xs
xsm
sm
md
lg

"ไพรมารีโหวต"จำเป็นพิสูจน์พรรคมวลชนหรือพรรคครอบครัว !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




จะว่าไปแล้วสำหรับการเมืองไทยถือว่ามี"เอกลักษณ์เฉพาะตัว"ก็คือเถียงกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ วิจารณ์ ขัดแย้งกันได้ตลอดเวลา บางครั้งจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากปล่อยให้แสดงความเห็นกันทุกเรื่องตลอดเวลามันก็ยิ่งชวนให้น่าเบื่อน่ารำคาญ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่สามารถใช้สื่อส่วนตัวแสดงความเห็นทางโซเชียลมันก็ยิ่งพรั่งพรูออกมาอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่น่าพิจารณาในหลายเรื่องดังกล่าวที่เริ่มเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นก็คือ เรื่อง"ไพรมารีโหวต" กับเรื่อง"แผนยุทธศาสตร์ชาติ" ที่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติภายใน 1 เดือนก็คือราววันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งเรื่องหลังนี้ยังไงก็คงต้องผ่านมาบังคับใช้ตามกำหนดเวลา อย่างไรก็ดีการกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือเป็นมรดกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ตามที่บางพรรคการเมืองพยายามโจมตี แต่หมายถึงกำหนดกรอบการพัฒนา เป็นวิสัยทัศน์ของประเทศที่กำหนดให้เดินให้ตรงทางไม่สะเปะสะปะ มันก็มีเหตุมีผลพอรับฟังได้ ขณะเดียวกันจะว่าไปแล้วกฎหมายฉบับนี้ก็ยังสามารถปรับแก้ไขได้ตามสถานการณ์ในทุก 5 ปี ในภาพรวมก็ถือว่ามันก็มีส่วนดี ไม่ใช่เลวร้ายไปทั้งหมด

อย่างไรก็ดีอีกเรื่องที่สำคัญและจะเป็นอีกกลไกสำคัญสำหรับการปฏิรูปการเมืองและพรรคการเมืองในอนาคตนั่นคือ กรณีกำหนดให้มีการ"หยั่งเสียงเบื้องต้น"หรือ "ไพรมารีโหวต"ของแต่ละพรรคการเมือง โดยให้มีการโหวตเลือกผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งของพรรคการเมือง ความหมายก็คือให้สมาชิกพรรคเป็นคนเลือกผู้สมัคร เป็นคนเลือกตัวแทนของเขาเข้ามาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ให้นายทุน ให้เจ้าของพรรคหรือคนในครอบครัวเป็นผู้กำหนดทิศทางของพรรคเพียงไม่กี่คนเหมือนเช่นในอดีต

นอกเหนือจากนี้ยังมีการกำหนดเรื่องค่าบำรุงพรรคที่ทุกคนต้องจ่ายค่าสมาชิกพรรค นั่นก็หมายความว่าทุกคนย่อมเป็นเจ้าของพรรคเท่าเทียมกัน แม้ว่าอาจจะมีบทบาทต่างกันบ้าง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นเจ้าของ รวมไปถึงเรื่องการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในอนาคตที่ต้องกำหนดโดยสมาชิกพรรคกันอย่างเคร่งครัดที่ต้องบังคับให้ต้องรายงานต่อนายทะเบียนพรรค

แต่ที่น่าจับตาก็คือกำลังมีการเคลื่อนไหวของพวกนักการเมืองบางพวกที่ต้องการให้มีการใช้คำสั่ง คสช.ยกเลิกเรื่องการทำไพรมารี หรืออย่างน้อยให้เลื่อนออกไป 4-5 ปีหรือยกเว้นในช่วงการเลือกตั้งครั้งแรก โดยอ้างว่ามีความฉุกละฉุก ไม่มีความพร้อม ซึ่งก็มีทั้งพรรคเก่าและพรรคที่กำลังจัดตั้งใหม่ แน่นอนว่าในข้ออ้างดังกล่าวย่อมเป็นเรื่องจรองที่น่าเห็นใจ แต่ขณะเดียวกันหากเข้าใจเจตนารมณ์ของความเป็นพรรคการเมืองที่ต้องให้มวลชนหรือสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ตามความหมายของการเป็นพรรคการเมืองมันก็ย่อมต้องดำเนินการให้ได้

อย่างไรก็ดีที่น่าชื่นชมก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการประกาศจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันที่จะให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งถือว่านี่คือการปฏิรูปพรรคการเมืองครั้งใหญ่เหมือนกัน ส่วนเรื่องการทำไพรมารีโหวตก็ต้องทำตามกฎหมายพรรคการเมืองอยู่แล้ว หรือแม้แต่พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)ที่กำลังตั้งไข่อยู่ในเวลานี้ก็ยืนยันเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องทำไพรมารีโหวต และมีการโหวตเลือกหัวหน้าพรรครวมไปถึงผู้บริหารพรรคทุกตำแหน่ง

แต่ที่น่าสังเกตก็คือยังไม่เห็นท่าทีในเรื่องดังกล่าวออกมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเดิมรับรู้กันว่ามี ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวเป็นเจ้าของ เป็นผู้กำหนดทิศทางพรรค รวมทั้งผู้สมัครของพรรคก็มาจากคนในครอบครัวนี้ หรือไม่ก็ต้องเดินทางไปขอคำรับรับรองถึงต่างประเทศตั้งแต่ระดับหัวหน้าพรรคลงมาจนถึงผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งว่าจะมาจากสายใครในกลุ่มเครือญาติที่แบ่งกันเป็นขั้วแยกย่อยออกไปอีก

นั่นคือการเป็นพรรคการเมืองในอดีตที่กำลังถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง ให้กลายเป็นพรรคการเมืองที่ให้สมาชิกพรรคเป็นตัวกำหนดทิศทางของพรรค ซึ่งนี่น่าจะเป็น"ประชาธิปไตย"มากกว่าคำพูด

ดังนั้นแม้ว่าเรื่อง"ไพรมารีโหวต"จะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ แต่ก็ถือว่ามีความจำเป็นต้องเดินหน้ากันต่อไป แน่นอนว่าเมื่อเป็นครั้งแรกก็ย่อมมีอุปสรรคมีปัญหาเกิดขึ้น แต่หากต้องการให้พรรคการเมืองเกิดการปฏิรูปก็ต้องให้สมาชิกพรรคมีบทบาทร่วมเป็นเจ้าของและที่สำคัญต้องเป็นคนเลือกหัวหน้าพรรคและผู้สมัครของพรรคอย่างแท้จริง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น