xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” กับลีลาการเมืองพลิกลุ้นแต้มในบ้านป่าแหว่ง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


หากใครที่คิดว่าจะโค่นหรือจ้องล้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติคนนี้ น่าจะคิดให้รอบคอบเสียใหม่ เพราะหากพิจารณาการออกหมัด จากรูปมวยแล้วถือว่าไม่ธรรมดา ที่สำคัญก็คือ มีลูกเล่นร้อยแปด จนอีกฝ่ายจับทางได้ยาก

ไม่เชื่อก็ลองพิจารณาจากข้อมูลย้อนหลังในหลายๆ เรื่องก็ได้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถเอาตัวรอดมาได้ เมื่อเห็นว่าตัวเอง และรัฐบาลทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำเสียแต้มในทางการเมือง นั่นคือ เขาจะใช้ความ “ยืดหยุ่น” เหมือนกับบางทีที่ดูเหมือนว่าใช้ความ “อ่อนในความแข็ง” ที่พยายามสื่อออกมาให้เห็น

หรือหากกล่าวกันแบบตรงๆ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถใช้ลูก “พลิ้ว” เพื่อเอาตัวรอดได้ตลอดเวลา ประเภทที่เรียกว่าไม่มีอะไรตายตัว ที่สำคัญก็คือ เขานี่แหละที่รับรู้กระแสสังคมได้ดีคนหนึ่ง

แต่ขณะเดียวกัน ก็จะพยายามชั่งน้ำหนักดูด้วยว่าอะไรจะสำคัญมากกว่ากันในสถานการณ์ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาวข้างหน้าที่ส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองและอำนาจของตัวเองในวันหน้า สิ่งดังกล่าวพิสูจน์ได้จากกรณี “แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน” ของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถือว่า “สร้างภาพลบ” ให้กับทั้งรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมาก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังยอมเสี่ยงที่จะอุ้มสุดตัว ยอมแม้กระทั่งเบี่ยงเบนเรื่อง “จริยธรรม” ของนักการเมือง หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแบบไม่ใยดี โดยจะถามเค้นในเรื่อง “ใบเสร็จ” และเรื่องประเภทที่ว่ายังไม่ได้ข้อสรุป หรือเป็นเพียงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ถือว่ายังไม่มีความผิดอะไรแบบนี้

คำถามก็คือทำไมถึงเอาตัวเข้ามาเสี่ยง ยอมออกหน้าแทนแบบนี้ สาเหตุก็คงพอคาดเดาได้ไม่ยากว่า เพราะ “พี่ใหญ่” มีอิทธิพลสำคัญทั้งในรัฐบาลและในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็น “เบอร์ 1” ตัวจริง

แม้ว่าในทางสังคมภายนอก จะยกเครดิตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือภาพทางการเมืองสังคมจะยกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เหนือกว่า แต่สำหรับวงในแล้ว ในสังคมที่เติบโตมาทางทหารที่ต้องเคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง เคารพนาย มันก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขาด พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ แน่นอน

ตัวอย่างในลักษณะดังกล่าว ทำให้เห็นว่า เมื่อถึงเวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พร้อมที่จะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่เขาได้ประโยชน์มากที่สุดทุกครั้ง

วกมาที่กรณี “บ้านป่าแหว่ง” หรือการก่อสร้างบ้านพักตุลาการและอาคารสำนักงานของสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่เชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังบานปลาย และสร้างกระแสคัดค้านของชาวบ้านทั้งในเชียงใหม่และทั่วประเทศในเวลานี้

นาทีนี้เชื่อว่า สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร นั่นคือ “ทำตามความต้องการของชาวบ้าน” นั่นแหละส่วนจะเป็นแบบไหนเชื่อว่าอีกไม่นานกินรอ เพราะสิ่งที่เห็นเป็นสัญญาณหลายอย่างก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่ยอมรับฟังความเห็นของชาวบ้าน

และที่ชัดเจนที่สุดก็คือใช้เพจ “ไทยคู่ฟ้า” ที่จัดทำขึ้นโดยทีมงานโฆษกรัฐบาลจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นและช่วยกันเสนอทางออกเกี่ยวกับปัญหาบ้านพักตุลาการดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา “รับฟังปัญหา” ซึ่งย้ำว่า เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการหาทางออก โดยมี นายสุวนันท์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน ซึ่งตามข่าวบอกว่าเขาจะลงพื้นที่ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ นั่นก็หมายความว่า หลังจากวันที่กลุ่มพลังชาวบ้านชุมนุมเพียง 1 วัน แต่ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า ในบ่ายวันที่ 2 พฤษภาคม ทีมงานของเขาได้โทรศัพท์ไปรับฟังปัญหา และหยั่งท่าทีจากบรรดาแกนนำกันแล้ว

มาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อีกที สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นถือว่า ได้ “ลอยตัว” ได้แบบเต็มรูปแบบ แม้ว่าหากย้อนอดีตไปแล้วอาจจะเกี่ยวกับกองทัพก็ในแง่การอนุญาตให้หน่วยงานศาลได้ใช้พื้นที่ในบริเวณนั้น แต่หากสาวลึกลงไปแล้วเหตุการณ์ก็ล้วนเป็นคำถามที่พุ่งตรงไปที่ “เครือข่ายชินวัตร” ของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก นับตั้งแต่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น จนถึงสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อเนื่องมาถึง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และในช่วงปีเดียวกันนั้นคือ ราวปี 2547 ยังเป็นยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีการอนุญาตให้พื้นที่ดังกล่าวจำนวนกว่า 147 ไร่

ขณะเดียวกัน นาทีนี้ไม่ต้องพยายามตั้งคำถามอีกว่าทำไมเพิ่งมาค้านเอาตอนนี้หรือตอนไหน เพราะฝ่ายคัดค้านเขาก็ย้ำมาแล้วว่าก็ค้านมาตลอดแต่ไม่เคยฟัง ค้านมาตั้งแต่เริ่มสร้าง เริ่มอนุมัติให้สร้าง แต่ไม่มีผล จนกระทั่งได้เห็นภาพตำตาอย่างในวันนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมด้วยกระแสเสียงที่ประเมินจากส่วนใหญ่แล้วว่า “ให้รื้อ” ส่วนจะเป็นทางออกแบบนี้หรือไม่อีกไม่นานคงได้ข้อสรุป

จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่งานนี้พยายาม “ลอยตัว” ให้สูงที่สุด ไม่เข้าไปเป็นคู่กรณีระหว่างรัฐกับประชาชน แต่หากสังเกตจะเห็นว่าเป็นการทำหน้าที่ “คนกลาง” คอยไกล่เกลี่ยปัญหา เพราะหากพิจารณาให้ดีเรื่อง “บ้านป่าแหว่ง” แห่งนี้ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ในสายของ ชินวัตร ต่างเงียบกริบมาตลอดไม่เคยพูดสักแอะ เพราะยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว ทำให้งานนี้เขาจะได้เห็นลีลาของ “บิ๊กตู่” ที่ต้องเก็บแต้ม ส่วนจะแบบไหนนั้นเดาทางแบบฟันธงไว้เลยก็แบบที่ชาวบ้านต้องการนั่นแหละ

ส่วนจะใช่แบบนี้จริงหรือไม่อีกไม่กี่วันก็น่าจะรู้ผลแล้ว เพราะยืนยันมาแล้วว่าต้องจบให้เร็ว ไม่สมควรลีลาให้มากไปกว่านี้อีก

ที่ผ่านมา ก็ส่งสัญญาณผ่านมาจากเพจไทยคู่ฟ้าที่ขอความเห็นมาแล้ว และคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า “มันเป็นเรื่องป่าที่กระทบกับความรู้สึกชาวบ้าน”

ส่วนจะกันเป็นพื้นที่อุทยานฯเพิ่มเติม มันก็แย้มๆ ออกมาให้เห็นแล้ว ถึงได้บอกว่าธรรมดาเสียที่ไหนละ!!


กำลังโหลดความคิดเห็น