ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ลากคอไอ้โม่ง!! ทางลงสวยๆ“หมู่บ้านป่าแหว่ง”กางไทม์ไลน์ตั้งแต่ริเริ่ม สบช่อง “ป่าเสื่อมโทรม”เข้าชำเราผืนป่าจนแหลกราญ ทั้งที่ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ชัดเขียวชอุ่มมาตั้งแต่ปี 2540 สุดบังเอิญ “ตระกูลชินวัตร”มีเอี่ยวช่วงไคลแมกซ์ ตั้งแต่ปี 2547 สมัย“พี่แม้ว”มาปิดจ๊อบที่“หนูปู”
ไปไม่เป็นเหมือนกัน .. “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียงอ่อยๆ กับผล“หมู่บ้านป่าแหว่ง”ที่ถูกคัดค้านต่อต้านในวงกว้าง .. ทั้งที่ทาง“ศาล”ก็ออกตัว “พร้อมถอย”ให้แล้ว แต่ “บิ๊กตู่”กลับเงอะงะ ไม่คว้าเป็นโอกาสโชว์วิชั่นผู้นำ .. งึมงำๆไปว่า ทุบไม่ได้ ด้วยเสียงบฯไปเยอะแล้ว แต่กลับไม่กลัวว่าจะกลายเป็น “อนุสรณ์แห่งความเกลียดชัง”ประจานไปชั่วลูกชั่วหลาน .. การปกป้องผลประโยชน์ชาติ ก็เรื่องหนึ่ง แต่การทวงถามถึง“ผู้รับผิดชอบ”ต่างหากที่จะได้ใจ “ภาคประชาสังคม”..ด้วยใครก็สงสัยใคร่รู้ว่า “ตัวการ-โม่ง”ของโครงการบ้านพักสุดหรู โลเกชั่น“ริยำตำตา”มันคือใครกันแน่ .. ก็ทั้งแนวผืนป่าเขียวขจีที่ต้องสูญเสียไป ยิ่งกว่านั้นงบประมาณ-ภาษีประชาชนกว่า “พันล้านบาทไทย”ยังทำท่าจะละลายแม่น้ำอีกด้วย .. หนีไม่พ้นผู้ที่เปิดหัวเอาไว้ ก็ “กองทัพบก”โดย มณฑลทหารบกที่ 33 สังกัด“กองทัพภาคที่ 3”ที่ขอ “กรมธนารักษ์”กันที่เพื่อใช้ประโยชน์กว่า 2.3 หมื่นไร่ เป็น“เขตทหาร”ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เพิ่งมาตีตรารับรองกันปี 2500 นู่น
.. พ.ศ.นั้นเห็นว่า สภาพป่าไม่ได้สวยสดอย่างที่เห็น ก็เลยแทงเป็น “ป่าเสื่อมโทรม”ตีขลุมไปรอบบริเวณ .. ที่ทางตั้ง 2 หมื่นกว่าไร่ ก็เลยจัดสรรใช้ประโยชน์กันสนุกสนาน แทะเล็มที่ดินแปลงมหึมานี้มาเรื่อย ทั้งหน่วยทหารเอง รวม ทั้งหน่วยราชการอื่นๆ จนเบียดพื้นที่ไต่เชิงดอยขึ้นไปทุกขณะ .. มาโป๊ะแตกกับ “ที่ดินพิพาท”ราว 147 ไร่ บริเวณตีนดอยสุเทพ-ปุย ที่ภาพมันฟ้องว่า ช่วงที่ทำเรื่องขอใช้พื้นที่ จาก“ป่าเสื่อมโทรม”เริ่มกลายสภาพเป็น“ป่าเต็งรังสมบูรณ์” ..แต่พี่เล่นยึดเอาหนังสือราชการตั้งแต่ปีมะโว้ อ้างว่า “เสื่อมโทรม”เปิดทางเข้าไปชำเราจนแหลกราญ ..
ย้อนไทม์ไลน์จะเห็นว่า จุดกำเนิด“หมู่บ้านป่าแหว่ง”แท้จริงอยู่ที่หลังปี 2540 เป็นต้นมา เมื่อสำนักอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ที่วันนั้นยังอยู่ในสังกัด “กระทรวงยุติธรรม”ได้ทำเรื่องขอแบ่งใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับจุดปัจจุบัน ระบุว่า“เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักผู้พิพากษา และข้าราชการศาลยุติธรรม”เดชะบุญครั้งนั้น “ทัพภาค 3”ปฏิเสธ .. ก่อนที่จะมีการทวงถามอีกครั้ง เมื่อปี 2547 ยุค “รัฐบาลแม้ว”ย้ายพิกัดเล็กน้อย มาที่“ผืนป่าพิพาท”ในปัจจุบัน คราวนี้ ทบ.ให้ผ่านไปเฉยๆ แล้วทำเรื่องส่งคืนพื้นที่ ที่“ศาล”ขอมา ให้กับ กรมธนารักษ์ ที่อนุญาตให้“สำนักงานศาลยุติธรรม”ใช้ที่ดิน เมื่อเดือน พ.ค.2549 .. ทั้งที่ภาพถ่ายดาวเทียม พ.ศ.แสดงให้เห็นว่า“เขียวชอุ่ม”ไปทุกหย่อมหญ้า .. “ไคลแมกซ์” ของเรื่องจึงอยู่ที่ ช่วงปี 2547-2549 บังเอิญเหลือเกินว่า “ปลัดกระทรวงยุติธรรม”ช่วงปี 2542-2548 ก็เป็นอดีตผู้พิพากษาที่เคยประจำ จ.เชียงใหม่ ที่ชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีศักดิ์เป็น “เขยตระกูลชินวัตร”ที่ถือเป็น “เขยเชียงใหม่”ด้วย .. ก่อนที่“ลิ่วล้อตระกูลชินฯ”จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จะมารับช่วงปลัด ยุติธรรม ต่อ ในปี 2548-2549 นั่นถือเป็นความบังเอิญ “เด้งแรก” ..บังเอิญ “เด้งสอง”ที่ ผบ.ทบ. ช่วงปี 2547 ผู้อนุมัติให้สำนักอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ใช้พื้นที่ ก็เป็นช่วงคาบเกี่ยวที่ “บิ๊กตุ้ย”พล.อ.ชัยสิทธิ์ นามสกุล “ชินวัตร”คุมกองทัพบก .. แล้วมา“เด้งสาม”ฉายภาพ “ขบวนการรุกป่า”ให้ชัดขึ้น เมื่อการอนุมัติโครงการ-งบประมาณก่อสร้างเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ในยุครัฐบาล “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็น“น้องเมีย”ของ“อดีตปลัดฯสมชาย” และน้องสาวร่วมตระกูลของ “บิ๊กตุ้ย”..ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือน“โครงการเร่งด่วน”ถึงขนาดต้องใช้“งบกลาง”ในอำนาจของ“นายกฯ”เป็นทุนประเดิมกว่า 343 ล้านบาทอีกต่างหาก .. ความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ที่มีชื่อ“คนตระกูลชินฯ”มีเอี่ยวกันแทบจะทั้งตระกูล .. ผ่านตั้งหลายขั้นตอน หลายหน่วยงาน แต่ไม่เคยมีใครคิดจะอัพเดตสภาพป่า ว่า เสื่อมโทรม สมบูรณ์ หรือประการใด .. พวกนี้แหละ“ไอ้โม่ง”ที่ควรลากมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ค่าก่อสร้างพันล้าน ต้องให้รับผิดชอบฝืนป่าที่ประเมินค่าไม่ได้ด้วย .. ลุยไปแนวนี้ เอาให้เหมือนเต็มที่กับการกอบกู้ “ค่าโง่เหมืองอัครา” เชื่อสิว่ากระแสต้านแรงแค่ไหน ก็ต้องหันมาเชียร์
**ไม่จวนตัวคงไม่ทำ!! รัฐบาลดิ้นกู้เรตติ้ง เริ่มเด็ดขาดปราบโกง ให้ “ขี้ฉ้อ พม.-ศธ.”ออกราชการ รับสารภาพ“ข้าราชการ”ตัวการคอร์รัปชัน ทำจนเป็นประเพณี ส่วน“นักการเมือง”โกงจริง แต่มาแล้วก็ไป ไหนๆ ติดเครื่องแล้ว ก็น่าชำระ“กลาโหม-กองทัพ-งบมั่นคง”กู้ศรัทธาสุดซอยไปเลย
ส่งผลกันเป็นโดมิโน .. มาตรการไล่ล่า“เครือข่ายคอร์รัปชัน”เปิดหัวที่ “กระทรวงศึกษาฯ”ด้วยการไล่ออก "รจนา สินที" ข้าราชการซี 8 จากกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ ตามมาด้วยการลงดาบ "วิโรฒ สำรวล" ผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัย โทษฐานเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะ .. มาตรฐานเดียวกันกับที่ “กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ”ที่ให้ พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ - ณรงค์ คงคำ ปลัดฯ และรองปลัดฯ รวมทั้งผู้ตรวจฯอีกคน ให้ออกจากราชการ ฐานพัวพันขบวนการโกงเงินคนยากไร้ .. สะท้อนว่า“รัฐบาล คสช.”กำลังเร่งกู้เรตติ้ง ผ่าน“วาระปราบโกง”ปิดจุดอ่อนตัวเองที่เคยประกาศเป็น“วาระแห่งชาติ” แต่ทำไปทำมา คอร์รัปชันระเบิดระเบ้อ.. ก่อให้เกิดวาทกรรมเหน็บแนมว่า “ขอบคุณ คสช. ที่ทำให้เห็นว่า ไม่ต้องมีนักการเมือง ลำพังระบบราชการล้วนๆ นี่แหละโกงกันมโหฬาร”..กลโกงที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ก็ถูกแฉกันยับช่วงนี้ ทั้งโกงเงินคนยากไร้ครึ่งค่อนประเทศ โกงเงินกองทุนเสมาฯ ช่วยการศึกษาเด็กยากไร้ หรือกระทั่งโกงหมา ความผิดปกติของงบประมาณวัคซีนสุนัข จนโรคพิษสุนัขบ้าระบาดหนัก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..
ประจานว่า นอกจาก “นักการเมืองขี้ฉ้อ”แล้ว “ข้าราชการ”นี่แหละตัวดี ในฐานะเจ้าถิ่นอยู่ยาวๆ กินกันเป็นทอดๆ ทำจนเป็นประเพณี .. คิดทำแบบนี้แต่แรก จะยืดโรดแมปอีกกี่ตลบ คนก็ไม่ว่า ดันปล่อยเรื้อรังมา 4 ปี จนเรตติ้ง “รัฐบาลลุงตู่”ด่ำดิ่ง ติดลบสุดกู่ .. คงเพิ่งรู้สึกว่า จวนตัว คะแนนตก ก็เลยต้องมีแอคชั่นแรงๆ ออกมาบ้าง แล้วก็คิดอ่านได้ว่า หากกระเตง“ขรก.ขี้ฉ้อ”ไปด้วย มันจะอยู่ยาก ทั้งสมัยนี้ แล้วที่เขี่ยลูกว่าจะไปต่อในอนาคต .. ไหนๆ สร้างบรรทัดฐานดีงามแล้ว ก็ “เอาใจช่วย”ไปต่อให้สุด แล้วจะได้ใจสังคม อาจเปลี่ยน“คนชัง”มาเป็น“คนชอบ”ได้ช่วงโค้งสุดท้าย .. เพียงแค่อย่าตีกรอบแค่ กระทรวงศึกษาฯ-พัฒนาสังคมฯ ของใกล้ๆ ตัวอย่าง “ก.กลาโหม-กองทัพ - งบความมั่นคง”อันไหนมีกลิ่นไม่ชอบมาพากล ก็ควรจะ “ชำระ”ให้สิ้นสงสัย แบบนี้สิจะกู้พลังศรัทธาเหมือนเมื่อตอน คสช. เข้ามาใหม่ๆ .. ของกล้วยๆ อย่าง“เครื่องกรองน้ำครึ่งล้าน”ของ ศอ.บต. นั่นประไร แค่เสิร์ช GOOGLE หน่อยเดียว ข้อมูลมีพร้อมเสิร์ฟ ฟันโชะได้ทันที .. ไม่รีบทำ เดี๋ยวก็เป็นขี้ปาก เก่งแต่กับหน่วยงานอื่น พอเป็นพวกตัวเองกลับไม่กล้าแตะ ดีไม่ดี กลายเป็น “บูมเมอแรง”ย้อนเข้าตัว บรรดาพรรคการเมืองที่หนุน“ลุงตู่”ให้ไปต่อ จะไม่ได้ผุดได้เกิดนะ
**พลังดูดประชารัฐ!! เปิดทางลัด“หนุ่มจั้ม" พาสชั้นนั่ง “รองผู้ว่าฯกทม.”หลังโผล่เจี๊ยะเต๊กับ“เฮียกวง”ที่ทำเนียบฯ ตกปากแพ็คทีม“เสี่ยบี-เสี่ยตั้น” ร่วมทีมประชารัฐ หมากนี้ “ค่ายสีฟ้า”ไม่สะเทือนเท่าไร แต่ “กำนันเทือก”อาจถึงขั้นกระอักเลือด
รวดเร็วทันใจ ..“หนุ่มจั้ม" สกลธี ภัททิยกุล เซ็นใบลาออกจาก“ค่ายประชาธิปัตย์”หมึกยังไม่ทันแห้งดี ก็มีคำสั่งแต่งตั้งให้ไปเป็น“รองผู้ว่าฯ กทม.”สวนออกมา .. คงปฏิเสธยากว่า ไม่เกี่ยวกับที่“หนุ่มจั๊ม”พร้อมชาวคณะ เดินทางเข้าพบ“เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถึงในทำเนียบรัฐบาล เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา .. แม้ว่าอดีต ส.ส.หน้าตี๋ ทายาท พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ผู้มากคอนเนกชัน จะแวะเวียนมาเจี๊ยะเต๊บ่อยๆ หากแต่ครั้งนี้ต่างออกไป เมื่อมีการตีข่าวการเข้าพบ“รองฯสมคิด”ไปทั่วคุ้งทั่วแคว .. เป็นจังหวะพอดิบพอดีกับที่ “เฮียกวง”พักเบรกปั้นตัวเลขเศรษฐกิจ แล้วให้คอมเมนต์ทางการเมืองชัดๆ เป็นครั้งแรก .. ถึงการสนับสนุน“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง .. แถมยังไม่ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า“ลูกน้อง”อย่าง อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กำลังก่อการตั้งพรรค ..
การที่ “หนุ่มจั้ม”โผล่เข้าทำเนียบฯ แล้วมาได้งานทำที่เสาชิงช้า มี “นัยการเมือง”อย่างแน่นอน โดยถือเป็นการเบิกฤกษ์โชว์“พลังดูดประชารัฐ”ของ “ทีมเฮียกวง”อย่างเป็นทางการ .. เผินๆ อาจมองว่า เป็นการเจาะยางพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูดเอาอดีต ส.ส.มาได้ แต่ลึกๆ แล้ว“ค่ายสีฟ้า”ไม่ได้สะเทือกอะไรมาก .. ที่โดนไปเต็มรัก กลับเป็น “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าที่แกนนำพรรคมวลมหาประชาชน มากกว่า .. ก็งานนี้ไม่ใช่ “หนุ่มจั้ม”รายเดียว แต่แพ็กกันเป็นทีม มากับ “เสี่ยบี”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ “เสี่ยตั้น”ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ดีกรี อดีตส.ส.กทม.ทั้งคู่ด้วย .. หากจำกันได้ “จั้ม -บี- ตั้น”บวกกับ “นายหัวลูกหมี” ชุมพล จุลใส คนโตชุมพร ถือเป็นแกนนำสายฮาร์ดคอร์ กำลังหลักของ“ลุงกำนัน”สมัยทำม็อบ กปปส. .. มีข่าวเนืองๆ ก่อนหน้านี้ว่า“จั้ม -บี- ตั้น”จะไม่กลับไปสวมเสื้อสีฟ้าลงเลือกตั้ง ก็คาดว่าทั้งหมดจะไปร่วมหัวจมท้ายกับ“ลุงกำนัน”.. แต่กลับตาลปัตร มาเสร็จ“พลังดูดประชารัฐ”เข้าให้ โดยมีเก้าอี้ “รองพ่อเมืองหลวง”ตอบแทนการเข้าสังกัด“ทีมประชารัฐ”เพื่อให้ 3 หนุ่ม ได้ใช้เป็นโอกาสในการทำพื้นที่ของตัวเองที่อยู่ใน กทม. .. ที่แปลกอยู่หน่อยก็ตรงที่ “หนุ่มจั้ม”ได้ตำแหน่ง ทั้งที่อาวุโสน้อยสุด .. ก็ตอบแทนได้ว่า ที่กล้าออกหน้ารับตำแหน่ง ก็ด้วยมี“ป๊ะป๋า”เป็นแบ็ก คอยเคลียร์กับ“ผู้ใหญ่”ที่อาจจะขัดเคืองใจบ้างไม่ยาก หากเป็น“เสี่ยบี - เสี่ยตั้น”เกรงว่าจะเคลียร์ลำบาก .. หมากนี้ของ“ทีมประชารัฐ”ก็โยงไปถึงศึกชิง“ผู้จัดการรัฐบาล”ที่แว่วว่ากำลังประลองกำลังระหว่าง “2 ส.”ส่วนจะ ส.ไหน เชิญเดากันตามอัธยาศัย.. แต่ที่ไม่ต้องเดาก็สภาพของ “กำนันเทือก”ที่วันก่อน “กลืนน้ำลาย”ตระบัดสัตย์ ขอทำพรรคการเมืองอยู่ดีๆ วันนี้ต้องมา“กลืนเลือด”แทนซะแล้วสิ.
ช.ชฎา