xs
xsm
sm
md
lg

อัยการส่งฟ้อง “วัฒนา” เรียกสินบน 2.5 พันล้าน “บ้านเอื้ออาทร” เจ้าตัวโวยผลพวงยึดอำนาจปี 49

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายวัฒนา เมืองสุข
MGR Online - อดีต รมว.พัฒนาสังคม “วัฒนา เมืองสุข” รายงานตัวต่ออัยการ ก่อนถูกนำตัวส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร เจ้าตัวอ้างเป็นเรื่องการเมืองที่ต้องการทำลาย เป็นผลพวงจากการยึดอำนาจ ปี 2549 รอลุ้นได้ประกันหรือไม่



วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ห้องประชุม 501 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางมารายงานตัวต่อคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ตามที่นัดเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานพาตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เดินทางมาถึงเข้าพบคณะทำงาน ซึ่งอัยการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 รายมาพบเพื่อฟังคำสั่ง

นายวัฒนากล่าวว่า วันนี้มารายงานตัวต่ออัยการตามที่นัดหมาย เมื่อพบแล้วจะพาไปที่ศาลฎีกาฯ เพื่อฟ้องคดี ตามขั้นตอนตนก็ต้องขอประกันตัว ส่วนจะต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไหร่ไม่ทราบล่วงหน้า แต่ที่เคยขอประกันตัวในคดีเก่าๆ เคยโดนเรียก 2 ล้านบาท ส่วนการสู้คดีคาดว่ากว่าจะเริ่มสืบพยานคงไม่เร็วไปกว่าช่วงสิ้นปี ตนพร้อมอยู่แล้ว ประเด็นง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน คดีนี้เริ่มจากการรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ถูกขู่มาก่อนจะโดนข้อหาอื่นๆ ปี 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ก็ขู่ หลังจากนั้นก็ไปถูกชกที่สนามบอล ถูกอุ้มเข้าค่าย ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร ถูกตั้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ผิดปกติ ตนยินดีด้วยที่คดีมาถึง เพราะอยู่ที่ ป.ป.ช.นานเกินไปตั้ง 10 กว่าปี จะได้จบ ที่กวนๆ เพราะอยากบี้ให้มาเสียที

เมื่อถามว่าท่าทีทางการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจมาตลอด กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการสู้คดี นายวัฒนากล่าวว่า แค่มีคดีเพิ่มขึ้นอีก 1 คดี ไม่ใช่แค่คดีเดียว เพิ่งได้รับการติดต่อจาก บก.ปอท.จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ว่างเมื่อไหร่ก็ต้องไปรับทราบข้อหา ตนไม่มีอะไรที่ต้องกังวล กังวลอย่างเดียวคือไม่ได้สู้ในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมชาติ เพราะอำนาจเผด็จการแทรกแซงไปทุกองค์กร เหลือกระบวนการสุดท้ายคือศาลที่เราต้องไปต่อสู้ในชั้นต้นก่อนศาลถูกแทรกแซงหมด

นายวัฒนายังกล่าวชี้แจงถึงการต่อสู้คดีนี้ว่า ที่กล่าวหาว่าออกทีโออาร์เอื้อประโยชน์หรือไม่ เขาบอกว่าบอร์ดกับผู้ว่าฯ ไม่ผิด ทำทุกอย่างถูกต้องมันก็ชัดในตัว ถ้ามันเอื้อประโยชน์แล้วคนทำไม่ผิดได้อย่างไร โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการที่ขายหมด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ บ้านที่ประชาชนได้ไปหลังละกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 7-8 แสนบาทแล้ว ประชาชนมีความต้องการ แต่มันเป็นเรื่องการเมืองที่ต้องทำลายเพื่อรับรองการยึดอำนาจ ถ้ามีความเสียหายก็ต้องออกคำสั่งทางปกครองให้ตนชดใช้ แต่ไม่มี แสดงเจตนาจะฟ้องให้ได้ การเรียกรับผลประโยชน์อ้างว่าตนเรียกรับเงินต่อหน้าที่ประชุมผู้ประกอบการ ประชุมเป็นทางการใครจะบ้าไปเรียกอย่างนั้น คุณเชื่อหรือ คดีนี้เริ่มจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 คือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ ระหว่างการไต่สวนมีการจูงใจข่มขู่พยานตลอด เพื่อซัดทอดเอาเราให้ได้ พยานไหนร่วมมือก็กันเป็นพยาน พยานไหนไม่ร่วมมือก็เอาเป็นผู้ต้องหา การดำเนินคดีอย่างนี้มีความบริสุทธิ์หรือ

“ในชั้นศาจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของการดำเนินคดีตั้งแต่ในชั้น คตส.ก็มีการจูงใจข่มขู่พยาน มันเป็นความไม่ปกติ อย่างที่ 2 ก็คือกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาอย่างกระบวนการที่พยายามจะเอาเรา อ้างว่าทำสิ่งนี้ผิด อ้างว่าผมสั่งให้ออกทีโออาร์ที่ผิด แล้วคนที่ทำมันไม่ผิด แล้วผมจะไปผิดได้ยังไง ถ้าสิ่งที่ผมทำผิด คนที่รับไปปฏิบัติก็ต้องผิดด้วยถูกไหม แล้วทำไมทั้งหมดเหลือผมอยู่คนเดียว ปล่อยทุกคนหมด ถ้ามันไม่เป็นเรื่องทางการเมืองแล้วเป็นเรื่องของอะไร ก็แค่นั้นเอง ส่วนการสู้คดีในศาลก็ว่ากันที่พยานหลักฐาน คดีนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ง่ายๆ มีการเรียกตังค์ไหมเรียกยังไง เรียกต่อหน้าที่ประชุมคุณเชื่อหรือ ก็คนอยู่ในห้องที่ประชุมตั้งเยอะไม่มีใครได้ยิน มีพูดขึ้นมาคนเดียวคุณเชื่อหรือ แล้วคนที่พูดมาเพราะอะไร มันมีความชัดเจนในนั้นไม่ยาก ถึงเวลาสืบพยานกันคงสนุก” นายวัฒนากล่าว

เมื่อถามถึงการยื่นประกันตัวในวันนี้ นายวัฒนาระบุว่าขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ตนเสนอหลักประกันที่ 2 ล้านบาท ถ้าถูกเรียกวงเงินสูงมาก เตรียมไม่ทันก็คงไม่ได้ออก แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่อัยการยื่นฟ้องเป็นจำเลยในวันนี้ (9 พ.ค.) จำนวน 9 ราย คือนายวัฒนา เมืองสุข, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง, น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา, บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ 1-9 แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่มาพบอัยการวันนี้มี 4 คน คือ นายวัฒนา, นายพรพรหม, บจก.เพรซิเดนท์ฯ โดยนายปกรณ์ และ บจก.ซิลเวอร์ โดยนางพิมพ์วรา ส่วนนายอภิชาตหรือเสี่ยเปี๋ยง และ น.ส.รัตนา ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ปัจจุบันถูกจำคุกในคดีร่วมทุจริตระบายข้าวจีทูจี ขณะที่นายมานะ, น.ส.กรองทอง และ น.ส.รุ่งเรือง ยังไม่มาพบอัยการในวันนี้ ดังนั้นเมื่อเวลา 11.30 น. คณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริตจึงได้นำคำฟ้องที่ลงนามโดยนายเข็มชัย อัยการสูงสุด พร้อมสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. และเอกสารหลักฐานจำนวน 6 ลังใหญ่ ใส่รถเข็นไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ขณะที่นายวัฒนา, นายพรพรหม, นายปกรณ์ และนางพิมพ์วราในนามบริษัท ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

โดยคำฟ้องของอัยการระบุความผิดจำเลยทั้ง 9 ว่า นายวัฒนา จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157, 83, 91

นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ จำเลยที่ 2 ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนนายวัฒนา เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเองหรือผู้อื่นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 83, 86, 91

นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ จำเลยที่ 3, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 5, น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา จำเลยที่ 7, บริษัท เพรซิเด้น อะกริเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 8, บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) จำเลยที่ 9 เป็นผู้สนับสนุนนายวัฒนา ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และสนับสนุนนายมานะ ซึ่งเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 86, 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนวนคดีทุจริตการอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาตินั้น เป็นสำนวนคดีสุดท้ายในการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนมาจาก คตส. โดยชุดแรกอัยการรับมาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2551 จากนั้นมีหลายส่วนทยอยส่งมา กระทั่ง คตส.ยุติหน้าที่จึงเป็น ป.ป.ช.รับช่วงสำนวนคดีต่อจากข้อกล่าวหาเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนให้ได้โควต้าเป็นคู่สัญญาจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทรกับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น