xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ลั่นเป็น รบ.ไม่นำพาชาติเป็นฝ่ายค้านดีกว่า เชื่อโซเชียลฯ มีผลการเมืองกว่าพลังดูด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.ชี้การเมืองเข้าสู่ลักษณะ “สามก๊ก” ลั่น ปชป.ยึดแนวทางแก้ปัญหาประเทศเป็นหลัก ลั่นเป็น รบ.แล้วไม่นำพาประเทศเป็นฝ่ายค้านดีกว่า ไม่ใช่เป็น รบ.ขอมีตำแหน่งพอ เชื่อโซเชียลฯ มีผลการเมืองมากกว่าพลังดูด ชี้ พท.ยังได้เปรียบฐานเสียงแน่น แต่พร้อมสู้

วันนี้ (6 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนจำนวนไม่น้อยในสังคมมีความกังวลกับปัญหาว่าระบอบทักษิณาจะกลับมาหรือไม่ พรรคการเมืองไหนบ้างเป็นแนว ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็มีการพูดว่า เอา คสช. หรือไม่เอา คสช.เหมือนกัน ในมุมที่ว่า คสช.หลังจากเข้ามายึดอำนาจตอนแรกเหมือนกับจะเป็นกรรมการ แต่ตอนหลังก็แสดงตัวค่อนข้างชัดว่าจะเป็นผู้เล่นด้วย จึงเกิดกระแสว่าจะยอมรับแนวทางของ คสช.ที่จะสืบทอดอำนาจหรือไม่ ส่วนประชาธิปัตย์หรือไม่ประชาธิปัตย์เป็นเรื่องตัวเลขมากกว่า ในการจะเอาชนะกัน

นายอภิสิทธิ์มองว่า ลักษณะการเมืองขณะนี้เหมือน “สามก๊ก” มากกว่า คือ 1. พรรคการเมืองที่อิงอยู่กับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือมีแนวทางคล้ายคลึงกับนายทักษิณ 2. พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาหรือแสดงท่าที่ว่าพร้อมจะสนับสนุนผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือผู้มีอำนาจใน คสช. ไม่วาจะเป็นพรรคประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และ3.ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และยืนยันที่จะต่อสู้อยู่ ขณะเดียวกัน แนวทางของ คสช.หรือรัฐบาลปัจจุบันหลายอย่างก็ไม่สอดคล้องกับแนวคิดของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะแนวคิดเบื้องหลังการบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน ที่เน้นการรวมศูนย์ และเน้นแนวคิดแบบราชการเป็นตัวกำหนดนโยบาย แต่ประชาธิปัตย์เสนอแนวทางที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ต่างจากทั้ง พรรคเพื่อไทยและ คสช. ส่วนหลังเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคนมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์

“การตัดสินใจของประชาชนมีความหมาย เมื่อประชาชนได้มีโอกาสรับทราบแนวทางที่แตกต่างกัน สมมติเอาหยาบๆ รัฐราชการกลุ่มหนึ่ง ระบบทักษิณ ประชานิยมกลุ่มหนึ่ง กับประชาธิปัตย์เสรีประชาธิปัตย์อีกกลุ่ม ผลการเลือกตั้งออกมาก็จะรู้ว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางไหนเท่าไหร่ ตรงนั้นถ้ามีความเด็ดขาดก็จบ ถ้ามีความไม่เด็ดขาดก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมาเจรจาว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใครกับใคร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะยึดแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นหลัก”

เมื่อถามว่า ถ้านโยบายไปด้วยกันได้แสดงว่าก็ร่วมงานกันได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เห็นประโยชน์ของการที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปเป็นรัฐบาลกับใคร หากแนวทางที่พรรคนำเสนอต่อประชาชนไม่ได้รับการปฏิบัติ หรือนำไปใช้ ตนว่าประชาธิปัตย์ก็ควรจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่อยากเป็น แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างการไปเป็นรัฐบาล แล้วบ้านเมืองไม่ได้ไปในแนวทางประชาธิปัตย์ นั่นไม่ใช่อุดมการณ์ของพรรค ทั้งนี้ขณะนี้อย่าไปวิตกกังวลว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเราไม่ทราบตัวเลข เมื่อทราบตัวเลขค่อยมาดูอีกทีว่ามีวิธีการแก้ปัญหาที่ไปทางไหนไม่ได้อย่างไร

“สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยัน คือ ประชาธิปัตย์ต้องการที่จะให้การเมืองเป็นเรื่องของอุดมการณ์ เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาของประเทศแบบระยะยาว ยั่งยืน ถ้าทุกพรรคคิดแต่เพียงว่าต้องไปเป็นรัฐบาล ผมคิดว่าก็ทำให้การเมืองกลับไปเรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของอำนาจ โดยเฉพาะการไปเป็นรัฐบาลไม่ต้องคำนึงเลยว่านโยบายจะเป็นอย่างไร ขอให้ฉันมีตำแหน่ง ผมว่าเราควรมาช่วยกันทำให้การเมืองหลุดพ้นจากตรงนั้น”นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่าคิดว่าอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือโซเชียลมีเดีย กับพลังดูด ที่จะดึงเอาคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่มาดู นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากที่ประเมินหลายประเทศ ถ้าการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมโชเชียลมีเดียจะเป็นตัวเปลี่ยนมากที่สุด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการดูดไม่มีความหมาย เพราะการเมืองที่ยังยึดกับตัวบุคคล กับผลประโยชน์ การย้ายพรรค การนับตัวเลข ส.ส.คงมีผลอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งที่ออกแบบมาว่าทุกคะแนนเอาไปใช้คำนวณ ส.ส. ทั้งนี้ ตนมองว่าการเมืองในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเขาจะได้อะไรจากากรเมืองมากกว่าการเลือกไปแล้วจะมีผลอย่างไรกับใคร และโซเซียลมีเดีย เป็นแหล่งข้อมูลมากที่สุด ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจะเร่งทำความเข้าใจเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรี บริสุทธิ์ เที่ยงธรรมให้ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณระบุว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้คะนนถล่มทลายเหมือนหิมะถล่มว่า พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสถานะของพรรคที่มีความได้เปรียบ เพราะมีฐานะเสียงค่อนข้างที่แน่นในพื้นที่ซึ่งใหญ่ที่สุด คือ ภาคเหนือ ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าพอเปลี่ยนปลงรัฐบาลมาโดยการรัฐประหารก็ทำให้เศรษฐกิจแย่ลง และเรื่องความพร้อมทั้งเงิน ทองมีอยู่แล้ว ฉะนั้นนายทักษิณก็มีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะคุย และอยากจะคุย แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าประชาชนพร้อมที่จะเสี่ยงกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากปัญหาเดิมๆ บ้านเมืองก็จะกลับมาอยู่ในภาวะที่เป็นแบบนี้อีก ในทางกลับกันจะเห็นว่ามีหลายพรรคที่แสดงตัวชัดว่าจะเป็นรัฐบาล ก็แสดงให้เห็นว่ามีพรรคการเมืองจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าจะชนะ จะได้อำนาจ จะเป็นรัฐบาล จะสามารถดึงให้นักการเมืองคนอื่นไปร่วมกับตัวเองได้ เพราะมีความหวังว่าจะมีตำแหนง

“สำหรับประชาธิปัตย์ตอนนี้อยากจะให้คนที่จะอยู่กับพรรคคิดเรื่องทิศทางประเทศ ให้ตกผลึกร่วมกันว่าเราจะพาประเทศไปทางไหนในทางแนวทางที่นำเสนอเป็นหลักหากได้เป็นรัฐบาล และเราก็หวังว่าจะเป็นรัฐบาลและจะสู้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าแนวทางนี้ประชาชนไม่สนับสนุน เราทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่เราพึงจะยอมรับ ผมอยากให้เราเป็นแบบอย่างของพรรคการเมืองว่าการเมืองต้องไปแบบนี้ นายทักษิณก็พยายามจะบอกว่า ฉันมีคะแนนเยอะ ฉันต้องได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นอย่าไปไหน ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่าได้เป็นรัฐบาลแน่ มาอยู่กับเราเถอะ ผมจึงบอกว่าดูก็แล้วกัน มันจะกลับมาเป็นประชาธิปัตย์กับไม่เอาประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะประชาธิปัตย์ไม่เอาเกมนั้น ดังนั้นขอให้ประชาชนดูเอาว่าถ้านักการเมืองจะไปมีอำนาจต้องคิดให้ดี ไม่พูดถึงแนวทาง ไม่พูดถึงอุดมการณ์มันน่ากลัว” นายอภิสิทธิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น