xs
xsm
sm
md
lg

ถกปฏิรูปตำรวจดันตั้ง ก.ร.ตร.กลไกใหม่แก้ทุกข์ชาวบ้าน-เปิดทางร้องเรียน จนท.ไม่ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน(แฟ้มภาพ)
เผยผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ นัดที่ 18 ตั้ง ก.ร.ตร.กลไกแก้ทุกข์ประชาชน ที่มาจากหลากหลายอาชีพจำนวน 10 คน ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ และเปิดทางให้ชาวบ้านช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมอีกด้วย

วันนี้ (30 มิ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเปิดเผยความคืบหน้าการประชุมที่เกี่ยวกับ ก.ร.ตร.ที่เป็นกลไกใหม่สำหรับแก้ทุกข์ประชาชนดังนี้

Change in action (18)
ก.ร.ตร. - กลไกใหม่แก้ทุกข์ประชาชน

2 ด้านของเหรียญในการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ที่คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ ตั้งธงไว้ตั้งแต่วันประชุมนัดแรก (20 เม.ย.) ก็คือ ด้านหนึ่งแก้ทุกข์ของตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมภายในองค์กร และอีกด้านหนึ่งแก้ทุกข์ของประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการฯได้พิจารณาหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายและการจัดระเบียบราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มกลไกใหม่ “ก.พ.ค.ตร.” หรือ “คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ” ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์ของตำรวจ แทนที่ ก.ตร. เป็นการตอบโจทย์ในด้านแก้ทุกข์ของตำรวจ

ช่วงนี้ คณะกรรมการฯได้มีมติเพิ่มกลไกใหม่ “คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ” หรือ “ก.ร.ตร.” ขึ้นมาอีกหนึ่งเพื่อตอบโจทย์ในด้านแก้ทุกข์ของประชาชน ขณะเดียวกัน ก็ให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาเพื่อให้ตำรวจประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมด้วย

“ในกรณีที่บุคคลใดไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำหรือไม่กระทำการของข้าราชการตำรวจอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือพบเห็นข้าราชการตำรวจประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสมและเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของตำรวจ กระทำผิดวินัย หรือละเมิดประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ ให้มีสิทธิร้องเรียนต่อก.ร.ตร. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก.ร.ตร.กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวต้องไม่มีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นและไม่เป็นการสร้างภาระแก่ประชาชนเกินสมควร”

นี่คือบทบัญญัติมาตราหลักที่กล่าวถึงหน้าที่และอำนาจของ ก.ร.ตร.

ก.ร.ตร.มีองค์ประกอบ 10 คน

1. บุคคลผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมซึ่งได้รับการคัดเลือกจากการประชุมร่วมกันของผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน จำนวน 1 คน

2. อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือเทียบเท่าขึ้นไปซึ่งได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) จำนวน 1 คน

3. อดีตอัยการพิเศษฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไปซึ่งได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) จำนวน 1 คน

4. อดีตข้าราชการตำรวจในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าขึ้นไปซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรทั่วประเทศ จำนวน 3 คน ทั้งนี้ ให้เลือกในคราวเดียวกับการเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่กำหนดไว้แล้วว่าให้ดำเนินการโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

5. ทนายความผู้มีอายุการทำงานไม่น้อยกว่า 20 ปีซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสภาทนายความ จำนวน 1 คน

6. ผู้แทนระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบลซึ่งได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล จำนวน 2 คน โดยอย่างน้อย 1 คน ต้องเป็นสตรี

7. จเรตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ ก.ร.ตร.

คณะกรรมการมีวาระ 4 ปี ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว

ให้คณะกรรมการคัดเลืิอกกรรมการตามข้อ 1-4 คนหนึ่งเป็นประธาน ก.ร.ตร.

กรรมการตามข้อ 1-4 ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา

ให้สำนักงานจเรตำรวจทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการ ช่วยเหลือ และสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ร.ตร.และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ร.ตร.มอบหมาย

กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ก.ร.ตร. และผลหลังจากนั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด เมื่อมีมติแน่นอนแล้วจะได้รายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น