“บิ๊กเจี๊ยบ” พอใจ 2 ปีทดสอบสมรรถภาพกำลังพลแข็งแกร่ง-ตื่นตัว ผู้พันฟิต 100% ถึง 50 นาย จำนวนเพิ่มมากกว่าปีก่อน ชี้ถึงจุดอิ่มตัวส่งไม้ต่อ ผบ.ทบ.ใหม่ปรับวิธีใหม่ “หมอภาคย์” ยังเป๊ะพร้อมชวน “ยิ้มเห็นฟัน” เปลี่ยนวิธีคิดให้โลกสดใส
เมื่อเช้วันนี้ (3 ส.ค.) ที่สนามกีฬากรมยุทธ์ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางเข้าเยี่ยมชมการทดสอบสมรรถภาพร่างกายระดับผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน ประจำปี 2561 โดยมีผู้บังคับกองพันจากทั่วประเทศที่เข้ารับการทดสอบร่างกาย และการทดสอบภาษาอังกฤษ จำนวน 325 นาย เข้าร่วมการทดสอบ ทั้งนี้ มีผู้บังคับกองพันของแต่ละหน่วยได้เดินทางมาดูความเรียบร้อยในการทดสอบของกำลังพลของตนเอง อาทิ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1
สำหรับการทดสอบแบ่งออกเป็นสถานี ประกอบด้วย สถานีดันพื้น 2 นาที สถานีลุกนั่ง 2 นาที และวิ่ง 2 กิโลเมตร ทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 50 ขึ้นไป โดยแบ่งตามช่วงอายุ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสมาร์ทแมนของผู้บัญชาการทหารบกเพื่อให้กำลังพลมีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ตรงตามทหารยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะการทดสอบในระดับผู้บังคับกองพัน จากสถิติ 3 ครั้งที่ผ่านมาถือว่ามีมาตรฐานดีขึ้น พร้อมตื่นตัวในการดูแลสุขภาพ
โดย พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 กองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ในลำดับที่ 259 หมายเลย 316 ทดสอบสถานีดันพื้น ได้ 80 ครั้ง/2 นาที สถานีลุกนั่ง 78 ครั้ง/2 นาที และวิ่งได้ 8.03 น./2 กม. เกณฑ์ผ่าน 100 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า วันนี้เป็นการทดสอบร่างกายของหน่วยระดับกองพัน ถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2561 ทั้งนี้ 2 ปีที่ตนเป็น ผบ.ทบ.มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย จำนวน 4 ครั้ง ผลคะแนนดีขึ้นมาก กำลังพลรักการออกกำลังกาย และสุขภาพดีขึ้นมาก โดยเฉพาะเรื่องความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการทดสอบภาษาอังกฤษผู้บังคับกองพัน ในส่วนผู้บังคับกรมจะทดสอบความรู้ในสายงาน
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า การทดสอบสมรรถภาพทั้ง 4 ครั้งทำให้ผู้บังคับกองพันกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะเป็นโอกาสได้แสดงความแข็งแกร่งและเป็นความภาคภูมิใจในตัวผู้บังคับกองพันที่จะได้เดินขึ้นไปรับรางวัลการทดสอบร่างกายที่ได้คะแนน 100% รวมถึงความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ต่อการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถือเป็นเกียรติประวัติในชีวิต ตนคาดหวังว่าเมื่อกำลังพลแข็งแรงแล้วจะกลับเป็นผู้นำหน่วย นำผู้ใต้บังคับบัญชาออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ และจะเป็นบุคคลที่รักการออกกำลังกายไปตลอดชีวิต
“ดำเนินการในลักษณะนี้จำนวน 4 ครั้งก็ถึงจุดอิ่มตัวในปีหน้าที่เปลี่ยน ผบ.ทบ. อาจจะมีแนวทางที่แตกต่างไปอาจจะมีการส่งชุดไปทดสอบในพื้นที่เพื่อให้ผู้บังคับกองพันได้ทดสอบร่วมกัน หรือรวมกันในระดับกองทัพก็ได้ ทั้งหมดแล้วแต่แนวทางของ ผบ.ทบ.ท่านใหม่ แต่เป้าหมายเพื่อให้กำลังพลของกองทัพมีความแข็งแรง กองทัพบกจะมีความมั่นใจในการใช้กำลัง” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว และว่าในปัจจุบันความกระตือรือร้นของผู้บังคับกองพันเพิ่มมากขึ้นในเรื่องของการออกกำลังกายรวมทั้งกำลังพลในกองทัพ นอกจากเราผลักดันในการทดสอบ ยังต้องจัดหาเครื่องออกกำลังกายไว้ที่หน่วย ต่อไปสภาพร่างกายของกำลังพลจะเป็น Smart Man Smart soldier Smart Army ทหารสิ่งสำคัญสูงสุดคือร่างกายต้องแข็งแรง ส่วนที่จะตามมา คือ ระเบียบวินัยความรู้ คุณธรรม จริยธรรม ส่วนการทดสอบภาษาอังกฤษเป็นเพียงการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการพัฒนา เพราะในอนาคตเราต้องติดต่อประสานกับต่างประเทศ ทั้งการฝึกร่วมผสม เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการพัฒนาของตนเองด้วย
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า การทดสอบร่างกายครั้งนี้มีผู้บังคับหน่วยที่ทดสอบผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 325 นาย และมีผู้ผ่านเกณฑ์ถึง 100% จำนวน 50 นาย จากครั้งที่แล้วผ่านแค่กว่า 32 นาย ถือว่าดีขึ้น สำหรับ พ.ท.นพ.ภาคย์ ผู้บังคับหน่วยแพทย์ทหาร แต่มีทักษะและสมรรถภาพร่างกายเหมือน ผบ.หน่วยกำลังรบนั้น พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า พ.ท.นพ.ภาคย์ เคยรับราชการเป็นทหารรบพิเศษสังกัดกรมรบพิเศษที่ 5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ตอนนั้นตนดำรงตำแหน่ง ผบ.กองพลรบพิเศษที่ 1 เขาก็ฝึกหลักสูตรจู่โจม (ranger) ฝึกจบก็จะไปเรียนมนุษย์กบ (seal) ต่อ
“ผมก็คิดว่าเป็นหมอทำไมชอบมาเรียนหลักสูตรพวกนี้ ตอนนี้เห็นว่าหมอก็ได้ประโยชน์จากการฝึกหลักสูตรพวกนี้เหมือนกัน อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ภารกิจต่างๆ ต้องมีแพทย์เข้าไปร่วม ยังมองว่าเราคิดถูกแล้วที่ให้ไปเรียน เพราะจะได้ไปภารกิจขุนน้ำนางนอน” ผบ.ทบ.กล่าวติดตลก
ด้าน พ.ท.นพ.ภาคย์กล่าวภายหลังเข้ารับการทดสอบร่างกายว่า วันนี้ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อยเพราะเตรียมตัวมาน้อย หลังจากเสร็จภารกิจถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ก็ไม่ได้ออกกำลังกาย เพิ่งจะมาออกกำลังกายได้ช่วง 5 วันที่ผ่านมา แต่ที่ผ่านมาก็ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ทั้งการซิตอัพ วิดพื้น วิ่ง ว่ายน้ำ ดึงข้อ แต่ละครั้งตนจะไม่ได้ทำอย่างหักโหม แต่จะทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนและสื่อมวลชนถ้ามีเวลาก็มาออกกำลังกาย แต่ตนเชื่อว่าทุกคนมีเวลาอยู่แล้ว แค่วิดพื้น 10 ครั้งใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ก็ให้สะสมวันละ 50-100 ครั้ง รับรองว่าภายใน 1-2 สัปดาห์เกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างกายมีความแข็งแรงขึ้นแน่นอน
สำหรับการทดสอบร่างกายในวันนี้ตนมีความพอใจ รวมถึงพี่ๆ และเพื่อนๆ หลายคนผ่านการทดสอบร่างกายคะแนนรวม 100 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละครั้ง แสดงว่านโยบายของ ผบ.ทบ.ยอดเยี่ยม เพราะทำให้ผู้บังคับหน่วยทุกคนมีความแข็งแรงขึ้นชัดเจน
เมื่อถามว่าจะนำนโยบายนี้ไปปรับใช้ที่หน่วยอย่างไร พ.ท.นพ.ภาคย์กล่าวว่า เมื่อผู้บังคับหน่วยทุกคนมีความแข็งแรงก็สามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาดูได้ ทำให้เขามีความเชื่อถือในการดูแลร่างกายมากขึ้น และทำให้กำลังของกองทัพความแข็งแรงและมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะปฏิบัติงานในสภาวะยากลำบากได้ทุกภารกิจ นอกจากนี้ยังมีการทดสอบภาษาอังกฤษด้วยตามมาตรฐาน เพราะผู้บังคับหน่วยจำเป็นต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบภาษาอังกฤษเพราะการสื่อสารกับชาวต่างชาติมีความสำคัญ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงการยิ้มของ พ.ท.นพ.ภาคย์ ที่มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกครั้งว่าทำไมถึงยิ้มเห็นฟันอยู่ตลอด เคยโกรธใครหรือไม่ พ.ท.นพ.ภาคย์กล่าวว่า ตนก็มีความรู้สึกโกรธอยู่เพราะทุกคนมีความโกรธอยู่แล้ว เรายังไม่บรรลุธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังมีความโกรธความเกลียด แต่เราต้องตามอารมณ์ให้ทัน เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากส่งผลกระทบต่อคนอื่นแล้วตัวเองยังได้รับผลกระทบด้วย เพราะสภาวะอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจจะทำให้ร่างกายหลั่งสารบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกายออกมา และที่สำคัญเราจะทำอะไรไม่ได้ดีในช่วงสภาวะอารมณ์ไม่ดี ดังนั้น ควรมีสติและตามอารมณ์ให้ทัน ต้องพยายามใช้ภาษาทางร่างกายให้ยอดเยี่ยม นั่นก็คือการยิ้มเป็นสิ่งหนึ่ง ดังนั้น ขอให้ทุกคนลองยิ้มเห็นฟัน แค่ยิ้มเห็นฟันก็ทำให้สดใส และต้องพยายามพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ก็จะทำให้เราสดใส อีกทั้งจะทำให้คนรอบข้างยิ้มตามไปด้วย และทำให้สังคมมีความสุข ตนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดี เพราะอะไรที่ไม่ดีเราก็ต้องรู้เท่าทัน ไม่ไปใส่อารมณ์และค่อยๆ แก้ไขปัญหา