบมองไม่เห็นทาง ซึ่งแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังรู้ว่า “มันยาก” เพราะแต่ละประเทศก็ต้องมีกฎหมายของเขา เหมือนกับประเทศไทยที่มีการขอต้วมาเราก็ต้องพิจารณาตามขั้นตอน สรุปก็คือเป็นไปไม่ได้เลยก็แล้วกันสำหรับคำขอของรัฐบาลที่มีสถานะเป็นเผด็จการในปัจจุบัน
แต่ถึงอย่างไรตาม รายงานข่าวก็ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็กลัวขึ้นสมอง เก็บกระเป๋าเผ่นไปดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปกบดานอยู่กับ “พี่ชาย” คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว
จะว่าไปแล้วสิ่งที่ทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้เป็นก็แบบนี้แหละ ต้องการขู่ให้หยุดการ “ดี๊ด๊า” ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่เฉยๆ บ้าง ไม่ใช่เที่ยวเดินฉุยฉายพาพวกอดีต ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย เที่ยวเดินเฮฮาปาร์ตี้ แล้วโพสต์ลงโซเชียลฯ เยาะเย้ย แม้ว่าจะว่าไปแล้วในปีนี้บรรยากาศจะเบากว่าทุกปี แต่ก็นั่นแหละเมื่อยังมีการเคลื่อนไหวให้เห็นก็ต้องกำราบลงบ้าง และก็ได้ผลทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร ต้องเผ่นกระเจิง
ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาเชื่อมโยงกับบรรยากาศในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ก็ต้องพูดความจริงกันว่า ทุกอย่าง “ยังอึมครึม” ค่อนไปทางเงียบๆ เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยงวันเกิดครบ 69 ปีของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยังไม่มีความชัดเจนออกมาโดยเฉพาะตำแหน่ง “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” คนใหม่
สำหรับคอการเมืองสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศดังกล่าวว่ายัง “ไม่เคาะ” ออกมาหรือยังไม่มีการส่งสัญญาณออกมาให้เห็นว่าสนับสนุนใครขึ้นมาเป็น “หุ่นเชิด” คนใหม่
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นไปได้ทางการเมือง มันก็พอเข้าใจได้ว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงดูห่อเหี่ยวไม่คึกคักเหมือนเดิม เพราะเขามองออกว่า “มันไม่คุ้ม” อย่างที่รับรู้กันว่า เขาเป็นนักลงทุน นักเก็งกำไร ทั้งทางการเมืองและในทางธุรกิจก็ไม่ต่างกัน ยิ่งเป็น “นักธุรกิจการเมือง” ก็ยิ่งชัดเจน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกลไกทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่มีบทเฉพาะกาลในเรื่องให้มีการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกจำนวน 250 คน หรือกฎหมายพรรคการเมืองที่เปิดทางให้มีพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น ไม่มีทางพรรคพรรคการเมืองใดจะชนะได้เสียงเด็ดขาดพรรคเดียว นั่นคือ หลังรัฐบาลหลังการเลือกตั้งต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน
ขณะเดียวกัน ยังรับรู้กันอีกว่ากระแสของพรรคเพื่อไทยยังแรง แม้ว่าจะลดลงกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังเชื่อว่าจะชนะเลือกตั้งมามากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมีเสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ หรือจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ที่บรรยากาศล่าสุดแล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ และความเป็นไปได้ก็คือพรรคประชาธิปัตย์น่าจะโน้มเอียงไปทางหนุนกล่มที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะเป็นไปได้มากกว่า
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ฟันธงไว้ล่วงหน้าแล้วว่าพรรคเพื่อไทยต้องเป็นฝ่ายค้านแน่นอน และคำว่า “ฝ่ายค้าน” นี่แหละมันทำให้สยองในหัวใจของ ทักษิณ ชินวัตร และที่สำคัญคู่ต่อสู้ของเขา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังแรงไม่ตกเสียด้วย นี่แหละมันถึงต้องคิดหนักไม่อยากลงทุน เพราะมันไม่ได้กำไร มีแต่ขาดทุนเข้าเนื้อบักโกรกไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ดังนั้น เมื่อประเมินตามสถานการณ์และความเป็นไปได้แล้ว เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เห็นของ ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังเชื่อว่ายิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้ง “เลือดจะต้องไหล” ออกมาอีก ขณะเดียวกัน ยังเชิ่อว่า ทักษิณ น่าจะกบดานรอท่าทีใหม่ไปอย่างน้อย 5 ปี รอให้ช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ของ คสช.ผ่านพ้นไปก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่!!
