ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ตามส่องที่มาที่ไปโครงการบ้านพักตุลาการ-บ้านป่าแหว่ง เชิงดอยสุเทพ ได้ไฟเขียวแบบสุดซอยยุคการเมืองเป็นใหญ่ กระชับอำนาจแน่นทั้งกระทรวงยุติธรรม-กองทัพ-รัฐบาล
ดูเหมือนผู้คนต่างพากันผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เลือกแนวทางที่จะคงโครงการบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 เอาไว้ แม้จะเปลี่ยนแปลงแนวทางทำให้เป็นศูนย์เรียนรู้แทนก็ตาม แต่ก็ทำให้ “ผืนป่าเชิงดอยสุเทพ” แหว่งเว้า เป็น “บ้านป่าแหว่ง” แทงใจคนเชียงใหม่ รวมถึงคนไทยทั้งประเทศต่อไป
เมื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของโครงการนี้พบว่า ล้วนเดินหน้าได้อย่างราบรื่นในห้วงที่สายสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างกระทรวงยุติธรรม-กองทัพบก-รัฐบาล อยู่ในวงศ์วานเดียวกันทั้งสิ้น
โดยเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ระบุว่า เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของกรมป่าไม้ แต่เนื่องจากสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม กองทัพภาคที่ 3 จึงขอใช้สถานที่เพื่อเป็นที่ฝึกกำลังพลกันตั้งแต่ยุคสงครามโลก ต่อมาปี 2500 กรมที่ดินได้ออกเอกสารหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.เลขที่ 394/2500 จำนวน 23,787-ไร่ เพื่อให้ใช้ในราชการกระทรวงกลาโหม กองทัพภาคที่ 3 จึงไปขึ้นทะเบียนการใช้ประโยชน์ต่อกรมธนารักษ์
กระทั่ง 25 ก.ค. 2540 กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ขอใช้พื้นที่ในราชการทหารบริเวณด้านหลังของหน่วยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 เนื้อที่ประมาณ 106 ไร่ เพื่อก่อสร้างบ้านพัก และอาคารที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม...แต่เรื่องเงียบ
วันที่ 12 เม.ย. 2542 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้มีหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ให้ยืนยันการขอใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างบ้านพักและอาคารที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ได้มีหนังสือยืนยันขอใช้ที่ดิน เมื่อ 21 เมษายน 2542
และเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2546 สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ก็มีหนังสือถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ขอใช้ที่ดินบริเวณด้านหลังของหน่วยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 เนื้อที่ประมาณ 106 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการของศาลยุติธรรมและบ้านพัก อีกครั้งตามนโยบายฝ่ายบริหาร
4 มี.ค.47 มทบ.33 ได้มีหนังสือแจ้งว่า ไม่ขัดข้อง ที่จะให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ที่ดินเนื้อที่รวม 147 - 3 - 41 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการฝ่ายตุลาการ โดยขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การดูแล บำรุงรักษาที่ราชพัสดุ
ประกอบกับก่อนหน้านั้น (10 มิ.ย. 2546) มณฑลทหารบกที่ 33 มีหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ระบุว่า ในการขอใช้ที่ดินของสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 มณฑลทหารบกที่ 33 ได้ตรวจสอบแล้ว บริเวณพื้นที่ที่ขอใช้ไม่คาบเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ สุเทพ-ปุย, ป.พัน.7 และหน่วยในพื้นที่แต่อย่างใด ประกอบกับสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 มีความจำเป็นเร่งด่วนในการขอใช้ที่ดิน จึงเห็นควรสนับสนุน
จากนั้นสำนักงานศาลยุติธรรมได้มีหนังสือ ลงวันที่ 19 ก.ย. 2548 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ขอใช้ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 147 - 3 - 41 ไร่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีหนังสืออนุญาตลงวันที่ 14 พ.ย. 2549 ขณะที่กรมธนารักษ์ ก็มีหนังสือ ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 แจ้งอนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ที่ดินราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม. 1723 (บางส่วน) เนื้อที่ 147 - 3 - 30 ไร่ ตามที่ขอใช้
จากนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้ดำเนินการด้านงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีบริษัท พี.เอ็น.เอส.ไซน์ จำกัด ที่มีคนในตระกูลเดียวกับอดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้รับจ้าง โดยมีบริษัท เอ็นจิเนียริ่งดีไซน์ คอนซัลแตนส์ จำกัด เป็นผู้คุมงาน วงเงินรวม 3 โครงการ จำนวน 955,064,056.28 บาท
โครงการที่ 1 ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามสัญญาเลขที่ 87/2557 ลงวันที่ 8 ก.ย. 2557 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง รวมเป็นเงิน 290,495,056.28 บาท กำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ส.ค. 2559 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 242 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 27 เม.ย. 2560 ขณะนี้โครงการเสร็จสมบูรณ์และได้เข้าใช้งานแล้ว
โครงการที่ 2 ก่อสร้างบ้านพักผู้พิพากษา จำนวน 38 หน่วย อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ จำนวน 16 หน่วย บ้านพักผู้อำนวยการ จำนวน 1 หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลยุติธรรม จำนวน 36 หน่วย พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามสัญญาเลขที่ 31/2557 ลงวันที่ 25 ก.พ. 2557 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง เป็นเงิน 321,670,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 4 ส.ค. 2558 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก จำนวน 1,048 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.61 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างตามสัญญา จนถึงเดือน เม.ย. 2561 การก่อสร้างคืบหน้าร้อยละ 86.08
ส่วนโครงการที่ 3 เป็นการก่อสร้างบ้านพัก รวมจำนวน 9 หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ จำนวน 64 หน่วย พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ตามสัญญาเลขที่ 55/2556 ลงวันที่ 19 ก.ค. 2556 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง เป็นเงิน 342,900,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 9 ก.ค. 2558 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาทำการก่อสร้างออกไปอีก 1,066 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 9 มิ.ย. 2561 งานก่อสร้างถึงเดือนเมษายน 2561 คืบหน้าคิดเป็นร้อยละ 84.52