MGR Online - เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีทุจริตซื้อที่ดินสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน มูลค่าเฉียด 2 หมื่นล้านบาท ไป 30 พ.ค.นี้ เหตุจำเลยบางรายยังไม่ได้รับหมาย
วันนี้ (7 มี.ค.) ศาลแขวงดุสิต เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฉ้อโกงซื้อที่ดินและสัญญาสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง 1. กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี (NVPSKG) 2. บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3. นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 4. บริษัท ประยูรวิศว์การช่าง 5. นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ประยูรวิศว์การช่าง 6. บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) 7. นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัท สี่แสงการโยธา 8. บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 9. นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 10. บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ 11. นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ 12. บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ 13. นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 14. นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 15. นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 16. บริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ 17. นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18. นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19. วัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินนั้นกลับเป็นกลุ่มบริษัทจัดหามาแล้วที่ดินนั้นเป็นคลอง ถนนสาธารณะ และป่าชายเลน และฉ้อโกงสัญญาก่อสร้างฯ มูลค่าประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท
คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้า NVPSKG จำเลยที่ 1 และสั่งประทับรับฟ้องไว้เฉพาะจำเลยที่ 2-19
สำหรับเหตุผลที่เลื่อนการอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยที่ 11-13, 15 และ 19 ไม่มาศาล จำเลยบางคนยังไม่ได้รับหมายเพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ที่อยู่ถูกรื้อถอนและถูกไฟไหม้ ศาลจึงให้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาใหม่ หากไม่มีผู้รับก็ให้ดำเนินการปิดหมายไว้ และศาลนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยที่ 19 คือ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ก่อนหน้านี้หนีคดีตั้งแต่ปี 2552 และศาลออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งนายวัฒนานั้นนอกจากคดีนี้ฉ้อโกงนี้แล้วยังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก 10 ปี เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ด้วย ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกโฉนดที่ดินใน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ทั้งที่รัฐได้ประกาศหวงห้ามให้ที่บริเวณดังกล่าวใช้เป็นที่ทิ้งขยะมูลฝอย และถนนสาธารณะให้กับ บ.ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.148 แต่นายวัฒนาได้หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงให้ออกหมายจับเพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษาด้วย คดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี
ทั้งนี้ สำหรับคดีฉ้อโกงเดิมศาลแขวงดุสิตที่เป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2552 พิพากษาว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2-19 เชื่อมโยงมีการแบ่งหน้าที่กันทำกลุ่มหนึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินนำขายให้แก่โจทก์ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงการซึ่งมีความสัมพันธ์กัน โดยทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินดังกล่าวออกโฉนดโดยมิชอบแล้วนำมาขายให้กับโจทก์ใช้ก่อสร้างโครงบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านโดยไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวร่วมดำเนินการ มีเจตนาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นำผลประโยชน์ไปแบ่งปันกัน พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-19 ร่วมกันกระทำผิดตาม ม.341 ฐานร่วมกันฉ้อโกง อันเป็นความผิดกรรมเดียว จึงให้จำคุก นายพิษณุ ชวนะนันท์ กก.บ.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กก.บ.ประยูรวิศว์การช่าง, นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กก.บ.สี่แสงการโยธา, นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กก.บ.กรุงธนเอนยิเนียร์, นายรอยอิศราพร ชุตาภา กก.บ.เกตเวย์, นายชาลี ชุตาภา กก.บ.คลองด่านมารีนฯ, นายประพาส ตีระสงกรานต์ กก.บ.คลองด่านมารีนฯ, นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กก.บริษัท คลองด่านมารีนฯ ,นางบุญศรี ปิ่นขยัน กก.บ.ปาล์ม บีชฯ และนายกว๊อกวา โอเยง ผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย จำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18, 19 คนละ 3 ปี
ส่วน บ.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, บ.ประยูรวิศว์การช่าง, บ.สี่แสงการโยธา(1979), บ. กรุงธนเอนยิเนียร์, บ.เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์, บ.คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ และ บ.ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12 , 16 ให้ปรับรายละ 6,000 บาท โดยระหว่างอุทธรณ์คดี จำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18 ได้ประกันคนละ 1 ล้านบาท ส่วนนายวัฒนา จำเลยที่ 19 หลบหนีคดีไปก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับและปรับนายประกัน
ต่อมาศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2556 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าช่วงเวลาที่ บ.ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 16 ซื้อที่ดินยังไม่แน่ชัดว่าโครงการก่อสร้างบำบัดน้ำเสียจะใช้ที่ดินบริเวณ ใดบ้าง โดย คพ.เพิ่งมีโครงการชัดเจนว่าจะใช้ที่ดิน ต.คลองด่าน ในเดือน ก.พ. 2539 ดังนั้น พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าพวกจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการใดๆ ให้คณะกรรมการคัดเลือกของ คพ.ให้เลือกที่ดินของ บ.คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 12 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-19 ฟังขึ้น