สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กสท และ TOT ยื่นเรื่องขอ ปชป.ช่วยตรวจสอบและคัดค้านมติครม โอนทรัพย์สินโครงข่ายโทรคมนาคมให้เอกชน “อภิสิทธิ์” รับฟังข้อมูลจากทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั้งสองเพื่อศึกษาและตรวจสอบบนพื้นฐานของข้อมูลที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก
วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคฯ รับมอบหนังสือจากนายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และนายภัคพงษ์ ชิ้นปิ่นเกลียว กรรมการบริหาร สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ทีโอที จำกัด เข้ายื่นหนังสือเรื่องขอคัดค้านการแปรรูป บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ประมาณ 10 คน
โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แนวคิดเรื่องโครงข่ายนั้นไม่ควรที่จะมีข้อโต้แย้งกัน เพราะโครงข่ายเรื่องนี้รัฐจะต้องเข้ามาดูแลและกำหนดกติกาการใช้โครงข่ายโดยมีผู้เล่น จะเป็นรัฐวิสาหกิจหรือเอกชนก็ว่ากันไป แต่เนื่องจากตัวโครงข่ายโดยตัวของมันเองก็เป็นการผูกขาดโดยธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่จะไปปล่อยให้คนอื่นเข้ามา ตรงนี้ก็คงจะเห็นตรงกัน ตนก็ได้ติดตามดูว่าสถานะตอนนี้คืออะไร ทราบว่าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตั้งกรรมการและคณะทำงานขึ้นมา เสมือนกับว่ายอมรับว่าการที่จะไปดำเนินการทั้งหมดนี้มติของคณะรัฐมนตรีต้องไปทำ 4 เรื่อง แต่ก็มีอยู่ 3 เรื่องที่ยังไม่ดำเนินการ เขาจึงได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา ตนก็ได้สอบถามไปว่าขณะที่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อที่จะทำตามเงื่อนไขในเรื่องของธุรกิจนั้นแล้วทำไมถึงไปมีมติเรื่องการถือหุ้น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เพราะการมีมติผู้ถือหุ้นนั้นไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะมาทำขั้นตอนไหนเสร็จก่อน ตนก็ยังถามต่อไปอีกว่าหากมีการทำแผนธุรกิจไปแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่เขาตอบว่าได้ ตนก็ได้ถามเหมือนกับที่พวกคุณมายื่นเรื่องว่าทำไมถึงรีบไปมีมติ เขาก็บอกว่าไม่ทราบเพราะเป็นคนละหน่วยงานกัน
“เขาก็ยังยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีการปล่อยให้มีการแปรรูป อย่างไรก็ตาม อยากให้พวกเรามาลองคิดดูว่าถ้าจะมีส่วนร่วมก็ควรจะมาคิดกันว่าแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงข่ายทาง TOT และ CAT ควรจะร่วมมือกันอย่างไร หากเรามีรูปแบบให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำโครงการไปให้เอกชน หรือจะมีแนวทางในแง่ของธุรกิจในการปรับปรุงประสิทธิภาพก็ว่ากันไป แต่ควรที่จะแยกออกจากการให้บริการ ผมก็คิดว่าเป็นแนวทางที่จะเดินได้ แต่เข้าใจว่ามีแนวคิดเรื่องของข้อมูลซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนด้วย และก็อยากให้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท กล่าวว่า พนักงานทั้ง 2 แห่งพร้อมร่วมปฏิรูปองค์กรและมีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐควรกำหนดแนวทางและกำกับให้ชัดเจน แต่ไม่ใช่เป็นการโอนทรัพย์สินโครงข่ายทั้งหมดไปให้กับเอกชนที่เรียกว่าบริษัทลูก จึงขอให้อดีตนายกฯ ช่วยกันตรวจสอบ หรือให้คณะรัฐมนตรี ระงับตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอเป็นการกระทำขัดต่อกฎ ระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นผลกระทบในอนาคต
นอกจากนี้ คณะทั้งหมดได้ยื่นคัดค้านการจัดตั้งบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (NGDC Co) และบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ (NBN Co) และขอให้พิจารณาตรวจสอบเพื่อระงับหรือชะลอการโอนทรัพย์สินที่เป็นโครงข่ายหลักของทั้งสองรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการขัดต่อกฎหมายและขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี นอกจากนั้นยังเป็นการเข้าข่ายโอนทรัพย์สินโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหมดไปให้กับบริษัทลูกประกอบธุรกิจแทน
ด้านตัวแทนบริษัท ทีโอที กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และที่ทำเนียบรัฐบาลแต่ทุกฝ่ายไม่มีผู้ใดรับฟัง กลับมีเจตนาในการที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนในอนาคต จึงมาขอความช่วยเหลือจากนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจไทย นอกจากนั้นจึงขอความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับคำฟ้องและการยื่นในนามของภาคประชาชนในการคัดค้านการโอนอุปกรณ์โครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งเป็นทรัพย์สินสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปให้กับบริษัทลูกที่มีสภาพเป็นเพียงนิติบุคคลที่มีเอกชนร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย