เมืองไทย 360 องศา
หากไม่นับพวกแกนนำที่จังหวัดสกลนคร ที่แยกตัวออกไปตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว รายของ “แรมโบ้อีสาน” นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือตัวหลักอย่าง นายสุพล ฟองงาม อดีตหัวหน้ากลุ่ม “แดงชักธงรบ” ที่เคยเป็นถึงอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยมาแล้ว รวมไปถึงเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ส่งสัญญาณย้ายพรรคชิ่งหนีพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจนแล้ว
เชื่อว่า ยังมีหลายคนกำลังทยอยตามออกมา โดยเฉพาะพวกที่เป็นระดับ “บิ๊กเนม” ที่มีพลังในตัวเอง ส่วนอีกบางคนที่กำลังส่งเสียงโวยวายอยู่ในเวลานี้เชื่อว่าไม่ได้อยู่ในเป้าหมายให้ “ดูด” เพราะถูกมองว่า “ไม่มีราคาพอ” ไม่ใช่ประเภท “ดาวฤกษ์” ที่มีแสงในตัวเอง
หากสังเกตให้จะเห็นว่าในระดับแกนนำคนเสื้อแดงที่เปิดตัว เปิดชื่อออกมาดังกล่าวข้างต้นล้วนเข้าข่ายแบบที่ว่าทั้งสิ้น ในพื้นที่ย่อมถือว่า “พอตัว” สามารถนำไปต่อยอดได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากคำพูดของ นายเทพพนม นามลี แกนนำคนเสื้อแดงสุรินทร์ ที่เพิ่งออกมาตอบโต้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำอีกคนที่กล่าวหาว่าเป็นพวก “แดงเทียม” ว่า คนอย่าง นายณัฐวุฒิ ที่ปากมักอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตยนั้น เคยเลือกตั้งเข้าไปเป็นแกนนำบ้างหรือไม่ มีแต่แต่งตั้งตัวเอง รวมไปถึงคนข้างกายก็ล้วนมีการใช้เส้นสาย ผิดกับตัวเขา (นายเทพพนม) ที่ผ่านการเลือกตั้งจากคนเสื้อแดงในสุรินทร์ถึงกว่า 2 หมื่นคน
เอาเป็นว่านี่ภาพของการโต้เถียงกันระหว่างพวก “ลูกน้อง” ด้วยกันเอง และเมื่อถึงทางแยกก็ต้องทางใครทางมัน โดย นายเทพพนม นามลี ยืนยันว่า แม้เขาจะยังรัก ทักษิณ ชินวัตร แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป “ต้องทำมาหากิน” และจากคำพูดดังกล่าวสามารถมองได่หลายแง่หลายมุม
อย่างแรกตามที่เข้าใจกันดี ก็คือ ที่ผ่านมา “ท่อตัน” ในความหมาย “กระสุน” ไม่มีเลยนานหลายเดือนแล้ว หรือมีก็แบบกระปริบกระปรอย ไม่พอยาไส้ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาในมุมของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “นักธุรกิจการเมือง” เป็นนักลงทุนที่แสวงหากำไร แต่ตราบใดที่มองเห็นว่าลงทุนแล้วยังไม่เห็นอนาคต ก็คงไม่มีทางไปทุ่มเทแบบหลับหูหลับตา
พิจารณาในอนาคตทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ยังลูกผีลูกคน ยังไม่รู้ว่าจะจิ้มให้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หรือคนที่เคยออกหน้าอาสา เช่น คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาถึงตอนนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น “ฝ่อ” หายเงียบไปเฉยๆ ซะงั้น ขณะที่ตัว ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวต่างโดนคดีสำคัญ มีหมายจับเพิ่มเติมเข้ามาจนนับแทบไม่ไหว ไม่มีทางกลับเข้าสู่วงโคจรการเมืองได้โดยตรงอีกแล้ว อีกทั้งจะใช้ทางลัดแบบที่เคยพยายามทำเช่น ขอนิรโทษกรรมความผิดก็กลายเป็น “สัญลักษณ์ต้องห้าม” ไปแล้ว
ดังนั้น สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัว เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำได้ ก็คือ เดินสายวนเวียนไปโน่นมานี่ และเชื่อว่า ในช่วงวันเกิดของเขาในปลายเดือนนี้ ก็คงมีการ “สร้างกระแส” อะไรบางอย่างตามสูตร แต่ก็ทำได้แค่ชิงพื้นที่ข่าวรายวัน แต่ไม่มีสาระที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอะไรได้
วกมาที่แกนนำคนเสื้อแดงที่จับใจความจากคำพูดของแกนนำเสื้อแดงสุรินทร์ ที่ย้ำชีวิตต้องเดินต่อและต้องทำมาหากิน มันก็มีความหมายในคำพูดอยู่แล้วความหมายที่ว่า “นายใหม่” ดูแลดีกว่า และยังเชื่อว่ามีหลักประกันในทางอำนาจรัฐได้ดีกว่า แน่นอนว่า ปากที่บอกว่ายังรักทักษิณ นั้นก็เพียงพูดเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนเท่านั้น แต่ใจจริงแล้วนั้นล่องลอยไปไกลแล้ว
ดังนั้น หากพิจารณากันแบบเรียลไทม์แบบปัจจุบันทันด่วน ก็ต้องบอกว่าเวลานี้แกนนำเสื้อแดงแตกกันเละ ทุกคนกำลังมองหา “นายใหม่” ที่มีพลังไม่ต่างหรือมากกว่า ทักษิณ ชินวัตร มีอนาคตที่มั่นคงกว่า และที่เห็นเป็นข่าวแค่น้ำจิ้ม เพราะในเงามืดมีเสียงยืนยันว่ามีไหลออกมาเป็นพรวน ส่วนจะไปทางไหนคงไม่ต้องบอก ถ้าคอการเมืองจริงคงต้องรู้กันอยู่แล้ว!!
