xs
xsm
sm
md
lg

“พนักงานไปรษณีย์ไทย”รวมพลังต้านยุคมืด“ไอ้โม่ง”ล็อบบี้สอย “สมร”พ้นเก้าอี้ **“บิ๊ก คสช.”ไม่ให้ราคา“สันธนะ”ขาใหญ่ตลาดดอนเมือง **ย้อนความสัมพันธ์ “เสี่ยไก่ - เสี่ยเปี๋ยง”สองขุนพลข้างกาย“ทักษิณ” **“ลุงตู่”ยึดสัมปทาน “หาเสียง”มัดมือ-มัดเท้า“นักเลือกตั้ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน!! “พนักงานไปรษณีย์ไทย”รวมพลังติดริบบิ้นดำ ต้าน "ยุคมืด" หลังมีข่าวหลุด “ไอ้โม่ง”ล็อบบี้ “บอร์ด ปณท” สอย “สมร” พ้นเก้าอี้ เอ็มดี

จะเอาให้ได้ .. เคยไล่เรียงไปแล้วในท้องเรื่อง “ดีไปก็ใช่ว่าจะดี” รายของ “บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)” ที่กำไรโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่าพันล้าน ล่าสุดปิดงบฯ เขียวอื๋อ 4.2 พันล้าน .. แล้วยังได้แรงหนุนจาก “บิ๊กรัฐบาล” จะปั้นให้เป็น "Alibaba ไทยแลนด์" กลายเป็นหุ้นพื้นฐานดี ลู่ทางสดใส จนไปเตะตา “ไอ้โม่ง” เข้าอย่างจัง .. คราวเคราะห์ตกมาที่ สมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท ที่กำลังโดนเขย่าขาเก้าอี้ ทั้งที่มีส่วนสำคัญ ในความปังของ “ปณท” .. ด้วยไทม์มิ่งที่อยู่ในช่วง “ประเมินประจำปี” โดย “บอร์ด ปณท” พอดิบพอดี .. ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า แบบนี้หลับตากดปุ่มให้ “สามผ่าน” ก็ยังไม่มีใครว่า .. แต่ปีนี้มันมีอิทธิฤทธิ์ “ไอ้โม่ง” เข้ามาแทรกแซง เดินเกมล็อบบี้ “บอร์ดบางคน” ไว้แล้ว .. แว่วว่ามีการ “ล็อกผล” งัดตรายาง “สอบตก” ปั๊มให้ในผลประเมิน โดยไม่สนใจตัวเลขเขียวๆ 4.2 พันล้านที่ว่าไปเลย ..
สมร เทิดธรรมพิบูล
ตามประสา “ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน” ข่าวกระเซ็นกระสายมาถึง “พนักงาน ปณท” ก็เลยได้เห็นปรากฏการณ์ประท้วงย่อมๆ .. พร้อมใจกันติด “ริบบิ้นดำ” ที่แขนขวา ทั้งในส่วนกลาง และสำนักงานไปรษณีย์ทั่วประเทศ คล้ายกับตั้งท่าประท้วง “ยุคมืด” ที่กำลังคืบคลานเข้ามา .. พอเรื่องไปเข้าหู “บอร์ด ปณท.” ก็มีอันสะดุ้ง ตั้งอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกันให้วุ่น .. แล้วยังจะตั้งท่าจะ “เอาเรื่อง” พนักงานที่ติดริบบิ้นด้วย โทษฐานทำให้เกิดความเข้าใจผิด-เสียภาพลักษณ์

**อ้าปากเห็นลิ้นไก่!! “บิ๊ก คสช.” ไม่ให้ราคา “สันธนะ” ขาใหญ่ตลาดดอนเมือง “บิ๊กป้อม” สั่งเช็กพฤติกรรมมาเฟีย “บิ๊กปู” แทงสวนไม่เข้าข่าย “ผู้มีอิทธิพล” หรือจะหวังใช้ประเด็น “พี่ต่อ” เป็นหัวหอกลุ้นแซะเก้าอี้ ผบ.ตร. มานั่งเองก่อนเกษียณปีหน้า

แบ่งฝั่งกันชัด .. ศึกระหว่าง ตำรวจนอกราชการคนดังอย่าง “รองฯต่อ” พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับสันติบาล ที่เปิดหน้าท้าชน “บิ๊กตำรวจ” หลายราย .. ตั้งแต่ “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ลามมาถึง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.ท่องเที่ยว .. แล้วก็ยังพยายามไต่บันไดไปหาเรื่องชน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อยู่ในตอนนี้ .. มูลเหตุหน้าฉากคือการปูพรมตรวจ “ตลาดใหม่ดอนเมือง” อู่ข้าวอู่น้ำของ “สันธนะ” ที่รับหน้าเสื่อเป็นที่ปรึกษาอยู่ .. เพียงแค่ขอเข้าไปค้นเครื่องสำอางปลอม อย. แต่ “รองฯต่อ” ก็ “เล่นใหญ่” เหมือนขัดแย้งกันมาแต่ชาติปางไหน .. แต่ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กลับออกหน้าปกป้อง “พี่ต่อ” รุ่นพี่ นรต.33 ซะอย่างนั้น .. แม้ออกตัวว่า ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ “ฟอกขาว” ให้เสร็จ ระบุว่าการเรียกเงินค่าส่วนกลางไม่เข้าข่าย “ผู้มีอิทธิพล” .. แล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เรื่อง “เก็บค่าคุ้มครอง” ทุกวงการก็รู้กันดีว่า “สันธนะ” นี่แถวหน้าของ “ขาใหญ่สีเทา” ชัดๆ จากวีรกรรมสุดโลดโผนตั้งแต่ยังรับราชการ จนโดนให้ออก ..
พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา
ท่าทีของ “บิ๊กปู” ไม่เพียงแต่แทงสวน “บิ๊กต้อย - บิ๊กโจ๊ก” พี่น้องตำรวจในราชการด้วยกันเท่านั้น .. แต่ยังแทงสวน “เบอร์ใหญ่ คสช.” ทั้ง “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “รองฯป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือหางฝ่ายตำรวจในราชการ ตำหนิพฤติกรรม “สันธนะ” ว่าใช้ไม่ได้อีกด้วย .. โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” ไม่เพียงตอกหน้าว่า “ไร้เครดิต” ท้าให้เปิดหลักฐานเรื่องลึกลับ “นายพล คสช.” อย่าเพียงพูดลอยๆ แล้ว ยังสั่งการให้สอบพฤติกรรม “สันธนะ” ว่าเข้าข่าย “ผู้มีอิทธิพล” หรือไม่ด้วย .. “รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง” ว่ามาอย่างนี้ แต่ “รอง ผบ.ตร.ฝ่ายมั่นคง” กลับตัดจบ สรุปเสร็จสรรพว่า ไม่ใช่มาเฟียไปล่วงหน้าแล้ว .. เบื้องลึกใครแบ็กใครอย่างไร ยังไม่กระจ่าง แต่อนาคตของ “สันธนะ” ดูท่าจะจบไม่สวย ตลอดจนแหล่งทำมาหากินก็โดนปิด ยังมีคดีความตามมาอีก .. อีกทั้งยังต้อง “ถอดรหัส” การที่ “บิ๊กปู” ถือหาง “สันธนะ”หาญกล้าแทงสวน “บิ๊ก คสช.” เช่นนี้ มีนัยกระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กแป๊ะ”หรือไม่ .. ด้วยยังมีความหวังเล็กๆ ว่าจะแซะเก้าอี้ ผบ.ตร. มานั่งเอง ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2562

**ชะตาฟ้าลิขิต!! ย้อนความสัมพันธ์ “เสี่ยไก่ - เสี่ยเปี๋ยง”สองขุนพลข้างกาย “ทักษิณ” ก่อนมาร่วมเป็นจำเลยคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร สมประโยชน์กันมาตั้งแต่ “เสี่ยไก่” คุม ก.พาณิชย์ ล็อกข้าวสต๊อกรัฐให้ พอโยกมากระทรวง พม. ก็ผันตัวจาก “พ่อค้าข้าว” มาเป็น “ดีลเมคเกอร์” โครงการอสังหาฯ

ไม่รอดสันดอน .. ยื่นฟ้องเรียบร้อย “เสี่ยไก่”วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และพวก ในคดีความผิดทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ .. ถือคดีนี้ถือเป็น “มหากาพย์” เลยก็ว่าได้ มีการสอบสวนมาตั้งแต่สมัยรัฐประหาร 2549 โดย “คตส.” ก่อนส่งไม้ต่อให้ “ป.ป.ช.” แล้วมาชี้มูลสั่งฟ้องในช่วงรัฐบาลรัฐประหารปัจจุบัน .. นัยหนึ่งความไม่ชอบมาพากลของโครงการก็ค่อนข้างชัดเจน แต่อีกนัยก็หนีไม่พ้นการกำราบ “เสี่ยไก่” ที่ตลอด 4 ปีมานี้ ถือเป็น “ขาประจำ” ท้าไฝว้ คสช. บ่อยครั้ง .. ก็เป็นไปตาม.. วิถี “ลิ่วล้อ” ที่ต้องเผชิญชะตากรรมต่อไป ที่ทำท่าจะรอดยาก ด้วย“งานละเอียด” ระดับไต่สวนกันนานร่วม 13 ปี ในขณะที่ “นายใหญ่ - นายหญิง” ชิ่งไปเสวยสุขอยู่ต่างแดน .. นอกเหนือจาก “เสี่ยไก่” ที่เป็น “สายตรงนายใหญ่” แล้ว ในบรดาจำเลยทั้งหมด 19 รายของคดีนี้ ก็ยังมีชื่อของ “พี่กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เสื้อแดงตัวพ่อ รวมทั้ง “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร ผู้ต้องคดีระบายข้าวจีทูจีที่ตอนนี้อยู่ในเรือนจำ รวมอยู่ด้วย .. รายของ “พี่กี้ร์” นั้นยังไม่ถูกส่งฟ้องงวดนี้ ขณะที่รายของ “เสี่ยเปี๋ยง” ได้รับเกียรติขึ้นเขียงพร้อมกับ “เสี่ยไก่” ไปเรียบร้อย ..
วัฒนา เมืองสุข และ อภิชาติ จันทร์สกุลพร
ความน่าสนใจของ “เสี่ยเปี๋ยง” ก็ด้วยเป็นความบังเอิญที่ไปพัวพันการทุจริตใน 2 โปรเจกต์ยักษ์ ต่างยุคของ “ระบบแม้ว” .. เหนือกว่ายังนั้นเป็น 2 โปรเจกต์ยักษ์ที่เรียกว่า คนละสายงานกันเลย อันหนึ่งค้าขายพืชผลการเกษตร ตามอาชีพหลักของ “เสี่ยเปี๋ยง” .. ส่วนอีกโครงการเป็นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่รู้ปล่อยให้ “เสี่ยคนดัง” และ “บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด” ขาใหญ่วงการค้าข้าวเข้าไปรับงานได้อย่างไร .. ถือเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า “เสี่ยเปี๋ยง” ถือเป็นระดับ “วงแหวนชั้นใน” ของ “ระบอบทักษิณ” .. ย้อนปูมหลังความสัมพันธ์ “สามเส้า” ของ “ทักษิณ - เสี่ยเปี๋ยง - เสี่ยไก่” เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2547 ปลายสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 .. โดย “เสี่ยเปี๋ยง” รู้จักกับ “ทักษิณ” ก่อน ในฐานะสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ แล้วจึงส่งต่อมาให้ประสานกับ “เสี่ยไก่” ที่เป็นรองเลขาฯนายกฯ เวลานั้น .. เมื่อ “วัฒนา” เติบใหญ่ได้เก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ก็ยังเอื้อให้ “เสี่ยเปี๋ยง” และ “เพรซิเด้นท์ อะกริ” นำข้าวในสต๊อกรัฐไปขายหลายหน .. พอโยกมา กระทรวง พม. ก็ตามมาใช้งาน จนเข้าไปพัวพันกับการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ก่อนมาตกเป็นจำเลยในคดีเดียวกัน .. แล้วไม่รู้ว่าโชคชะตาจะนำพาให้ไปอยู่ด้วยกันอีกไหม ที่ “เสี่ยเปี๋ยง” โดนโทษคุกโกงจีทูจีข้าวแบบ “ขังลืม” ไปแล้ว

** ทุกวิถีทาง!! ปรับโหมดเตรียมตัวเลือกตั้งแล้ว แต่ “ลุงตู่” ยึดสัมปทาน “หาเสียง” ได้คนเดียว มัดมือ-มัดเท้า “นักเลือกตั้ง” ไม่เลิก ถึงขนาดอ้าง “มาตรา 44” ห้ามพรรคการเมือง “ฉีดยุง-ฉีดหมา” ช่วยชาวบ้าน ถือเป็น “กิจกรรมทางการเมือง” ขัดคำสั่ง คสช.

ชกอยู่ข้างเดียว .. จัดโปรแกรมตระเวนลงพื้นที่-หว่านงบฯ ทั่วประเทศถี่ยิบ แบบไม่เหนียมว่า “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งใจกู้เรตติ้ง สร้างฐานเสียงไว้ต่อท่ออำนาจ .. จนเพื่อนฝูงพรรคใหม่-พรรคเก่า โวยกันแหลก แบบนี้ไม่แฟร์ เป็นทั้งคนเขียนกติกา แล้วยังเล่นยึดสัมปทานหาเสียงไว้แต่เพียงผู้เดียว .. ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ ยิ่งใกล้จะได้ประกาศวันเลือกตั้ง อีเว้นต์ “ลุงตู่” ยิ่งแน่น งบประมาณที่หิ้วไปหว่านก็ยิ่งหนา .. บ่นได้บ่นไป แต่ใครล้ำเส้น ชุมนุม-เคลื่อนไหว-พูดจาไม่เข้าหู มีบริการเดลิเวอรี่ “หมายเรียก - หมายจับ” ถึงบ้าน เล่นเอาบรรดา “ขาประจำ” เก็บแต้ม สะสมคดี ตุงกระเป๋า .. และแม้ช่วงนี้โรดแมปตามรัฐธรรมนูญ จะเริ่มปรับโหมดเตรียมตัวเลือกตั้งกันแล้ว แต่ “ลุงตู่” ก็ไม่คิดจะยกเลิกคำสั่ง มาตรา 44 ที่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด .. ประมาณถ้า “มัดมือ-มัดเท้า” บรรดา “นักการเมือง - นักเลือกตั้ง” ไปจนถึงวันเปิดคูหาได้ ก็คงทำ ..
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ
หนักข้อเข้า ไม่ใช่แค่ ชุมนุม-เคลื่อนไหว หรือวิพากษ์วิจารณ์ แล้วจะโดนเรียกปรับทัศนคติ พาลเดือดร้อนไปถึงทั้ง “ยุง” ทั้ง “หมา” .. เมื่อล่าสุด “เสี่ยเอก” พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า มีหนังสือจากสำนักงานเขตหลักสี่ ประสานมายังพรรคการเมือง ให้งดกิจกรรม “ฉีดยุง-ฉีดหมา”และสั่งให้เก็บป้ายประชาสัมพันธ์ทั้งหมด อ้างว่า ถือเป็น “กิจกรรมทางการเมือง” ขัดคำสั่ง คสช. .. รู้กันอยู่ว่า กิจกรรม “ฉีดยุง-ฉีดหมา” ก็เป็น “โมเดลหาเสียง” ที่ได้รับความนิยมของนักเลือกตั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่ ส.ก.-ส.ข.-ส.ส. ทำกันหมด ช่วงหลังอาจซาๆ ไปบ้าง ด้วยไม่มีเลือกตั้ง ก็ไม่รู้จะทำเก้อไปทำไม .. แต่ในบางพื้นที่ “อดีตผู้แทน” สายป่านยาวหน่อย ก็ยังใช้วิธีการนี้ซื้อใจชาวบ้านในพื้นที่อยู่ ก็ถือเป็นประโยชน์ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ชาวบ้านก็ได้ประโยชน์โภชน์ผล .. อีกทั้งการดูแลประชาชนจากภาครัฐในเรื่องพวกนี้ ก็ดูจะไม่ค่อยทั่วถึง อย่าง “ฉีดยาหมา” ก็เพิ่งผ่านวิกฤตโรคพิษสุนัขบ้าระบาดไปหมาดๆ .. จะห้ามเรื่องชุมนุม-ปราศรัย อะไรก็ยังพอทน ถึงขนาดอ้าง “คำสั่ง มาตรา 44” มาใช้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆแบบนี้ ไม่ค่อยสวยนะนาย.

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น