ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มาตามนัด ต้องตามปฏิทิน เดาสคริปต์กันออกตั้งแต่เทียนวันคล้ายวันเกิดจะถูกเป่าเสียอีกว่า “นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะต้องพูดอะไร โดยเฉพาะช่วงจังหวะนี้ นอกจากกัดทหารแล้ว ยังต้องเลื้อยไปถึงเรื่องเลือกตั้ง ที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า
เพราะเห็น “ออเดิร์ฟ”เรียกน้ำย่อยกันมาตั้งแต่วันคล้ายวันเกิด “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้น้อง ที่ฟาดงวงฟาดงา เรื่องที่ลิ่วล้อภายในพรรคถูก “พลังดูด”โดย “กลุ่มสามมิตร”ภายใต้อดีตคนรักเก่า “3ส.” สมศักดิ์ เทพสุทิน - สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ - สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ไม่ผิดที่ “นายใหญ่”ยังแสดงความมั่นใจว่า จะชนะแบบแลนด์สไลด์ เพราะแต่ไหนแต่ไรก็ว่าตามบทนี้มาโดยตลอด ในฐานะที่ผูกขาดชัยชนะการเลือกตั้งมาตลอดในช่วงสิบปีเศษมานี้ ขณะที่ความนิยมภายในประเทศ “เพื่อไทย”ก็ยังเป็นตัวเต็ง ที่จะได้ผลการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1
แต่ถึงขั้นจะ “แลนด์สไลด์”เหมือนเมื่อหลายปีก่อน ในทางทฤษฎีนี่ เกือบๆ จะเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะตามกติกาฉบับใหม่ ในรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดกรอบเพดาน ส.ส. ของพวกพรรคใหญ่เอาไว้ แล้วไปเอื้อให้กับพรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กกันเสียเยอะ
ประเภทที่ว่า จะชนะขาดแบบพรรคเดียว ก่อตั้งรัฐบาลได้ เห็นจะมีหนทางเดียวคือ “เพื่อไทย”จะต้องได้ ส.ส.แทบจะทุกเขต ซึ่งไม่ใช่ไม่มีทาง แต่ต้องบอกว่า เป็นไปได้ยากมากในทางปฏิบัติ แค่ตัดภาคใต้ของ “ประชาธิปัตย์” ออกไป ปริมาณ ส.ส. ก็หายไปเพียบ
ขณะที่ “พลังดูด”ของ “กลุ่มสามมิตร”ก็เดินเครื่องราวกับ "เครื่องสูบน้ำท่อซิ่ง" ที่ส่งไปช่วยทีมหมูป่า ที่ ถ้ำหลวง เชียงราย แถมมีเชื้อเพลิงไม่จำกัด กวาดต้อนอดีต ส.ส. ภายใต้ปีกของ “นายใหญ่” คนแล้วคนเล่า ล่าสุดที่ว่าแข็งๆ รักกันมานานตั้งแต่สมัยไทยรักไทย อย่าง “สุพล ฟองงาม”นักการเมืองใหญ่อุบลราชธานี ยังเสร็จมาแล้วเลย
หัวเมืองใหญ่ๆ ของเพื่อไทยแตกกระเซ็น เซ่นสายราวกับ “อุปทานหมู่” นครปฐม เลย ที่ว่าไม่น่าจะเปลี่ยนขั้ว ยังพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้ามาแล้วทั้งนั้น ที่เงียบๆ ยังไม่เปิดตัวอีกเท่าไหร่ ตามรายงานว่า นักการเมืองใหญ่ดินแดนลิง จ.ลพบุรี ยังโดนทหารตีเมืองขึ้นไปแล้ว
ก๊กน้อยก๊กใหญ่ หลายคนเตรียมจะย้ายสำมะโนครัวการเมือง หลังไม่มีความแน่นอนว่า ตกลงจะเอาอย่างไร จะสู้ถึงแค่ไหนในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะมาจนบัดนี้ อย่าว่า แต่แคนดิเดต “ผู้นำ” เอาแค่หัวหน้าพรรคยังกัดกันรายวัน ไม่มีท่าจะได้บทสรุป
สถานการณ์ “เพื่อไทย”มีแต่ยุบหนอ แต่ไม่พองหนอ เลือดไหล สมองไหล คนหายมากกว่าคนมาเติม เอาว่า เป็นพรรคอันดับ 1 พอเข้าใจได้ แต่ที่พ่นคำโต “แลนด์สไลด์”จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีแต่คนนินทาหมาดูถูก ว่าเป็นเรื่องมโนทั้งเพ
“นายใหญ่” ไม่มีอะไรนอกจาก “จิตวิทยา”ท่าเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คำก็ชนะ สองคำก็แลนด์สไลด์ แต่มีให้แค่ลมปาก ส่วนการขับเคลื่อน “นิ่งสนิท” เหมือนใบไม้ที่ไม่ไหวติง เวลาที่ไม่มีลมพัด “ท่อน้ำเลี้ยง”ที่บอกจะไหลตั้งแต่เป่าเทียนวันเกิด “ยิ่งลักษณ์” วันนี้ มีอดีต ส.ส.หน้าไหนออกมายืนยันได้ว่า “ไหลแล้ว”บ้าง
บรรดาลิ่วล้อ “ทักษิณ” นับนิ้วได้ประเภทสู้ด้วยใจ ไม่ต้องมีเงิน เพราะการทำพื้นที่ล้วนแต่ต้องใช้ “กระสุนดินดำ”ทั้งนั้น แต่ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจ ตั้งแต่ปี 2557 บัดนี้ “สักหยด”ก็ไม่ไหล
อดีต ส.ส.เอง ก็ควักกระเป๋าตัวเองจนแบนไปหมด ขณะเดียวกัน รายได้จากแหล่งต่างๆ ก็ไม่มี เพราะโดนทหารไล่บี้ ไล่บล็อก เรื่อยไปถึงแย่งสัมปทานไปจัดการเองหมด ได้แต่รอการเลือกตั้ง ซึ่งก็ยังไม่รู้ “นายใหญ่”จะเอาอย่างไร สู้เต็มพิกัด หรือยอมหลบภัยตั้งหลัก เป็นฝ่ายค้านไปพลางๆ ก่อน
“นายใหญ่”รอได้ไม่ใช่ปัญหา แต่พวก ส.ส.ตาสี ตาสา ที่ใช้อาชีพนักการเมืองหล่อเลี้ยง ทนไม่ไหว กระโจนไปอยู่กับคนที่ให้ข้าวให้น้ำชัวร์ๆ ดีกว่า โดยเฉพาะ “กลุ่มสามมิตร”ที่รับรู้กันว่า เป็น “หนังหน้าไฟ”ของท็อปบูต ที่เงินไหลทันที แถมมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างสูง เพราะทิศทางชัดว่า สกัด “เพื่อไทย” ทุกวิถีทาง
คำพูด “นายใหญ่”ในโอกาส 69 กระรัต เลยไม่ค่อยวูบวาบ หวือหวาอะไร อีกอย่าง “ท็อปบูต”ก็ดูจะไม่สนใจ ยักไหล่ไม่ให้ราคาเหมือนแต่ก่อน เพราะมองย้อนกลับมาในประเทศ สถานการณ์วันนี้มันแทบจะอยู่ภายใต้การ “คอนโทรล”เกือบจะทั้งหมด
อดีต ส.ส. นักการเมืองใหญ่ ตบเท้าเข้าสังกัด “พลังประชารัฐ”จากอภินิหารพลังดูดของ “สามมิตร”กันไปเป็นสิบๆ คน คดีความต่างๆ อยู่ในการควบคุมชะตาชีวิต “ท็อปบูต”ไปแล้วหมดสิ้น พวกฮาร์ดคอร์ เคลื่อนไหวมุดรั้วชายแดนหนีตายกันไปเกือบหมด
พรรคพวกท็อปบูต มีแต่มากขึ้น ในขณะที่ “ทักษิณ”มีแต่เห็บกระโดดหนี เรียกว่า ทั้งประเทศท็อปบูต คุมสถานการณ์ได้ในลักษณะว่า “เอาอยู่” แน่นิ่งสนิทเกือบทุกหย่อมหญ้า
“ทักษิณ” ไม่ได้มีราคาถึงขนาดที่ “ท็อปบูต”ต้องเฝ้าระวังแบบใจจดใจจ่อเหมือนแต่ก่อน คนที่เป็น “ฝ่ายรุก” คือท็อปบูต ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการรวบรวมระดมพล ตลอดจนการกำชีวิต “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไว้อยู่ในกำมือ
คนที่ต้องพยายามหาทางต่อรองคือ “ทักษิณ” ขณะที่ “ท็อปบูต” เป็นแค่เพียงคนพิจารณา !
ส่วนที่เหน็บ กัด ว่า หาพรรคการเมืองมาแก้ปัญหาให้ตัวเอง ถึงนาทีนี้ “ท็อปบูต” คงไม่ได้แคร์ หรือมัวกระมิดกระเมี้ยนเหนียมอาย เรื่องใช้วิธีการไหนในการชนะเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมดึง “กลุ่มสามมิตร”มาเป็นพวก และเดินหน้าดูด อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าก๊วนอย่างหน้ามืดตามัว ไม่สนแนวร่วมจะร้องยี้
นั่นเพราะวิธีไหนก็ได้ ขอให้แค่ชนะ จะต้องเอาอดีตลิ่วล้อ “นายใหญ่” ก็ยอม ถ้ามัวเหนียมอาย ห่วงแต่ภาพลักษณ์เรื่องการชนะ“ทักษิณ” คงเป็นแค่ฝัน เพราะมันพิสูจน์มาแล้วหลายต่อหลายปี ว่า ไม่มีทางสำเร็จ ถ้าจะชนะก็ต้องล้างกันด้วยวิธีการเดียวกัน
วันนี้สังเกตอาการคนในรัฐบาล แทบจะไม่ให้ราคาใดๆ “นายใหญ่”เวลาออกมาพูด เพราะเริ่มรู้ว่า ยิ่งไปให้ความสำคัญ เท่ากับยกระดับศัตรูให้ดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ทั้งที่ตัวเองกุมความได้เปรียบในประเทศได้แทบจะทุกอย่าง
นี่รอดูกันได้เลย หลังสิ้นคำพูด “นายใหญ่” ด้วยพะยี่ห้อ “กลุ่มสามมิตร” น่าจะออกมาแสดงท่าทีอะไรเพื่อเป็นการเย้ยหยัน “นายเก่า” อีกคำรบแน่
เพราะความจริงในประเทศวันนี้ มันตรงกันข้ามกับที่ “นายใหญ่”พูด อย่าว่าแต่ “แลนด์สไลด์”เอาแค่หาทางหยุดเลือดที่กำลังไหลอย่างกับน้ำให้ได้ก่อน
หรือที่ “แลนด์สไลด์”ก็คือ อดีต ส.ส.เพื่อไทย กำลังถูกดูดแบบแลนด์สไดล์ ต่างหาก !!!
