อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง เผยเบื้องหลังทำคดีค่าโง่ 9 พันล้าน “โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน” ระบุเป็นคนร่างหนังสือลำดับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ชี้ช่องแม้กระทรวงการคลังไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง แต่กรมควบคุมมลพิษมีอำนาจ สุดท้ายรัฐไม่ต้องจ่าย 9 พันล้าน
กรณี “ศาลปกครองกลาง” มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้ “กรมควบคุมมลพิษ” ชดใช้ค่าเสียหายใน โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ จำนวน 9,600 ล้านบาท ให้แก่ 6 บริษัทร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ที่มีบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง เป็นแกนนั้น
วันนี้ (7 มี.ค.) นายประภาส คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า คดีตำนานค่าโง่คลองด่านซึ่งเดิมคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำวินิจฉัยให้รัฐจ่ายค่าเสียหายให้แก่กลุ่มบริษัทเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ต่อมาศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กลุ่มบริษัทผู้รับเหมาในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านเป็นเงิน 9,600 ล้านบาท ยืนตามคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งรัฐโดยกระทรวงการคลังได้มีการจ่ายแล้วบางส่วน และต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งศาลยุติธรรมที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีอาญา ได้มีคำพิพากษาว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่เกี่ยวขัองในโครงการนี้มีการกระทำทุจริต คณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อปี 2559 ได้มีมติให้กระทรวงการคลังไปหาทางรื้อฟื้นคดีเพื่อให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่ให้แก่กลุ่มบริษัทที่ชนะคดีในศาลปกครองสูงสุด
นายประภาสเล่าว่า ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ดูแลกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ไม่ได้ดูแลกำกับกรมบัญชีกลางที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้โดยตรง แต่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ตนดำเนินการเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษนอกเหนือภารกิจปกติ หลังจากที่ได้รับมอบหมายแล้วตนก็ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมบัญชีกลาง และประสานกันอย่างใกล้ชิดกับกรมควบคุมมลพิษ ที่สำคัญคือได้ลงมือร่างหนังสือลำดับเหตุการณ์เรื่องนี้ทั้งหมดด้วยตนเอง เพราะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ในการปิดแง่มุมทางกฎหมายให้รอบคอบที่สุด ต้องศึกษารายละเอียดคำพิพากษาของศาลปกครอง ศาลยุติธรรม และคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการทุกฉบับ และได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่
“ผมเชื่อมั่นว่าด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ได้ส่งหนังสือไปจากกระทรวงการคลัง ในที่สุดสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ที่ศาลปกครองกลาง และได้เสนอให้ทั้งกรมควบคุมมลพิษและกระทรวงการคลังต้องร่วมกันยื่นคำร้องในคดีนี้ เพราะคาดหมายได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าถ้าลำพังกระทรวงการคลังเป็นผู้ยื่นศาลอาจจะยกคำร้องเพราะกระทรวงการคลังมิได้เป็นคู่ความอยู่ในคดีเดิมโดยตรง แม้ว่าจะต้องเป็นผู้ชำระเงินให้แก่ผู้ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดก็ตาม ต่อมาทั้งกระทรวงการคลังและกรมควบคุมมลพิษก็ได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง
และในที่สุดเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษาให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่อีกต่อไป แม้ว่าคำพิพากษาจะระบุว่ากระทรวงการคลังไม่มีอำนาจยื่นคำร้องตามที่ผมคาดไว้ตั้งแต่ต้น แต่ศาลก็ได้วินิจฉัยว่ากรมควบคุมมลพิษเป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้และผลคดีก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ผมรู้สึกยินดีและภูมิใจมากครับที่ได้มีส่วนสำคัญในการทำเรื่องนี้จนสำเร็จทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าโง่ถึง 9,600 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากที่ต้องลงมือเขียนเอกสารเองทั้งหมดด้วยตนเอง แต่ก็หายเหนื่อยครับที่สามารถปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติไว้ได้” นายประภาสกล่าว