ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เอื้อกันทุกประตู!! “ก.พลังงาน”เว้นวรรคซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทำเอกชน “ตกหลุมอากาศ” กันเป็นแถว ตลกร้าย เว้นเฉพาะ “ไฟฟ้าจากขยะชุมชน” เปิดทาง “เสือเงียบ คลองหลอด” เดินเครื่อง “บิ๊กโปรเจกต์โรงไฟฟ้าขยะ” ปั้นฝันขุมทรัพย์แสนล้าน
สะเทือนทั้งวงการ .. นโยบายหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน อย่างน้อยๆ อีก 5 ปี ของ ศิริ จิระพงษ์พันธุ์ รมว.พลังงาน .. ทำเอา “ธุรกิจพลังงานทดแทน” ที่อยู่ในช่วง “ติดลมบน” มีผู้ประกอบการ 3-4 ร้อยราย มูลค่ารวมกว่า 4 - 5 แสนล้านบาท เกิดอาการ “ตกหลุมอากาศ” กันเป็นแถว .. นโยบายของ “รมต.ศิริ” ไม่ต่างจากการ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” ส่งผลรุนแรงถึงขนาดหุ้นบางตัวดิ่งลงไปกว่าครึ่ง ตลอดจนทำให้ผู้ประกอบการชะงักงัน แบบไม่รู้อนาคต .. เข้าใจดีว่า ประเด็นสำคัญที่ออกนโยบายนี้มาก็คงหนีไม่พ้น “ค่า ADDER” เงินอุดหนุนที่รัฐต้องจ่ายให้เอกชนเพื่อจูงใจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ตามนโยบายดั้งเดิม .. ในอารมณ์ “จ่ายแพงกว่าทำไม” ในเมื่อปัจจุบันมีทางเลือกการผลิตไฟฟ้าต้น ทุนต่ำมากมาย ตลอดจนคำยืนยันจากรัฐมนตรีคนเดิมว่า ไฟฟ้ามีเพียงพอ .. แต่ที่มัน “ตลกร้าย” ก็นโยบายเว้นวรรครับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน กลับหมายเหตุตัวเบ้อเริ่ม ว่า “ยกเว้น” ไฟฟ้าจากขยะชุมชน .. ทั้งที่ความเป็นจริง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยในประเทศไทย ถือว่ามีราคาแพงหูฉี่ ด้วยมีปัญหาการคัดแยก ทำให้ขยะที่ไม่ได้คุณภาพเหมือนประเทศทางแถบยุโรป .. อีกทั้งยังมีผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาวะ มากกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่นหลายเท่าตัว ..
อิหรอบนี้ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล เพราะหากเหมารวมพลังงานทดแทนทุกประเภท ด้วยข้ออ้างเรื่องค่า ADDER และปริมาณไฟฟ้าสำรองที่เพียงพอ ก็ไม่ควรมีการ “เลือกปฏิบัติ” เช่นนี้ .. ไม่เท่านั้นยังขีดเส้นเข้มๆไว้ให้กับ โครงการการจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าของ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” อ้างว่าเป็นโปรเจกต์สร้างความมั่นคงให้กับชุมชน .. แบบนี้ก็โป๊ะเชะ “เตะหมูเข้าปากเสือ” ด้วยสเตตัส “บิ๊กโปรเจกต์โรงไฟฟ้าขยะ” ในความดูแลของ กระทรวงมหาดไทย ที่จุดพลุเปิดไว้เป็น “วาระแห่งชาติ” แต่ก็ยังเตาะแตะ ต้วมเตี้ยมมานาน .. ทั้งที่มีการใช้อำนาจพิลึกพิลั่น คำสั่ง ม. 44 ทะลุทะลวงข้อติดขัดทางกฎหมายที่ต้องทำ “รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม”(อีไอเอ) ตลอดจนเหยียบย่ำ “กฎหมายผังเมือง” ให้แล้วก็ตาม .. ก็ด้วยความไม่รู้ แต่ริอาจจะรวบอำนาจ รวมศูนย์จัดการขยะและของเสียอันตรายมาไว้ที่ กระทรวงมหาดไทย ทุกอย่างจึงดูล่าช้าไปหมด ฝันใหญ่ปั้น “ขุมทรัพย์แสนล้าน” เอาไว้กินยาวๆ ก็เลยยังไม่ถึงไหน .. ครั้นพอกำลังจะครบปีที่ 4 ย่างเข้าปีที่ 5 ของ คสช. ที่ใกล้เวลาเปลี่ยนผ่านอำนาจ หรือใกล้เวลาเลือกตั้งไม่ทราบได้ จนมี “คนใจร้อน” ไปรบเร้าให้ กระทรวงพลังงาน ออกนโยบายเอื้อกันแบบสุดลิ่ม ซะเลย .. พลันที่เคาะนโยบายออกมา เอกชนที่ทำมาหากินยังช๊อกกันตาตั้ง กลับกัน “เสือเงียบ” แถวๆ คลองหลอด ตาลุกวาวขึ้นมาทันใด .
** ฟังไม่ค่อยขึ้น!! “กลุ่มศิลปิน” ฮือร้องนายกฯ ปลดผู้ว่าฯ กทม. หลังลือคิดฮุบ“หอศิลป์กรุงเทพฯ” ด้าน “อัศวิน” แจงแค่อยากพัฒนาพื้นที่ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด เหมือนลืมว่าตัวเองมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษา bacc ด้วย หากมี “ความปรารถนาดี” คงส่งไปถึงคณะกรรมการบริหารได้ไม่ยาก
หวังผลอย่าเด็ดดอก เปิดที่ให้ไม้ดอกได้งดงาม .. ส่วนหนึ่งจากบทกลอนจาก เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ กวีซีไรต์ ที่ร่วมต่อต้านกระแสข่าว “กทม.” ยึด “หอศิลป์กรุงเทพฯ” หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (bacc) ไปบริหารเอง .. แล้วก็ยังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มศิลปิน นำโดย วสันต์ สิทธิเขต ที่เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้ปลด “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. .. ทำเอา “บิ๊กวิน” เริ่มตีธงถอย อรรถาธิบายในเฟซบุ๊ก ประมาณว่า ไม่ได้คิดจะฮุบกิจการ หรือนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อื่น .. หากแต่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานที่ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด ด้วยปัจจุบันพื้นที่บางส่วนของ ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ .. พร้อมทิ้งท้ายว่า สุดท้ายนี้ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย กทม. ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพัฒนาในพื้นดังกล่าว .. ตีความได้ว่า แม้จะรับรู้ถึงแรงต้านที่รุนแรง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกแนวคิดที่จะขอเข้ามาบริหาร ซะทีเดียว ..
เอาเข้าจริง หากไม่มี “นัยซ่อนเร้น”ใดๆ คำชี้แจงของ “ผู้ว่าฯอัศวิน” ก็พอจะรับกันได้ .. ด้วยรู้กันดีว่าสถานที่แห่งนี้ ถูกเพ่งเล็งมานาน ด้วยกิจกรรมทางการเมืองที่ผลัดเปลี่ยนหนุมเวียนมาตลอด .. อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กวิน” ผู้ว่าฯกทม. ก็มีอีกขา เป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาหอศิลป์กรุงเทพฯ โดยตำแหน่งอยู่แล้ว .. ก็น่าจะมีช่องทางการสื่อสาร “ความปรารถนาดี” ไปถึงคณะกรรมการบริหารได้ไม่ยาก .. ด้วยภาพของ “บิ๊กวิน” ก็คือคนของ คสช. ความหวาดระแวงจึงมีอยู่ ข้ออ้างที่ว่าอยากเข้าไปร่วมพัฒนาพื้นที่ จึงฟังไม่ค่อยขึ้น .
** สิ้นลายพ่อรูปหล่อ!! วิญญาณห้อยโหนสิงร่าง “เดอะมาร์ค” หลับหูหลับตาเกาะทุกกระแส ทั้งหลานรัก “ไอติม” โหนมาต่อที่กระแสร้อน “มหาเธร์” รีเทิร์นเก้าอี้นายกฯมาเลย์ แถมลาก “น้าชวน”พร้อมกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ คล้ายส่งสัญญาณอนาคตตัวเอง
หนักขึ้นทุกวัน .. รายของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูจะประหวั่นพรั่นพรึงกับอนาคตของตัวเอง จนหลังๆ แทบไม่เหลือ “มาดหล่อๆ” เหมือนสมัยรุ่งๆ .. อะไรหยิบจับ ห้อยโหนได้ ก็หลับหูหลับตาคว้าไว้ก่อน ช่วงก่อนก็เกาะไปกับกระแส “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ” หลานรัก ที่ตอนนี้เว้นวรรคไปเข้ากรมกอง .. พลันเกิดปรากฏการณ์ พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินที่ “มาเลเซีย” กับชัยชนะของ “ขิงแก่” มหาเธร์ โมฮัมหมัด หวนสู่เก้าอี้นายกฯ .. ก็เอาแต่พูดถึงการเลือกตั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ขาดปาก จน “ฝ่านแค้น”เอาภาพสมัยบอยคอตเลือกตั้ง มารีรันย้อนเกล็ดกันสนุกสนาน .. ไม่ใช่แค่นั้น ยังไปลากเอา “นายหัว” ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคฯ มาเทียบกับ “มหาเธร์” นัยว่า อายุน้อยกว่า แฟนคลับยังอื้ออึง หากจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบก็ไม่มีปัญหา .. แบบนี้ก็ไม่ต่างจากยอมรับแล้วว่า โอกาสที่ตัวเองจะได้กลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งหนหน้า เท่ากับ “ศูนย์” .. ดีไม่ดีทรงนี้ เปิดประชุมพรรคได้ เก้าอี้หัวหน้าพรรคก็อาจจะต้องหลีกทางให้ “นายหัวชวน” กลับมาประคองพรรคไปพลางก่อน .. ส่วน “มีดโกนน้อย” ก็เฟดไปอยู่เบื้องหลัง อย่างดีก็คงได้เป็น 1 ใน 3 รายชื่อนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ .. ค่อยลุ้นอีกทีในวันหน้า ฝนฟ้าเป็นใจเมื่อไร ก็อาจจะได้กลับเข้าลู่เข้าเลนกับเขาบ้าง
** บูชายันต์ปราบโกง!! “มือปราบข้าวเน่า” จ่อลาก “บิ๊กเนม” ขึ้นเขียง ฐานมีเอี่ยวขบวนการฟอก “ข้าวเน่า” มาเวียนขายเป็น “ข้าวคนกิน” ชง “ปปง. -ป.ป.ช.” ตรวจสอบต่อ งานนี้มีหนาว “ยึดทรัพย์” พ่วง “ติดตาราง”
นับเป็นสัญญาณที่ดี .. เมื่อ กรมการค้าต่างประเทศ ระบุถึงการส่งออกข้าวไทยในช่วง 4 เดือนของปี 2561 จนถึงวันที่ 17 เม.ย. มีปริมาณ 3.58 ล้านตัน .. แม้จะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย แต่ดีพอที่ยังส่งให้ไทยเราทะยานแซงหน้า “อินเดีย” กลับขึ้นบัลลังก์ผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง .. ท่ามกลางข่าวดี ก็ดันมีข่าวร้ายเจืออยู่ กับ “ข้าวบริโภค” ในประเทศ .. ที่เมื่อปีก่อนมีการประมูล “ข้าวสต็อกรัฐ” ที่ส่วนใหญ่เป็น “ข้าวด้อยคุณภาพ” ที่ต้องนำเข้าระบบ “ข้าวอุตสาหกรรม - อาหารสัตว์” สถานเดียว .. ทว่าก็มี “พวกเอาแต่ได้” นำไปใช้ประโยชน์ไม่ตรงตามสัญญา ใช้ “วิชามาร” ปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ในวงการเรียกว่า “โรยลั้ง” เสก “ข้าวเน่า” กลายเป็น “ข้าวดี” เอา “อาหารสัตว์” มาเวียนเทียนขายเป็น “ข้าวคนกิน” หวังฟันกำไรเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตัว .. พอเรื่องแดง ก็เป็นเรื่องใหญ่โต มีการตั้งกรรมการสอบกันหลายชุด ทั้งในส่วนของ องค์การคลังสินค้า (อคส.) โดย พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานบอร์ด และในส่วนของรัฐบาล ที่ตั้ง “บิ๊กเปี๊ยก” พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. มาเป็น “มือปราบข้าวเน่า” ..
สอบกันเงียบๆ อยู่นาน กำลังจะมีรายการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เห็นว่ามีการชงเรื่อง “เอกชนรายใหญ่”ที่ จ.กำแพงเพชร ที่ประมูลข้าว อคส. แล้วนำไปใช้ไม่ตรงตามสัญญา ไปให้ “ปปง. - ป.ป.ช.” ตรวจสอบ .. สอดคล้องกับข้อมูลทางฝั่งเพื่อไทย ที่ออกมาตีปิ๊บว่า มีพฤติการณ์คล้ายกันที่ จ.ราชบุรี “ข้าวเสื่อม” เป็นแสนตันหายออกไปจากระบบหน้าตาเฉย ป่านนี้วนมาเข้าระบบ “ข่าวคนกิน” แล้วด้วยซ้ำ .. งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องเดือดร้อนกันบ้าง เพราะหากไล่เบี้ยตามรอยข้าว เช็กเส้นทางเงินของบริษัทที่ประมูลได้ ก็จะพบความจริงไม่ยาก .. ตรวจสอบอีกหน่อย ก็จะเชื่อมโยงการทุจริตของ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่ช่วยบริษัทกระทำผิด เรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ “เอกชน” คิดเองทำเองได้ ด้วยมีการวางระบบตรวจสอบเข้ม ทั้ง “ซีซีทีวี - จีพีเอส” หากหลุดรอดไปได้ ก็ย่อมตีความได้เลยว่ามีผู้ร่วมขบวนการเป็น “ฝ่ายราชการ” ด้วยแน่นอน .. แว่วว่างานนี้กำลังเข้าตา “ผู้ใหญ่” ชั่งใจจับ “บิ๊กเนม” ขึ้นเขียง ยึดทรัพย์-ติดตาราง หวังใช้เป็นผลงานปิดจุดอ่อน “ปราบโกง”
ช.ชฎา