ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ขวัญใจมหาชน!! “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”พ่อเมืองเชียงราย หัวเรือใหญ่แก้วิกฤตถ้ำหลวง กู้ 13 ชีวิตทีมหมูป่า โปรไฟล์เจ๋ง “วิศวกรรมสำรวจขุดเจาะ” เหมาะกับภารกิจอย่างบังเอิญ คุ้ยประวัติ “ตงฉิน”ขวางลำ “ท้องถิ่น”ผลาญงบฯ ทำโดน “รมว.มหาดไทย”ชงเด้งไปจังหวัดเล็ก แต่ขั้นตอนโยกย้ายยังไม่เรียบร้อย เกิดเหตุถ้ำหลวงเสียก่อน ก็เลยได้โชว์ฝีมือจนคนไทยแซ่ซ้อง
เข้าสู่วันที่ 6 .. กับปฏิบัติการช่วยเหลือ "ทีมหมูป่า" นักฟุตบอลเยาวชน พร้อมด้วยโค้ช รวม 13 ชีวิต ที่พลัดหลงติดอยู่ภายใน "ถ้ำหลวง" เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. .. แม้ทีมเจ้าหน้าที่-พลเรือน จะต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ จนทำให้ยังไม่มีข่าวดีอย่างที่หวัง แต่ก็มี “เรื่องดีๆ” ทั้งการได้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจ และการทุ่มเททำงานอย่างหนัก ของ “เหล่าซูเปอร์ฮีโร่” ไม่ว่าจะเป็นหน่วยซีล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ทหาร ตำรวจ ชาวต่างชาติ จิตอาสา และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ที่อยู่ในพื้นที่ .. และยังต้องไม่ลืมกำลังใจดีๆ แง่คิดที่สร้างสรรค์จาก “กองเชียร์” ที่เฝ้าตามสถานการณ์อยู่ห่างๆ ไม่มาป้วนเปี้ยนสร้างปัญหาในพื้นที่ .. คนหนึ่งที่ฉายแสงโดดเด่นเป็นพิเศษ หนีไม่พ้น ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะ “ผู้บัญชาการเหตุการณ์” ของปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า .. ไม่ว่าจะเป็นบทบาท “หัวเรือใหญ่” ในการบูรณาการวางแผน “ภารกิจถ้ำหลวง” อีกทั้งยังใช้ “จิตวิทยา” กระตุ้นปลุกใจทีมงานในยามท้อแท้ ทั้งยังมีทักษะการสื่อสาร รับมือกับ “กองทัพสื่อ” ได้อย่างยอดเยี่ยม ..
ย้อนประวัติ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” ก็ระดับไม่ธรรมดา แบบที่ไล่เรียงกันได้ไม่หมด แต่ที่บังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ก็พื้นฐาน “ด้านวิศวกรรมสำรวจขุดเจาะ” ที่เหมาะเจาะกับหน้าที่ “แม่ทัพใหญ่”ในการวางแผนแก้ไข “วาระแห่งชาติ”ครั้งนี้ .. จากบทบาท ตลอด 5-6 วัน ที่ผ่านมา ทำให้ “ผู้ว่าฯณรงศักดิ์” ได้รับเสียงชื่นชมดังกระหึ่ม ทั้งในโลกความจริง-โลกออนไลน์ .. เสียงชื่นชมยิ่งกระหึ่มขึ้นไปอีก เมื่อมีการขุดประวัติท่านผู้ว่าฯ แล้วพบว่า เป็นคนเดียวกับที่เพิ่งมีข่าวใหญ่ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน .. ที่เคยมีข่าวว่า “ผู้ว่าฯ”ไม่ยอมเซ็นอนุมัติ และสั่งให้ทบทวนโครงการต่างๆ ของ “เทศบาลนครเชียงราย” หลายสิบโครงการ พร้อมคลิปวิพากษ์การใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยราชการในเชียงราย ว่า ตกหล่นรายทาง จนไม่เหลือนำมาพัฒนาพื้นที่ .. มีโครงการสำคัญอย่างการก่อสร้างอนุสาวรีย์ช้างคู่บารมีพญามังราย ที่ริมแม่น้ำกก ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากล และมองว่า ควรนำงบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นๆ ดีกว่า .. แต่เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กลับมีข่าวน่าตกใจ เมื่อ “ผู้ว่าฯณรงศักดิ์”ติดชื่อในโผโยกย้ายให้ไปเป็น “ผู้ว่าฯพะเยา” ที่จะสลับมาแทน .. ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการขวางลำโครงการไม่ชอบมาพากลใน จ.เชียงราย จนถูกเด้งลดชั้นไปอยู่จังหวัดที่เล็กกว่า .. หากแต่ขั้นตอนการโยกย้ายยังไม่เรียบร้อย และมาเกิดวิกฤต “ถ้ำหลวง” จึงได้โชว์ศักยภาพ สมกับการได้รับมอบหมายให้เป็น ”ผู้นำ”ในสถานการณ์สำคัญ .. ไม่รู้ว่าผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว อนาคต “ผู้ว่าฯณรงศักดิ์” จะเป็นไปอย่างไรต่อ แต่การที่มีชื่อขึ้นมาติดตลาดเป็น “ขวัญใจมหาชน”แล้ว .. ก็น่าจะต้องมีคำชี้แจงดีๆ จาก “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงสาเหตุที่ “คนดี-คนเก่ง”แบบนี้ถูกลดชั้นไปอยู่จังหวัดที่เล็กกว่า
** สัญญาอัปยศ (อีกที)!! เปิดเหตุ กทม.ปรับ “บีทีเอส” จิ๊บๆ 1.8 ล้านบาท ทั้งที่ทำผู้โดยสารเดือดร้อนนับแสนราย แถมไม่รีบออกมาตรการเยียวยา ผลพวงจาก “สัญญาอัปยศ”ที่ไม่ได้ระบุ “มาตรการเยียวยา-บทลงโทษ”อะไรไว้เลย สัญญาเก่าอ้างให้สิทธิ “บีทีเอส”ฐานะลงทุนเอง 100% และไร้ “แม่แบบ”การทำสัญญา แม้แต่ฉบับใหม่ ที่ทำสมัย “หม่อมหมู”ก็ยังไม่มี “บทลงโทษ” เข้าข่ายเอื้อเอกชน ละเลยความรับผิดชอบต่อผู้โดยสารชัดๆ
น่าจะทำตั้งนานแล้ว .. ตามคิวที่ทาง อาณัติ อาภาภิรม - สุรพงษ์ เลาหะอัญญา สองบิ๊กแห่ง บีทีเอส ไล่เรียงมาตรการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าขัดข้อง ตามคำแนะนำของ กสทช. มาเป็นฉากๆ .. โดยจะมีการเร่งเปลี่ยนระบบสื่อสาร ย้ายค่ายจากของเดิมไปเป็น “ม็อกซา”สัญญาณไต้หวัน .. พร้อมทั้งการย้ายช่องคลื่นสัญญาณ ย่านความถี่ 2400 MHz เพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นแทรก จากคลื่น 2300 MHz โดย 2 ส่วนนี้ จะเสร็จเรียบร้อยภายในคืนวันนี้ .. อีกทั้งจะมีการติดตั้ง “ระบบกรองคลื่นสัญญาณ”เพื่อป้องกันการรบกวน ที่จะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนข้างหน้า .. ในความเป็นจริง เป็นเรื่องที่ควรทำตั้งนานแล้ว ตามคำเตือนที่ กสทช.เคยแจ้งไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ทู่ซี้ จนเกิดปัญหาทำเอาเดือดร้อนกันถ้วนหน้า .. ทั้งหลายทั้งปวงต้องลุ้นกันอีกที ช่วงวันจันทร์ ต้นสัปดาห์หน้า ที่จะเป็นวันแรกของการทำงาน ที่เป็น “ช่วงพีค”ของระบบขนส่งมวลชน .. อีกเรื่องที่ต้องรอคือ มาตรการชดเชยผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากระบบที่ขัดข้องก่อนหน้านี้ เฉพาะ 2 วัน ที่วิกฤตหนักๆ 25-26 มิ.ย. ที่ต้องเจอ “เจ๊งเช้า เจ๊งเย็น” ต้องรอทาง “บีทีเอส”เคาะกันอีกทีสัปดาห์หน้า .. จนน่าแปลกใจว่า ไฉนเลย “ความรับผิดชอบ”ต่อ “ผู้โดยสาร” จึงไม่มีการพิจารณาอย่างทันท่วงที .. เพราะผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากความขัดข้องของรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ละครั้ง ไม่ใช่แค่ 1-2 คน แต่เป็นหมื่น เป็นแสนคน ตามสถิติผู้โดยสารของบีทีเอสเอง .. โดยมีการคำนวณว่าแค่ 4 ชั่วโมงของเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้โดยสารเดือดร้อนไม่น้อยกว่า 1.5 - 1.6 แสนคนเลยทีเดียว ..
เหตุที่ทำให้ “บีทีเอส”ดูนิ่งนอนใจ ไม่ออกมาตรการเยียวยาผู้โดยสาร ก็มาจาก “สัญญาอัปยศ” ที่ทำไว้กับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะเจ้าของสัมปทานนั่นเอง .. โดยมีการเปิดเผยว่า ในสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ทั้งฉบับแรก ตั้งแต่ปี 2535-2572 และ ฉบับที่ 2 ที่เป็นสัญญาจ้าง “บีทีเอส” เดินรถให้กับ กทม. ตั้งแต่ปี 2555-2585 ไม่มีการระบุถึง “ความรับผิดชอบ”หรือ “บทลงโทษ”ต่อ “บีทีเอส” ในกรณีที่เกิดขัดข้องใดๆไว้เลย .. เช่นเดียวกับค่าปรับจิ๊บๆ แค่ “1.8 ล้านบาท” ก็เป็นผลมาจากสัญญาฉบับเดียวกัน ที่ไม่มีการระบุ “โทษปรับ” ไว้อย่างเป็นกิจลักษณะ เฉกเช่น “สัญญาสัมปทาน” ระหว่างรัฐ-เอกชนทั่วไป .. เนื่องจาก สัญญาฉบับแรก ปี 2535-2572 เป็นสัมปทานรถไฟฟ้า ที่ให้สิทธิ “บีทีเอส” ในฐานะผู้ลงทุนในโครงสร้าง เดินรถ และซ่อมบำรุงเองทั้ง 100% และยังไม่มี “แม่แบบ”ในการทำสัญญา จึงไม่ได้ระบุบทลงโทษใดๆไว้ .. แต่ที่น่าตลกก็คือ สัญญาอีกฉบับ ที่เป็นลักษณะ “การจ้างเดินรถ”ที่เมื่อปี 2555 โดยมี “หม่อมหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนลงไป ทั้งที่ ตั้งแต่ “บีทีเอส” ให้บริการมา ก็เกิดข้อขัดข้องมากมายก่ายกอง และยังต่อสัมปทานให้ยาวๆ ไปถึงปี 2585 .. จึงน่าจะถือเป็น “สัญญาอัปยศ”ที่ทำกันบนพื้นฐานประโยชน์ของ “เอกชน”โดยละเลยความรับผิดชอบต่อผู้โดยสารอย่างเห็นได้ชัด
ช.ชฎา