เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่า ในช่วงสองสามวันนี้ สำหรับคอการเมืองคงต้องสนใจอยู่กับสองสามเรื่องหลักๆเป็นแน่แท้ เรื่องแรกก็น่าจะเป็นเรื่องที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำทีมไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) และลงพื้นที่ตรวจราชการระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคม ที่จังหวัดอำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี และเป็นที่น่าจับตาว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง จะส่งผลทางการเมืองอะไรตามมาให้เห็นบ้าง
ส่วนอีกเรื่องที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน ก็คือ ในช่วงวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ตรงกับวันครบรอบวันเกิด นายทักษิณ ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้ จะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่เวลานี้มีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี” หนีหมายจับยาวเป็นหางว่าว ในปีนี้เขาจะมีอายุครบ 69 ปี และแม้ว่าจะมีสถานะเป็นพวกนักโทษหนีคดีแต่ด้วยความรวย ยังทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยยังรักศรัทธา ยังมีข้าราชการระดับสูงต้องยืนค้อมตัวกุมเป้าติดตามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะมีเพียงประเทศไทยที่เดียวก็ได้ในโลกนี้
แต่ถึงอย่างไรด้วยข้อกำหนดทางกฎหมายยังสามารถบังคับไม่ให้ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาประเทศไทยได้ หากไม่ยอมถูกดำเนินคดี แต่ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธคสามจริงไม่ได้เช่นเดียวกันว่าทุกความเคลื่อนไหวของเขายังน่าสนใจอยู่ เหมือนกับปีนี้ ที่ตามรายงานข่าวบอกว่าเขาจะจัดงานวันเกิดครบรอบ 69 ปี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ที่มีสถานะไม่ต่างกัน คือ นักโทษหนีคดีและแม้ว่าบรรยากาศแบบนี้จะไม่ค่อยแตกต่างกันทุกปี นั่นคือ จะต้องมีบรรดา “ลูกน้อง” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หอบหิ้วกันไปแสดงตัวอวยพร
แต่สำหรับปีนี้น่าสนใจ ก็คือ จะมีอดีต ส.ส.เดินทางไปอังกฤษกี่คน ระดับคนสำคัญยังไปกันครบหรือไม่ หรืออีกด้านหนึ่งในปีนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะพูดว่าอย่างไรบ้าง “ท่อน้ำเลี้ยง” จะเดินเครื่องลื่นไหลเหมือนเดิมหรือไม่ จะ “สู้” หรือว่า “ประคองตัว” รอเวลาไปก่อน ทุกคำพูดล้วนน่าจับตาทั้งสิ้น
แน่นอนว่า สำหรับคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องก็ย่อมมองออกว่า ในช่วงปีนี้ถือว่าย่อมไม่สวยหรูในรอบหลายปีของ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขา เมื่อต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ยิ่งนานยิ่งแข็งแกร่ง กลายเป็นว่า สถานะความเป็น “เผด็จการ” กลับไม่อาจ “สร้างเงื่อนไข” กดดันได้เลย ไม่ว่าจากทั้งภายในประเทศหรือว่าในระดับนานาชาติ ทุกอย่างเวลานี้พลิกกลับเป็นตรงกันข้าม ถนนทุกสายกำล้งวิ่งเข้าหาพวกเขา
ใครจะนึกว่าภายในพรรคเพื่อไทยเวลานี้กำลังอยู่ในสภาวะ “ไม่แน่นอน” ว่าจะมี “เลือดไหล” ออกไปอีกกี่มากน้อย หรือใครจะนึกว่าพวกแกนนำคนเสื้อแดงจะแฉจะด่ากันเละแบบนี้ และด้วยเหตุแบบนี้แหละที่ทำให้ชาวบ้านได้รับรู้สภาพความเป็นจริงภายในจะได้รับรู้ถึงธาตุแท้ของพวกที่อ้างว่าพวก “ฝ่ายประชาธิปไตย” นี่มันเป็นแบบนี้
อย่างไรก็ดี หากจะโฟกัสไปที่ ทักษิณ ชินวัตร แบบเน้นๆ ก็ยังต้องบอกว่า “น่าสนใจ” อยู่ดีว่าในช่วงงานเลี้ยงวันเกิดของเขาในปีนี้ว่าจะประกาศท่าทีอย่างไร อย่างน้อยก็พวกอดีต ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย และบรรดาข้าราชการอีกไม่น้อยก็อยากรอฟังว่าเขาจะ “สู้” หรือว่าให้ “ประคองตัว” รอสถานการณ์ใหม่จะได้ปรับตัวได้ทัน
แน่นอนว่า หากสู้ “กระสุน” ก็ต้องปล่อยมาเต็มแม็ก แต่หากให้ประคองสถานการณ์ในความหมายอย่างหลังก็คือโยนผ้า “ถอย” ซึ่งหากให้ประเมินก็น่าจะออกอย่างหลัง เพียงแต่ว่าจะไม่มีทางพูดออกมาตรงๆ เด็ดขาด เพราะยิ่งแสดงท่าทีชัดเจนแบบนั้นก็จะยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ต้องพิสูจน์ให้เข้าใจ ก็คือ “กระสุน” เท่านั้น หากไม่ปล่อยออกมาหรือไม่เต็มที่มันก็จบเห่ เพราะเวลานี้ฝ่ายตรงข้ามกำลังรุกหนักแบบไม่ยั้ง ซึ่งก็ใช้ยุทธวิธีแบบที่เคยทำกับคนอื่นเมื่อตอนตั้งพรรคไทยรักไทยนั่นแหละ
ขณะเดียวกัน สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ก็พอเข้าใจได้ และยิ่งพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ส่วนตัวที่เป็น “นักธุรกิจการเมือง” แล้วก็ย่อมมองออกว่าตราบใดก็ตามที่ “ลงทุนแล้วไม่คุ้มค่า” หรือขาดทุนคนอย่างเขาก็คงไม่ทุ่มเท ในทางการเมืองก็ไม่ต่างกัน เพราะหากพิจารณาจากฝ่ายตรงข้ามที่เจาะจงเฉพาะไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เวลานี้ยังไม่อ่อนแรงลงมาเลย อีกทั้งกลไกทางกฎหมายยังเอื้อประโยชน์ให้ทุกอย่าง หากดึงดันสู้ก็เหนื่อยเปล่า!!
