“สุวพันธุ์” ลงพื้นที่เชียงใหม่ 6 พ.ค.นี้ ถก 17 เครือข่าย-ภาคประชาชน หาทางออกปัญหาบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ ยันหาข้อยุติให้เร็วที่สุด เชื่อไม่จำเป็นใช้ ม.44 ใช้ กม.ปกติได้ ชี้ข้อเสนอกันพื้นที่เป็นเขตอุทยานฯ สามารถทำได้
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ว่าตนจะลงพื้นที่วันที่ 6 พ.ค.พยายามให้ได้ข้อยุติ พูดคุยภาคประชาชนเป็นหลัก เพราะทราบว่าในพื้นที่มีถึง 17 เครือข่ายที่รวมกันอยู่ โดยให้ผู้ตรวจราชการประสานในพื้นที่และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ติดต่อกลุ่มที่จะมาพูดคุยกับตน
เขาย้ำว่า การดำเนินการแบบนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคประชาชน ส่วนรายละเอียดมีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการรับฟังข้อเสนอแนะของกลุ่มที่คัดค้าน ที่ผ่านมาได้รับฟังมาบ้างแล้ว รวมถึงประชาชนต่างๆ ที่แสดงความเห็นผ่านโซลเชียลมีเดียที่มีความเห็นที่หลากหลาย ดังนั้น การลงพื้นที่วันที่ 6 พ.ค.จะเป็นการพูดคุยในภาคปฏิบัติว่าเราจะสามารถทำอะไรได้ก่อนและหลัง เราควรทำอย่างไรในระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และ 3 ทางออกควรจะเป็นอย่างไร โดยบางเรื่องอาจได้ข้อสรุปเลย บางประเด็นอาจต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมา เวลานี้จึงไม่สามารถบอกได้ว่าหลังวันที่ 6 พ.ค.จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อถามว่า กำหนดระยะเวลาหาข้อยุติหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ให้เร็วที่สุด เราอยากให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด นโยบายของนายกฯต้องการให้ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไข นายกฯ เป็นห่วงเรื่องนี้มากจึงอยากให้แก้ไขโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีกระแสการคัดค้านประชาชนในพื้นที่และกระแสสังคมกดดันอยู่ กดดันหรือไม่ นายสุวพันธุ์ตอบว่า การแก้ไขปัญหาของความเห็นที่ไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้วและเป็นทุกเรื่อง แต่ถ้าทุกฝ่ายเห็นว่าเราต้องยืนอยู่หลักความจริงและความถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ตนคิดว่าน่าจะมีทางออกที่จะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลพร้อมเปิดกว้างพูดคุย และเท่าที่ทราบกลุ่มที่คัดค้านก็อยากพูดคุยด้วย
ส่วนรายละเอียดต้องมาพูดจาร่วมกัน เช่น ถ้าเขาต้องการให้รื้อทั้งหมดต้องมาพิจารณาร่วมกันทำได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ประเด็นการพูดคุยไม่สามารถตอบได้ว่าจะจบได้วันนั้นหรือไม่ เพราะบางประเด็นอาจมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด แต่ส่วนตัวยังมองว่าเรื่องนี้น่าจะจบรวดเร็วได้ ถ้าทุกฝ่ายยอมรับในหนทางที่เห็นตรงกัน
เมื่อถามว่า สามารถกันเป็นพื้นที่แนวเขตอุทยานได้หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่การทำให้เป็นไปได้จะเป็นอย่างไร ใช้กฎหมายข้อไหน ทำได้มากน้อยแค่ไหนใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องดูว่าประชาชนเขาต้องการหรือไม่ จะเป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าทุกฝ่ายยอมรับตรงนี้ก็ต้องหาทางทำให้ได้
ถามว่า การใช้มาตรา 44 น่าจะเป็นทางออกทางหนึ่งหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ทุกเรื่องถ้าสามารถแก้ได้ด้วยกฎหมายปกติก็จะเป็นข้อดี เราต้องตระหนักอย่างหนึ่งว่า ถ้าวันหน้าไม่มีมาตรา 44 จะทำอย่างไร และนโยบายของหัวหน้าคสช.ก็ชัดเจนว่าจะใช้มาตรา 44 เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าเรื่องไหนสามารถหาทางออกด้วยเส้นทางปกติได้ก็ให้ไปเส้นทางนั้น
“โดยส่วนตัวเชื่อว่า ณ เวลานี้กฎหมายปกติน่าจะแก้ปัญหาได้ การใช้มาตรา 44 อาจจะเห็นผลปุ๊บปั๊บ แต่ไม่รู้ผลกระทบที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าเราใช้กฎหมายปกติ ซึ่งมันเคยถูกใช้มาแล้วก็น่าจะดีมีประโยชน์มากกว่า ความจริงทางออกมีหลายทางก็รอดูกันไป” นายสุวพันธุ์กล่าว