xs
xsm
sm
md
lg

ครูสาวประเภทสองเฮ! ศาล ปค.สั่ง มธ.รับเข้าเป็นอาจารย์ ชี้โพสต์รูปลิปสยิวไม่เข้าข่ายบกพร่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศาลปกครองพิพากษาสั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับ “ครูเคท” สาวประเภทสอง เข้าเป็นอาจารย์คณะสังคมฯ ชี้โพสต์รูปลิปสติกส่อสยิว ยังไม่เข้าข่ายเป็นผู้บกพร่องทางศีลธรรม

วันนี้ (8 มี.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เรียกนายคทาวุธ ครั้งพิบูลย์ หรือครูเคท สาวข้ามเพศ ไปทำสัญญาจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการตำแหน่งอาจารย์ คณะสังคมศาสตร์ ตามที่สอบคัดเลือกได้เมื่อปี 2557 ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด

สำหรับคดีนี้ นายคทาวุธได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เพื่อขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีมติไม่ว่าจ้าง ให้ไปเป็นพนักงานในมหาวิทยาลัยในตำแหน่งอาจารย์ โดยอ้างว่าการที่นายคทาวุธแสดงออกโดยโพสต์ภาพลิปสติกที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย และใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะไม่เหมาะสมกระทบต่อภาพลักษณ์การเป็นอาจารย์ ซึ่งการเดินทางมาฟังคำพิพากษาของนายคทาวุธก็ได้มีกลุ่มเพศทางเลือก และนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาร่วมให้กำลังใจด้วย ส่วนที่ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการบริหาร มธ. เนื่องจากเห็นว่าการที่นายคทาวุธได้สื่อสารทางสังคมออนไลน์เป็นวิธีสื่อสารถึงกัน อันเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ที่ใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาทรับรองสิทธินี้ไว้ แต่สิทธิเสรีภาพในการสื่อสารทางสังคมออนไลน์ของนายคทาวุธจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับของทางราชการ หากนายคทาวุธมีการสื่อสารทางสังคมออนไลน์โดยไม่ได้อยู่ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของทางราชการ นายคทาวุธย่อมไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิและเสรีภาพไว้ ซึ่งศาลได้พิจารณามติของคณะกรรมการ มธ.แล้วเห็นว่าการที่มีมติไม่ว่าจ้างนายคทาวุธเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ได้เกี่ยวกับเพศสภาพ หากแต่คณะกรรมการบิรหาร มธ.ได้นำพฤติการณ์หรือการกระทำนายคทาวุธที่ได้สื่อสารทางสังคมออนไลน์มาใช้อ้างในการมีมติไม่ว่าจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย และเมื่อศาลได้พิจารณาพฤติการณ์ หรือการกระทำของนายคทาวุธ ที่ได้สื่อสารทางสังคมออนไลน์ คือ เฟซบุ๊ก จำนวน 4 ข้อความ และอินสตาแกรม จำนวน 2 ข้อความ พร้อมภาพประกอบแล้วเห็นว่า การใช้ถ้อยคำของของนายคทาวุธและภาพที่ได้เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม อาจจะมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพและภาพไม่ เหมาะสมอยู่บ้างบางคำบางภาพ แต่ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือได้ว่านายคทาวุธมีลักษณะต้องห้ามอันเนื่องจากเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี ตามมาตรา 7(ข) (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึ กษา พ.ศ. 2547 การที่คณะกรรมการบริหาร มธ.มีมติไม่ว่าจ้างนายคทาวุธเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาให้เพิกถอน

นายคทาวุธให้สัมภาษณ์หลังจากฟังคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ว่าขอขอบคุณศาลปกครองที่มีคำพิ พากษาดังกล่าว ถือเป็นการพิสูจน์ว่าการใช้ดุลพินิจไม่ว่าจ้างตนเป็นพนักงาน มธ.ของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยไม่เป็นธรรม ทั้งที่มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งของผู้มีปัญญาชน รวมทั้งศาลก็ได้วินิจฉัยว่า การแสดงออกของตนทางสื่อโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นพฤติกรรมชั่วร้ายที่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งก็ต้องรอดูว่ามหาวิทยาลัยจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ และหากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเช่นเดียวกับศาลปกครองชั้นต้นในวันนี้ ตนก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นพนักงานของ มธ. เพราะเป็นความตั้งใจมาโดยตลอดที่จะไปเป็นอาจารย์ เนื่องจากคิดว่าองค์ความรู้โดยเฉพาะการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุของเพศสภาพยังมีการเรียนการสอนที่ไม่กว้างขวาง และยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ซึ่งการเลือกปฏิบัติในแต่ละกรณีมีระดับที่ลึกมากแตกต่างกันและอยากให้กรณีของตนเองเป็นตัวอย่างให้ผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุของเพศสภาพไม่นิ่งเฉย ลุกขึ้นออกมาต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการจ้างงาน ซึ่งผู้ที่ไม่ได้รับการจ้างด้วยเหตุแห่งเพศสภาพถือว่าเป็นความลำบากของชีวิต

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวชื่นชมว่า คำวินิจฉัยของศาลปกครองในวันนี้ ได้มีชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมใดเข้าข่ายเป็นความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี โดยในกรณีของครูเคท แม้จะโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลมีเดีย แต่ก็ได้ตั้งค่าเป็นส่วนตัวเห็นเฉพาะเพื่อน จึงไม่ได้ทำให้สาธารณะเกิดความเสียหาย และนำไปสู่การพิจารณาว่าคำสั่งของ มธ.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถ้าหากมีการยื่นอุทธรณ์ และศาลปกครองสูงสุดยื่นตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ต่อไปก็จะเป็นบรรทัดฐานว่าการกระทำใดบ้างที่เป็นความบกพร่องต่อศีลธรรมอันดี ตามระเบียบของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา 2547 และจะทำให้ไม่มีผู้นำพฤติกรรมต่างๆ มากล่าวหาบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่าเป็นผู้บกพร่องศีลธรรมอันดี ได้ง่ายๆ ทั้งระบบราชการก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นในการรับบุคคลข้ามเพศสภาพด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น