ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ศาลแบะท่าถอยให้!! แต่เมื่อลุงตู่ฟันธงไม่รื้อ ก็ต้องรับผลที่จะตามมา น่าเสียดายคะแนนนิยม และโอกาสที่รัฐจะไปฟ้องไล่เบี้ยไอ้โม่ง ที่เสกป่าสมบูรณ์ให้เป็นป่าเสื่อมโทรม
เติมเชื้อไฟอีกละมั้ง .. ท่าทีของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อกรณีโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการ บริเวณเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ หรือ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ที่ถูกคัดค้านต่อต้านในวงกว้าง .. แม้ทาง “บอร์ดศาลยุติธรรม”จะโยน “เผือกร้อน”มาให้ แต่ก็เปิดช่องเอาไว้ว่า “หากรัฐบาลเห็นสมควรประการใด สำนักงานศาลยุติธรรม ก็ไม่ขัดข้อง" .. ทว่า “บิ๊กตู่”ที่ควรฉวยจังหวะแสดง “ภาวะผู้นำ”กลับวนเวียนอยู่กับการปั้นแต่งวาทกรรม เลี่ยงไปเลี่ยงมา .. ยกเหตุผลสารพัดสารเพ โดยเฉพาะ “ความเสียดาย”ในงบประมาณที่สูญเสียไปแล้ว พร้อมทั้งแย้มๆ ว่า จะนำไปใช้ในด้านอื่น .. ไม่ทันไร “บิ๊กเจี๊ยบ”พล.อ.เฉลิมชัย สิทธสาท ผบ.ทบ. ก็ออกมา “โยนหิน”ว่า อาจหาแนวทางทำเป็น “ศูนย์การเรียนรู้”..ส่งผลให้มีเสียงโห่กระหึ่มประเทศ ด้วยข้อเรียกร้องของภาคประชาชน-นักอนุรักษ์ คือ“รื้อเท่านั้น”คืนสภาพป่าให้ใกล้เคียงกับของเดิมให้มากที่สุด.. การเบี่ยงกระแสเพื่อทำ “ศูนย์เรียนรู้”ที่ยังมีตัวอาคารปักอยู่กลางผืนป่า ก็ไม่ต่างกับใช้เป็น “บ้านพักตากอากาศ”อย่างที่ตั้งใจไว้แต่เดิมเท่าใดหรอก .. อีกทั้งการที่“บิ๊กตู่” ออกปากเช่นนี้ ยังเหมือนให้ความสำคัญกับเรื่องของ“ศักดิ์ศรี”และสะท้อนให้เห็นว่า เลือกข้างอยู่แต่ความสูญเสียของฝ่ายรัฐ ไม่เคยที่จะเลือกข้างประชาชน ..
อุตส่าห์เดินสายหาเสียงไปทั่วประเทศ มีลูกไหลมาเข้าเท้า กลับไม่ใช้เป็นโอกาสซื้อใจประชาชน .. ไม่เท่านั้นจะยิ่งกระทบคะแนนเสียงของตัวเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ “เชียงใหม่”ที่ก็รู้ดีว่าเป็นพื้นที่สีอะไร .. ถามว่า ประชาชนรับได้หรือไม่ หากรัฐบาล หรือกระทั่ง “บิ๊กตู่”เองใช้อำนาจ ม.44 ผ่านทางตัน ยุติโครงการ เพื่อไม่ให้เอกชนฟ้องร้อง ซึ่งอาจส่งผลให้งบประมาณก่อสร้างกว่าพันล้านบาท เปล่าประโยชน์ไป .. ก็ตอบแทนได้เลยว่า มีผู้เห็นดีเห็นงามด้วยเป็นแน่แท้ แม้งบประมาณที่เสียไปแล้วอาจเข้าข่าย “ค่าโง่”ก็ตาม .. ก็ด้วยมันยังมีช่องทางในการทวงถาม “ค่าโง่”ที่เสียไปคืนกลับมาได้นั่นเอง .. หากแต่ฝ่ารัฐพยายามเลี่ยงที่จะเอ่ยถึง“ความไม่ชอบมาพากล”ของโครงการ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเฉพาะ“ตัวการ”ที่เสก“ป่าสมบูรณ์”ให้เป็น “ป่าเสื่อมโทรม”ทั้งที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่าผืนป่าตรงนั้นเขียวขจีมาแต่อดีตแล้ว .. จนกลายมาเป็นช่องให้ “ฝ่ายศาล” ทำเรื่องขอใช้พื้นที่จาก“ฝ่ายทหาร”จนกลายมาเป็นหมู่บ้านที่สร้างภาพอุจาดตาอย่างเช่นในปัจจุบัน .. นี่ไงเบาะแส“ความไม่ชอบมาพากล”ที่ภาครัฐสามารถไปไล่เรียงตามไทม์ไลน์ที่มีอยู่ในมือ แล้วฟ้องค่าเสียหายได้ .. ถ้าตัดเรื่อง “ศักดิ์ศรี”ออกไป แล้วเลือกเดินแนวนี้ เชื่อสิว่าจะได้ทั้งใจประชาชน และยังพิทักษ์ทั้ง ผลประโยชน์ชาติอีกด้วย .. ที่เลี่ยงบาลีไปมาแบบนี้ เพราะกลัว“ลูบหน้าปะจมูก”หรือเปล่าเท่านั้นเอง.
**ลูกน้องพาซวย!! “ป๋าป้อม”งานเข้าอีก เจอขุดเซ็นงบฯ ศอ.บต.ซื้อ “ตู้กรองน้ำสเปกเทพ”แถม “ลูกน้องตัวดี”ยังป้อนข้อมูลราคาครึ่งล้าน สุดถูก ทั้งที่ในวงการร้องเสียงหลง “ครึ่งแสนก็หรูแล้ว”เปิดผลงาน ม.สุรนารี ผลิต“ชุดกรองน้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์”ต้นทุน 2 หมื่นบาท ได้ตั้งแต่ปี 2554
ผิวปากชิลล์ๆ แล้วเชียว .. รายของ “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังชิ่งปมร้อน“โคตรนาฬิกาหรู”ไปแบบยัง “คาใจ” สังคมไม่น้อย .. จู่ๆก็ทำท่าจะ“งานเข้า”อีกมีเรื่องส่งกลิ่นของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กับโครงการติดตั้งเครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สนนราคาแพงหูฉี่ ตู้ละ 5.49 แสนบาท จำนวน 93 ตู้ งบประมาณรวมกว่า 51 ล้านบาท จนได้รับการขนานนามว่า "เครื่องกรองน้ำขั้นเทพ" .. ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า รวมถึงการตั้งข้อสังเกตในการจัดซื้อด้วย "วิธีพิเศษ" โดยไม่ต้องประกวดราคา .. นั่นแค่ “ลอตแรก”เท่านั้น ยังมี “ลอตสอง”อีก 75 ตู้ งบประมาณราว 45 ล้านบาท รวมๆ แล้วเหยียบ 100 ล้านบาท .. ร้อนถึง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องสั่งการให้มีการตรวจสอบโดยเร่งด่วน .. ภาระตกมาถูก “ลุงป้อม”รองนายกฯ ความมั่นคง ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ดูแลงาน ศอ.บต.ไปด้วย .. โดย“พี่ป้อม”ก็เล่นตามบทรับลูก“น้องตู่” สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที ขีดเส้นต้องจบภายใน 30 วัน .. แต่ไม่วายโดนคุ้ยอีกว่า ที่แท้ก็เป็น“รองฯป้อม”เองที่ลงนามอนุมัติโครงการ “เครื่องกรองน้ำสเปกเทพ”ซะเอง .. ก่อนที่เจ้าตัวต้องออกมาชี้แจงว่า เอกสารที่มีลายเซ็นโชว์หราอยู่นั้น เป็นการลงนามอนุมัติงบประมาณเหลือจ่ายให้ ศอ.บต. ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเครื่องกรองน้ำโดยตรง ..
งานนี้คงหนีไม่พ้นต้องไปไล่เรียงหาตัว“ลูกน้องตัวดี”ที่ชงเรื่องนึ้ขึ้นมายัดใส่มือให้เซ็น จนส่อจะ“ตกพุ่มซวย”ไปด้วย .. แล้วก็ไม่รู้ว่าใช่ “ลูกน้องคนเดิม”หรือเปล่า ที่มาพรีเซนต์ซะจน “ป๋าป้อม”ออกมาการันตีว่า ราคา 5.49 แสนบาทต่อตู้นั้น“ถูกกว่าปกติ”แล้ว .. ก็ตอนนี้มีข้อมูลพรั่งพรูออกมาจากหลายฝ่ายว่า“ราคาครึ่งล้านมันเกินไป”..ให้เต็มที่ “ครึ่งแสนก็หรูแล้ว”..ทั้ง “สำนักข่าวอิศราฯ" ที่เปิดประเด็นและกัดไม่ปล่อย ไล่เช็กราคากับ“กูรู”วงการตู้น้ำหยอดเหรียญกดน้ำ ที่เห็นกันทั่ว ระบุว่าราคาต่อตู้อยู่ที่ 2 -3หมื่นบาท .. อาจจะต่างกันก็แค่ว่า ตู้น้ำทั่วไปใช้ไฟฟ้า ส่วนของ ศอ.บต.ใช้ “โซลาร์เซลล์”แต่ราคาก็ไม่น่างอกขึ้นมาหลายสิบเท่า จน “กูรูคนที่ว่า”อดออกปากไม่ได้ว่า เกิดมายังไม่เคยเจอตู้กดน้ำราคาเกิน 5 หมื่นบาทเลย .. อีกทั้งการจัดซื้อ "ตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์" ของภาครัฐ ก็เคยมีมาบ้างแล้ว ราคาสวิงแคบๆ อยู่ที่ 2-3 แสนบาทต่อตู้ ที่หลายคนก็ว่าแพงมากแล้ว .. ที่มันน่าเจ็บใจ ก็เจ้าเครื่องพรรค์นี้ เคยมีการวิจัย และผลิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) กับผลงาน “ชุดกรองน้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์” สำหรับผลิตน้ำดื่มไว้ใช้เองในชุมชน หรือศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว .. ระบุต้นทุนการผลิตประมาณ 2 หมื่นบาทต่อชุดเท่านั้นเอง ออเจ้า
** หยิบฟืนออกจากเตา!!“บอร์ดทีโอที”ตั้งกรรมการสอบ “มนต์ชัย”กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่บริหารงานผิดพลาด ด้วยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตาม “มติ ครม.”ก่อนการจัดตั้ง “บริษัทลูก”ก้มหน้าโอนถ่าย “สมบัติชาติ”จนสร้างความแตกแยกในองค์กรรุนแรง
ถือเป็นข่าวดี .. เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บอร์ดทีโอที) เลือก “หยิบฟืนออกจากองไฟ”กับปมปัญหาการจัดตั้ง “บริษัทลูก”บริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด หรือ “NBN” ..ที่กำลังสร้างความแตกแยกภายในองค์กรอย่างรุนแรง ด้วยถูกมองว่า จะมีกระบวนการโอนถ่ายทรัพย์สินไปยังบริษัทลูก ที่เป็นบันไดไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่หลีกหนีข้อหา“ขายสมบัติชาติ”ไม่พ้น .. ที่หนักไปกว่านั้น ก็มีรายงานว่า พฤติการณ์ของ "มนต์ชัย หนูสง" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ยังชวนให้เคลือบแคลงสงสัย .. ด้วยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตาม“มติ ครม.”ก่อนการจัดตั้ง NBN .. หมายรวมถึงการนำทรัพย์สินอุปกรณ์โครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมไปโอนให้ NBN ทั้งๆ ที่ทรัพย์สินโครงข่ายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมนั้น เป็น “สมบัติชาติ”..
เป็นเหตุให้ “สหภาพฯทีโอที”ที่ผนึกพลังกับ “สหภาพฯ กสท โทรคมนาคม”และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เคลื่อนไหวอย่างหนัก .. ทางหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ กระทรวงการคลัง เพื่อระงับมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องไว้พลาง .. อีกทางก็ยกระดับขับไล่ “มนต์ชัย”ด้วยข้อหาบริหารงานผิดพลาด ขนาดผู้บริหารด้วยกันอย่าง "อนุรุต อุทัยรัตน์" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่ และบรอดแบนด์ ยังทนไม่ได้ .. พูดบนเวทีเสียงดังฟังชัดขับไล่ “มนต์ชัย”โทษฐานสร้างปัญหาให้กับองค์กร พร้อมเป็นแกนนำ เชิญชวนพนักงานมาแสดงพลังเมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา .. ต้องชื่นชม“บอร์ดทีโอที”ที่ไม่เลี้ยงไข้ ตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย การตั้งกรรมการสอบ“มนต์ชัย”ตามข้อร้องเรียนของหลายภาคส่วน ที่ก่อปัญหาจนทำให้ “ทีโอที”สุ่มเสี่ยงอาจถึงขั้นล่มสลายเลยทีเดียว.
ช.ชฎา