ผบ.ทบ.ยันรัฐไม่ใช้อำนาจพิเศษดำเนินการ “ธนาธร-พิชัย” ยอมรับได้การเมืองเคลื่อนไหวในกรอบ-กติกาของกฎหมาย ปัดจับตา ”จตุพร” หลังพ้นคุก พร้อมพบผู้พันฯ ทั่วประเทศก่อนเกษียณ
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ลธ.คสช.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากแต่งตั้งประธาน กกต.และคณะกรรมการ กกต.ว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนเตรียมการเลือกตั้งเพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ในภาพรวมหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ในส่วนของกองทัพจะมีหน้าที่สนับสนุนหากมีการร้องขอ ดังนั้น ถ้ามีความชัดเจนอะไรออกมากองทัพก็พร้อมสนับสนุน ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มการเมืองเริ่มปรากฏขึ้น แต่เท่าที่ดูก็ยังอยู่ในกรอบที่พอรับได้และไม่ละเมิดกฎหมายโดยตรง ดังนั้นตรงนี้ก็ยังมีจุดที่เหมาะสมอยู่เราก็ขอความร่วมมือกัน
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ทาง รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่เราร้องขอไปซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ
เมื่อถามว่าได้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในวันที่ 4 ส.ค. ผบ.ทบ.กล่าวว่า คสช.ไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่บทบาทหน้าที่ของเราต้องพยายามประคับประคองสถานการณ์ความมั่นคงให้อยู่ในความเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องไปจับตากลุ่มใดเป็นพิเศษ ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามเดินไปในกรอบที่จะเกิดการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่าหากมีการละเมิดกฎหมายและกติกาจะเรียกมาพูดคุยหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มี
เมื่อถามอีกว่า การที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์ข้อความทำให้รัฐบาลและคสช.เสียหาย ผบ.ทบ.กล่าวว่า “การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบ หากการวิพากษ์วิจารณ์ผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมายซึ่งเราพยายามบังคับใช้กฎหมายปกติ โดยพยายามไม่ใช้อำนาจของรัฐดำเนินการ ขอย้ำว่าเราไม่ได้ไปคุกคามใคร”
เมื่อถามว่าการแสดงความคิดเห็นต่างทำไมมองว่ากระทบต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการแจ้งความฟ้องร้องเพจของพรรคอนาคตใหม่ที่กล่าวหาถึงการดูด ส.ส. ผบ.ทบ.กล่าวว่า เราไม่ได้หมายความว่าการที่นายธนาธรไปพูดเรื่องดูด ส.ส.แล้วบอกว่าผิด คงไม่ใช่ แต่การที่เอาสิ่งนี้ไปวิจารณ์ลงเฟซบุ๊กในแต่ละครั้ง คสช.มาวิเคราะห์ดูว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการ
เมื่อถามย้ำว่าการวิจารณ์ดังกล่าวกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนไม่ได้หมายความว่าผิดกฎหมายความมั่นคงแต่หมายความว่าผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ตามมาตรา 116 ก็ต้องว่ากันไป
“ผมไม่ได้ไปบอกว่าเขาทำผิดกฎหมายความมั่นคง แต่สิ่งที่เขานำเอาเรื่องเหล่านี้มาโพสต์ลงเฟซบุ๊กและมาขยายความต่อ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายปกติ ไม่ได้บอกว่าผิดกฎหมายความมั่นคง”
เมื่อถามว่ากรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉถึงแผนการล้มรัฐบาลทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนทราบเท่าที่สื่อทราบ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ช่วงนี้การเมืองมีการเคลื่อนไหวในกรอบ ทุกคนมีวิธีคิดและการเสนอที่แตกต่างกันออกไป สังคมจะเป็นผู้พิจารณาเอง
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงการทำงานของศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐครบ 1 ปีว่า มีคดีที่สามารถดำเนินการได้โดยตรงหลายคดี หลายคดีอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ บางกรณีหลักฐานอาจจะไม่เพียงพอ แต่ภาพรวมในการตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้นมาทำให้สังคมในภาพรวม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐตระหนักในบทบาทการทำงานเพิ่มมากขึ้น โดยต้องอยู่ในกรอบ เพราะถือเป็นนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ทั้งนี้เป็นการสร้างการรับรู้ให้สังคมว่าเราต้องเดินอยู่ในกรอบที่เหมาะสมอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลอื่น แต่ไม่ใช่ร้องเรียนมาเท่าไหร่แล้วจะสามารถแก้ไขสมบูรณ์ได้ทั้งหมดคงไม่ใช่
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ในกรณีร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นขั้นตอนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ ในส่วนที่มีการร้องเรียนภายในกองทัพบกก็เน้นย้ำในเรื่องการดำเนินการกรอบต่างๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้กองทัพเป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่ทำมาแล้วคือการสร้างความเข้มแข็ง ให้สำนักจเร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (สจร.กอ.รมน.) มีความเชื่อมโยงสร้างความรู้กับ ป.ป.ท.เพิ่มเติม ส่วนปีนี้ได้เริ่มดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้ สำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก (สตน.ทบ.) กับกรมจเรทหารบก ให้มีศักยภาพมากขึ้น ในปี 2562 ทั้ง 2 กลไกนี้จะกลไกในการตรวจสอบการทำงานของทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ตนจะได้เน้นย้ำเรื่องนี้ให้ผู้บังคับหน่วยระดับผู้บังคับกองพันผู้บังคับการกรมทั่วประเทศ ให้เข้าใจในแนวทางที่จะต้องดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องการบังคับบัญชา เรื่องการบริหารหน่วยให้มีความโปร่งใส ให้ได้การยอมรับ ถ้ามีปัญหาจุดใดก็ตาม ตนก็จะส่งเครื่องมือของ ทบ. คือ สตน.ทบ. และกรมจเรทหารบก ลงไปดู สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจว่าการทำงานในอนาคตต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องการปกครองบังคับบัญชา โดยเฉพาะการใกล้ชิดผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงการฝึกศึกษาเรียนรู้และการพัฒนาคน และการจัดกำลังพลในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2562 ว่าต้องมีการจัดเตรียมเรื่องใดบ้าง และการสนองโครงการจิตอาสา ซึ่งเป็นพระราโชบาย ให้เข้าไปสนับสนุนในแต่ละพื้นที่เกิดมรรคผลเป็นรูปธรรม
“วันนี้ถือเป็นการประชุม นขต.ทบ.วาระพิเศษของผมก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ ผมก็พยายามที่จะถ่ายทอดในช่วงสุดท้ายของชีวิตราชการให้ ผบ.หน่วยได้ฟัง โดยให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเป็นผู้บังคับหน่วยที่ดีของกองทัพบกกับสถานการณ์ในอนาคต และจะสอดแทรกสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ในช่วง 38 ปีที่ผมได้รับราชการมา เป็นทั้งผู้พันฯ ผู้การฯ ผบ.พล ผบ.นสศ. ว่าผมทำอย่างไร เพื่อให้นำไปเป็นข้อคิดต่อไป” ผบ.ทบ.ระบุ