xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” เผย กกต.ค้นพบบันทึกเจตนารมณ์ของกรธ.บทเฉพาะกาล รธน.60 ไม่เซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สมชัย” เชื่อ “เซตซีโร่ กกต.” เหตุตนเห็นขัดแย้งรัฐบาลบ่อย โวยหมั่นไส้ตนคนเดียวแต่โละทั้งชุดไม่แฟร์ เผย กกต. เตรียมมีมติยื่นคัดค้าน ลั่นสู้เพื่อความถูกต้องไม่ใช่เพราะอยากอยู่ต่อ แม้ความหวังริบหรี่ก็ตาม ฝากให้คิด สรรหา กกต. ชุดใหม่ สนช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว จะเป็นกลางได้อย่างไร

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ภายใต้หัวข้อ “เซตซีโร่ กกต. เพราะสมชัย” ออกอากาศทางช่อง “นิวส์วัน” ดำเนินรายการโดย นายเติมศักดิ์ จารุปราณ

โดย รศ.สมชัย กล่าวถึงสเตตัสเฟซบุ๊กที่โพสต์ไปว่า กกต. ชุดนี้สั่งไม่ได้ จึงถูกเซตซีโร่ ว่า เล่าถึงอดีตไม่ใช่ปัจจุบันและอนาคต ก็อดีตที่ผ่านมาหลายคน อาจจะมีข้อกล่าวหา กกต. ว่า เป็นคนฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ และเอียงข้างนู้นเอียงข้างนี้ แต่ตนก็พยายามจะเล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้เอียงข้างใครเลย เรามาเป็นองค์กร ซึ่งว่าไปตามกฎหมาย ตามกฎเกณฑ์ แม้คนมีอำนาจบ้านเมืองสั่งเราหรือขอเรา หรืออยากให้ทำอะไรหลายๆ อย่าง เราก็ไม่ตามใจ ไม่เพียงแต่ฝ่ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับ สนช. ก็มีความเห็นที่สวนทางกัน อย่างเช่น ตอนออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ ตนก็มีความเห็นว่าคำถามพ่วงประชามติต้องสั้น ง่าย กระชับ น่าจะมีปรับปรุง ไม่ควรจะใช้เป็นเสียงคำถามออกประชามติ ก็พูดสวนเขา ก็ปรากฏว่า สนช. หลายท่านเนี่ยก็ว่าตนว่าไม่ใช่หน้าที่ กกต. มีหน้าที่จัด จัดไป คำถามเป็นเรื่องของ สนช.

หรืออย่างกรณี ผู้บริหารบ้านเมืองพูดว่าใส่เสื้อโหวตโน ผิดจะจับ ทำไม่ได้ แจกใบปลิว แจกแผ่นพับต่างๆ ทำไม่ได้ กกต. ก็แสดงจุดยืนว่าสิ่งเหล่านี้ถ้าหากว่า 1. ไม่หยาบคาย 2. ไม่เป็นเท็จ 3. ไม่เป็นการปลุกระดม สามารถทำได้ แล้วก็บอกว่าใส่เสื้อโหวตโน ก็ใส่ได้ ถ้าจะแจกแผ่นปลิวแผ่นพับ ถ้าหากไม่เข้าข่าย 3 อย่างนั้น ก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นนี่คือการแสดงจุดยืน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนผู้มีอำนาจในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะท้อนว่า กกต. เองไม่ใช่เรื่องของที่ว่าจะต้องตามใจใคร แต่เรายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องว่าควรเป็นอย่างไร

หรือแม้กระทั่งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เราเองวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงว่าสิ่งต่างๆ มันอาจจะเป็นสิ่งซึ่งปัญหาในอนาคต เช่นหลักการที่กรรมร่างเสนอเรื่องของผู้ตรวจการการเลือกตั้งแทน กกต. จังหวัด เราก็บอกล่วงหน้าว่ามันจะเป็นปัญหาเพราะเอาคนที่ไม่อยู่ในพื้นที่

รศ.สมชัย กล่าวต่อว่า เวลาเขามีการรับฟังความคิดเห็น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมือง เกี่ยวกับ กกต. ส.ส.- ส.ว. จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ใช้เงินไม่น้อย ไปใช้ทุกๆ จังหวัด ทุกภาค และจัดในส่วนกลาง แต่ว่าเอาสิ่งซึ่งไม่ใช่ร่างจริงมาให้ดู แล้วบอกว่ามันอยู่ในกระบวนการการร่าง ก็ทำไมไม่ร่างให้เสร็จ ทำไมไม่เอาของจริงครบถ้วนมาให้ดู หรือแม้ประเด็นเซตซีโร่ ก็ไม่อยู่ในร่างที่ไปรับฟังความคิดเห็น หรือเรื่องของพรรคการเมืองก็ดี เรื่องของการเลือก ส.ส. ส.ว. ก็ดี ก็เหมือนกับ กรธ.เอง ก็เหมือนกับว่าจะบาดเจ็บในระหว่างทาง

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าเป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์สมชัย และ กกต.โดนหมั่นไส้ ในนาทีสุดท้าย ก็โละทิ้งไปทั้งชุดเลย รศ.สมชัย กล่าวว่า ถ้าหมั่นไส้ตนจะโละไปทำไมทั้งชุด หลักการอยู่ตรงนี้ว่าในกรรมการการเลือกตั้งที่เหลือ ถ้าเราไล่กันดูกรรมการการเลือกตั้ง 5 คน ถ้าเอาหลักการที่ กรธ. พูดไว้ตอนแรกว่าคนที่มีคุณสมบัติครบได้ไปต่อคนซึ่งไม่ครบต้องออกไป คนเดียวแน่ๆ เท่านั้นเอง คือ ท่านประวิช รัตนเพียร ด้วยเหตุว่าเคยเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินมาก่อน ด้วยเหตุว่าพ้นจากตำแหน่งไม่ถึง 10 ปี 2 ข้อกล่าวหาเพียงพอละ และอีก 3 คน ผ่านแน่ๆ คือ เคยเป็นผู้พิพากษาระดับอธิบดีผู้พิพากษาศาล เพราะฉะนั้น 3 คนนี้ผ่านแน่ๆ ส่วนตนเป็นกลุ่มที่ประเภทครึ่งๆ กลางๆ ยังไม่รู้จะพ้นไม่พ้น เพราะจะต้องเอาหลักฐานไปยื่นต่อกรรมการสรรหาว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในแง่ของการทำงานภาคประชาสังคมมาไม่น้อยกว่า 20 ปี ก็ต้องไปยื่น ซึ่งกรรมการสรรหาจะบอกว่าใช่หรือไม่ใช่ยังไม่รู้ คำถามคือถ้าหมั่นไส้ตนก็ให้ขบวนการตรงนั้นเป็นฝ่ายที่สรรหาสิ และก็ในขบวนการตรงนั้นยังเขียนไว้ว่าจะต้องเป็นที่มีทัศนคติเหมาะสมกับการทำงานในฐานะเป็นกรรมการการเลือกตั้ง ยังเล่นตรงนั้นได้อีก ทัศนคติไม่ดี ฉะนั้น ตรงนั้นยังไม่แปลว่าตนปลอดภัย ถึงผมจะมีประสบการณ์ในการทำงานครบ 20 ปี แต่ถ้ายังพบทัศนคติไม่ดี ปากมาก ปากเสีย ก้าวร้าวผู้ใหญ่ อะไรก็แล้วแต่ ก็ยังที่จะให้เหตุผลตรงนั้นได้

หมั่นไส้ตนคนเดียวต้องให้ไปทั้งชุด คิดว่าเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง และสิ่งสำคัญในเชิงของหลักของนิติธรรม แม้กระทั่งคนที่คุณสมบัติไม่ครบคุณให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ อย่าง ท่านประวิช รัตนเพียร วันซึ่งมาสมัคร กกต. ท่านเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่แล้วเงินเดือนสัก 4 เท่าของ กกต. แต่ท่านลาออกจากตำแหน่งตรงนั้นซึ่งยังไม่รู้นะว่าลาออกมาแล้วจะมาลง กกต. แล้วจะได้หรือไม่ได้ ท่านก็ลาออกมาแล้ววันนั้นท่านมีคุณสมบัติครบวันนั้นไม่มีข้อกำหนดว่าเคยเป็นองค์กรอิสระมาก่อนไม่ได้ ไม่มีประโยคนี้ วันนั้นระบุว่าพ้นจากการเมือง 5 ปีขึ้นไป วันนั้นท่านพ้น 5 ปี ขึ้นไป วันนี้มาเปลี่ยนกติกาใหม่บอกว่าท่านเคยเป็นองค์กรอิสระมาแล้วเพราะฉะนั้นท่านต้องพ้นทันที หรือบอกว่าท่านยังพ้นการเมืองไม่ถึง 10 ปี จาก 5 กลายเป็น 10 ให้ความเป็นธรรมกับเขาไหม

แล้วท่านที่คุณสมบัติครบให้ความเป็นธรรมกับเขาไหม 3 ท่านล้วนแต่เป็นผู้พิพากษาซึ่งจะมีอนาคตในแวดวงผู้พิพากษาต่อไปได้จนอายุ 70 ปี วันนี้ท่านธีรวัฒน์ อายุ 65 ท่านบุญส่งอายุ 69 ท่านศุภชัย อายุ 68 วันที่ท่านลาออกจากผู้พิพากษา คือ ทิ้งความก้าวหน้าในอาชีพผู้พิพากษา ทิ้งเงินเดือน ทิ้งฐานะที่สังคมยอมรับผู้พิพากษา มาทำงานในหน้าที่ กกต. ยังต้องโห้ลาออกจากสารพัด เป็น กกต. เป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย วันนี้มาบอกว่าด้วยเรื่องของโครงสร้างใหม่ด้วยเรื่องของปลา 2 น้ำ 3 ท่านนี้ต้องพ้นไปด้วย และถามว่า เขาสามารถกลับไปเป็นศาลได้หรือไม่ หรือถ้าเขากลับไปตำแหน่งที่เขามีอยู่จะคืนมาที่เขาไหม คือ ถ้าหากสมมตินะ ถ้าเขาผ่อนบ้านผ่อนรถหรือมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งเลี้ยงตัวเองด้วยรายได้ของการเป็น กกต. ถามว่าวันนี้ให้เขาออกไปเป็นธรรมกับเขาไหม นี่ยกตวอย่างให้เห็นเป็นหลักของหลักนิติธรรม

รศ.สมชัย กล่าวอีกว่า ท่านหนึ่งเคยพูดว่า ท่านจะทำอย่างไรกับองค์กรอิสระหนึ่ง ก็จะเป็นบรรทัดฐานใช้ในทุกองค์กรอิสระ แต่วันนี้พูดประโยคว่า เห็นดีเห็นงามกับการที่จะต้องเซ็ตซีโร่ทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องใช้เหมือนกันทุกองค์กร อันนี้ก็คือความกลับไปกลับมา หรือในแง่ของการพูดว่า ไม่เคยมีความคิดเรื่องเซตซีโร่ แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าเซตซีโร่ อย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นวิธีการคิดที่กลับไปกลับมา

รศ.สมชัย กล่าวด้วยว่า วันที่ 14 มิ.ย. ตอนเย็น กกต. จะมีมติว่ายอมหรือจะมีการยื่นเรื่องคัดค้าน ซึ่งเป็นการใช้สิทธิว่าถ้าเราเห็นว่ากฎหมายดังกล่าว ออกมาแล้วขัดกับหลักนิติธรรม ขัดกับเจตนาของรัฐธรรมนูญก็มีสิทธิในการปกป้องกฏหมาย ดังนั้นการสู้เพื่อปกป้องกฎหมายไม่ได้ปกป้องตัวเอง ซึ่งมีแนวโน้มเกิน 60% ที่จะยื่นแน่นอน ยื่นต่อทาง สนช. ว่า ประเด็นของกฎหมายที่มีอยู่ที่ออกมามีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและก็ขัดกับเจตนารมณ์ขัดกับหลักนิติรัฐหลักนิติธรรมและอาจจะต้องเป็นปัญหาทำให้ต้องมีการทบทวน

เมื่อถามว่า จะไม่ใช้ความเป็น NGO แสวงหาหนทางสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในองค์กรสรรหาอื่น รศ.สมชัย กล่าวตอบว่า ไม่มี เพราะการดำรงตำแหน่งตรงนี้ถูกห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าไม่สามารถไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอื่นๆ ต่อไปได้ เป็นได้ครั้งเดียวในชีวิต เพราะอย่างนั้นต้องไปทำมาหากินอย่างอื่น ขายโอเลี้ยง ขายอะไรก็แล้วแต่

อย่าไปคิดว่า กกต. อยากจะอยู่ต่อ ท่านบุญส่ง ท่านก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อ ท่านออกวันนี้ ไม่ได้แปลว่าออกวันนี้นะ กว่าจะสรรหาเสร็จก็คือประมาณต้นปีหน้า และท่านก็มีวาระถึงเดือนกรกฎาคม เพราะฉะนั้นท่านก็คือแทบจะไม่แตกต่าง ท่านประธานก็ประมาณกุมภาพันธ์ ปี 62 เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะคิดว่าจะเป็นปัญหา และท่านออกตอนนี้ ไม่ต้องจัดการเลือกตั้ง แต่ถ้าท่านจัดเลือกตั้ง แล้วจะมีอีก 100 เรื่องเข้ามา ซึ่งนำสู่ความเสี่ยงในแง่ต่างๆ ของชีวิตแค่ไหนยังไม่รู้

“ผมเองพูดตามตรง พูดตามตรง พอแล้ว เพราะว่าขณะนี้ได้ทุกอย่างที่ผมต้องการหมดแล้ว มีอาชีพอาจารย์ สอนหนังสือ สบายใจมากกว่า เพราะหลักการที่เราจะโต้แย้งขึ้นไป ไม่ได้เพื่อบอกว่าต้องการอยู่ต่อ แต่เพื่อให้เกิดหลักการที่ถูกต้องในบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่การออกกฎหมายอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีมาตรฐานเดียวกัน องค์กรหนึ่งใช้อย่าง องค์กรหนึ่งใช้อีกอย่าง แล้วก็มาอ้างว่ามันไม่เหมือนกันอย่างนี้เป็นต้น ก่อนหน้านี้ก็อ้างว่าปลาสองน้ำ พอเราโต้ว่าปลาสองน้ำ ท่านก็เปลี่ยนเรื่องใหม่” รศ.สมชัย ระบุ

ส่วน กกต.ใหม่ 7 ราย ให้ดูกระบวนการสรรหา ตนชี้ว่า กระบวนการสรรหาที่เป็นอยู่ภายใต้บทเฉพาะกาล ไม่ใช่กระบวนการในสภาวะปกติ เพราะว่าวิธีการสรรหา เริ่มต้นว่า 1. มีกรรมการสรรหา กรรมการสรรหาสามารถไปคว้าใครมาก็ได้ โดยไม่ต้องสมัคร นี่คือในรัฐธรรมนูญ นอกบัญชีผู้สมัครก็ได้ นี่คือกติกาที่เปลี่ยนแปลงไป 2. เมื่อกรรมการสรรหา ลงมติเรียบร้อยแล้ว ส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา บทเฉพาะกาลบอกว่าตอนนี้ไม่มีวุฒิสภา ให้ใช้ สนช. แทน สนช. มีสิทธิที่จะปฏิเสธชื่อที่กรรมการสรรหาส่งไป ปฏิเสธกี่ครั้งก็ได้ และเมื่อปฏิเสธแล้วชื่อนั้นต้องหายไปทันที ไม่มีสิทธิส่งมาใหม่ ต้องส่งชื่อใหม่ ทำแบบนี้จนกว่า สนช.จะเห็นชอบให้มีกรรมการการเลือกตั้งครบทั้ง 7 คน

จะเป็นกลางไหม ถ้า สนช. หรือรัฐบาลชุดนี้ไม่คิดจะอยู่ในอำนาจต่อ ไม่คิดว่าจะหนุนพรรคการเมืองใด ไม่คิดว่าจะเป็นผู้บริหารต่อหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าท่านจะได้องค์กรที่เป็นกลางจริงๆ เพื่อมากำกับกติกาในอนาคต แต่ถ้า สนช. คิดจะเป็น ส.ว. ต่อ หรือหลายท่านคิดจะเป็นรัฐบาลต่อ หรือคิดว่าพรรคการเมืองนี้ดี พรรคการเมืองนี้ไม่ดี ต้องหนุนบางพรรคให้ชนะเลือกตั้ง กกต. ที่จะเกิดขึ้นจากรายชื่อ สนช. จากการที่ สนช. อนุมัติรายชื่อ จะเป็นกลางได้อย่างไร

รศ.สมชัย กล่าวถึงขั้นตอนยื่นเรื่องคัดค้านว่า ต้องยื่นไปยัง สนช. แล้ว สนช. จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วมขึ้นมา 11 คนก็จะ มีประธาน กกต. เป็นประธาน สนช. 5 คน กรธ. 5 คน รับพิจารณาข้อเสนอของ กกต. แล้วเขาส่งเรื่องกลับไปโหวตใน สนช. ถ้าเห็นด้วยกับข้อเสนอเรากฎหมายนี้ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ก็ตกไปร่างใหม่ แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ประกาศใช้กฎหมาย พอประกาศใช้กฎหมายแล้ว ค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ

เมื่อถามว่า ยังมีลุ้นอยู่ไหม รศ.สมชัย กล่าวว่า ตนเก็บของแล้วหมดแล้ว ไปดูออฟฟิศได้ เพราะฉะนั้นมีความสุขนะ แต่ขอสู้จนนาทีสุดท้าย เพื่อหลักการ ไม่ได้ว่าเพื่อให้ตัวเองอยู่ แล้วก็เรียนตามตรงครับ การเป็นน กกต. ไม่ได้มีความสุข เหนื่อย แต่คิดว่าเรามีโอกาสทำเพื่อบ้านเมือง เราก็ทำ เท่าที่ทำได้

คำต่อคำ : รายการ “คนเคาะข่าว” วันที่ 13 มิ. ย. 2560

เติมศักดิ์ -สวัสดีครับ ขอต้อนรับสู่รายการคนเคาะข่าว วันอังคาร ที่ 13 มิ.ย. 2560 นะครับ วันนี้มาเปิดใจกรรมการเลือกตั้ง 1 ในกรรมการเลือกตั้ง รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร สวัสดีครับ อาจารย์สมชัยครับ

รศ.สมชัย-สวัสดีครับ คุณเติมศักดิ์

เคิมศักดิ์ -อาจารย์สมชัยครับ ผมขอพูดเรื่องสเตตัสของอาจารย์เมื่อเช้านี้หน่อยครับ

รศ.สมชัย-สเตตัสในไหน อ๋อ เฟซบุ๊ก

เติมศักดิ์ -ซึ่งก็ถูกวิจารณ์กันอื้ออึง อาจารย์ใช้หัวเรื่องว่าบังเอิญ กกต.ชุดนี้สั่งไม่ได้ แล้วอาจารย์ไล่เรียงเหตุการณ์ที่สั่งไม่ได้มา 4-5 เหตุการณ์ เมื่ออาจารย์จะบอกว่าเพราะกกต.ชุดนี้สั่งไม่ได้จึงถูกเซ็ตซีโร่ใช่ไหมครับ อาจารย์ครับ

รศ.สมชัย-ผมเล่าถึงอดีต ไม่ใช่ปัจจุบันและอนาคตนะครับ ก็อดีตที่ผ่านมาหลายคน อาจจะมีข้อกล่าวหากกต.ว่าเป็นคนฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ และเอียงข้างนู้นเอียงข้างนี้นะครับ แต่ผมก็พยายามจะเล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาเนี่ย มาให้ฟังกันมาเราไม่ได้เอียงข้างใครเลย เรามาเป็นองค์กรซึ่งว่าไปตามกฎหมาย ตามกฎเกณฑ์ฎีกา แม้คนมีอำนาจบ้านเมืองสั่งเราหรือขอเรา หรืออยากให้เราทำอะไรหลายๆ อย่างเนี่ย เราก็ไม่ตามใจ คือตั้งแต่เคสกรณีซึ่งผมยกอันแรกขึ้นมานะครับ ก็ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง นะครับ เข้ามาร่วมประชุมกับ กกต. ตอนนั้นก็ถ้าจำกันได้รัฐบาลต้องจ่ายชาวนารับจำนำข้าว และเงินไม่มีเพราะฉะนั้นต้องไปขอกู้จาก ธกส. และท่านก็มาเป็นคณะใหญ่นะครับ มาคุยกับกกต. เจตนาของท่านก็คือต้องการให้เราอนุมัติเงิน อนุมัติให้ธกส.เนี่ยให้รัฐบาลกู้เงินได้ ผมบอกว่าผมตามใจท่านไม่ได้ ถ้าให้ไปผิดรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลที่รักษาการนั้น ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันรัฐบาลชุดใหม่ไปได้ ผมก็ถามกู้เนี่ยแล้วใช้เมื่อไร เขาบอกใช้อีก 16 เดือน และก็ต้องค่อยๆ ขาย แล้วผมถามกลับไปว่าแล้ว 16 เดือนท่านยังเป็นรัฐบาลอยู่รึเปล่า เขาบอกว่าไม่ได้เป็นคงเป็นรัฐบาลหน้า อย่างนี้เป็นต้นนะครับ นั้นเป็นเคสกรณีหนึ่งและอีกหลายกรณีที่ดู ไปนะครับ

เติมศักดิ์ - อย่างกรณีเมื่อปี 2557 คุณยิ่งลักษณ์จะให้ กกต.เดินหน้าเลือกตั้ง

รศ.สมชัย-ใช่ครับ อันนั้นก็เป็นการขัดแย้งกันแบบหนึ่ง เราเป็นฝ่ายจัดการเลือกตั้ง เราเห็น 2 อย่างเกิดขึ้นแน่ๆ คือ 1.ถ้าเดินหน้าเลือกตั้ง ความขัดแย้งรุนแรงในสังคม มันถึงขั้นฆ่ากัน เพราะฉะนั้นมันเกิดการบานปลายของสถานการณ์นำไปสู่การเสียเลือดเนื้อของคนไทย ประธานกกต.พูดชัดว่าเลือกตั้งเลื่อนได้ แต่ชีวิตคนตายไปเอาคืนไม่ได้นะครับ และทุกปัญหาการเมืองในประเทศไทย มันจบด้วยการสูญเสีย มันจะเรียกเป็นตราบาปก็ได้ มันเป็นสิ่งซึ่งเราขึ้นชื่อได้ว่าเราเป็นกกต.มือเปื้อนเลือดก็ได้ อันนี้เราบอกว่าต้องระมัดระวังในการไม่ให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต 2.เราเห็นภาพล่วงหน้าเลยว่าการที่ไม่สามารถรับสมัคร 28 เขตได้ ในเขตภาคใต้ มันจะสู่ฟ้องร้องเลือกตั้งในอนาคตว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญไม่เป็นการเลือกตั้งในวันเดียว ซึ่งเราก็เพียรบอกนะ ผมจะโพสต์เฟซบุ๊กบ้าง พูดให้สัมภาษณ์บ้าง หลายคนบอกว่า ไม่เป็นคนซึ่งอยากจะเลือกตั้งก็จะพยายามบอก แล้วไปชี้นำว่าอย่างนี้เป็นปัญหา แล้วเป็นปัญหาจริงไหม พอมีการเลือกตั้งเสร็จมีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ไม่ได้ฟ้องเอง ท้ายสุดศาลก็ชี้ในประโยคที่ผมพูด ไม่ใช่ ศาลต้องตามผมนะ แต่หลักกฎหมายมีอยู่ว่าถ้าไม่เลือกตั้งวันเดียวทั่วประเทศก็ขัดกับรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งก็โมฆะ เพราะฉะนั้นตรงๆ นี้เป็นตัวอย่างชี้เห็นแล้วว่าเราเองทุกยุคยุคสมัยเราจะวางตัวเองในฐานะที่เป็นกลาง คนที่ไปมองว่าผมเข้าข้าง กปปส.นะครับ ว่า อาจารย์สมชัย ไปถ่ายรูปในหมู่ม็อบเป็นพวก กปปส. หรือเปล่า ไปดูรูปผมแขวนนกหวีดที่ไหน ไปที่ไหนมีคนแต่ขอถ่ายรูป เอาอย่างนี้ละกันผมมาตรงไหนก็มีคนขอถ่ายรูป แล้วก็ถามว่าจะมาถ่ายกับผมหรอ ก็ต้องให้เขาเพราะตรงนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งผมคิดว่าคนที่สังคมรู้จัก ถ้าเขารู้สึกว่าเขาอยากถ่ายรูปกับเรา เราจะไปปฏิเสธทำไมนะครับ มีข้อหา กล่าวว่าเป็นฝ่ายของ กปปส. อยากเรียนให้คุณเติมศักดิ์ทราบนะครับว่า กกต.ชุดนี้ฟ้อง กปปส.ดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง ในฐานะขัดขวางการเลือกตั้ง สังคมไม่รู้ครับ เวลาเป็นข่าวไปบอกว่าไม่ทำอะไรกับกลุ่มนี้ เป็นข่าวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่เวลาทำ แถลงข่าวสังคมไม่สนใจทำ วันนี้เราฟ้องแกนนำทั้ง 200 กว่าคน ไปถึงอัยการแล้ว อัยการบอกว่าเอาเฉพาะแกนนำจริงๆ เหลือประมาณ 30 คน อันนี้ฟ้องดำเนินคดีอยู่ แล้วเข้าใจว่าอัยการอยู่ในขั้นตอนการสั่งฟ้องศาลเร็วๆ นี้ ซึ่งจะมีโทษในทั้งอาญา โทษรับผิดในทางแพ่งที่มีผลต่อจัดการเลือกตั้งที่เสียหายไป 2,600 กว่าล้านบาท ในขณะเดียวกันเราก็ฟ้องคุณยิ่งลักษณ์

เติมศักดิ์ -ทั้ง 2 ฝ่าย

รศ.สมชัย-2 ฝ่ายครับ ไม่ได้ฟ้องฝ่ายเดียว คุณยิ่งลักษณ์เราไม่ได้ฟ้องผ่านอัยการ ไปฟ้องที่กระทรวงการคลังว่าในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารและเราได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วว่าถ้าเดินหน้าต่อไปเป็นปัญหา สตง. เตือนมาว่าการจัดตั้งดังกล่าวเป็นปัญหา ว่าทำให้เกิดการสูญเสียเงินของรัฐโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นมีคนเตือนครับไม่ใช่ไม่มีคนเตือน แต่ท่านยังเดินหน้าตัดสินใจเลือกตั้ง เราก็บอกว่าท่านก็ต้องรับผิดชอบด้วย ถึงเวลาไม่รู้อีกกี่ปีไม่ทราบนะครับ กกต.ผิดด้วยอีกคนหาร 3 ถ้าหากว่าไม่ผิดก็หาร 2 แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดฝ่ายเดียวก็ต้องรับไปเต็มๆ นะครับ ไปรับภาระในเชิงของทางแพ่ง

เติมศักดิ์ -อาจารย์ยกอีก 2 เคส ช่วงออกเสียงมติรัฐธรรมนูญ ความเห็น กกต.คล้ายๆ ไปสวนทางสนช. สนช.สวนทางกับแม่น้ำ 5 สายครับพูดง่ายๆ

รศ.สมชัย-ครับคืออันนี้ก็เป็นตัวพิสูจน์ ว่าเราเองเราก็ยืนบนหลักการที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น คือผมก็ไปเห็นออกเสียงประชามติหลายๆ ที่ ว่าคำถามที่ 1 คำถามประชามติต้องสั้น ต้องง่าย ต้องกระชับ ต้องชักจูง ต้องชี้นำ เพราะฉะนั้นคำถามพ่วงที่ สนช.เสนอออกมา 4 บรรทัด จำไม่ได้ ยาวเหลือเกิน ทำนองนี้ แล้วก็มีศัพท์วิชาการเต็มไปหมด แล้วก็มีคำถามที่เป็นคำถามนำไปสู่การตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมก็ให้ความเห็นในส่วนตัวว่าผมว่าคำถามแบบนี้น่าจะมีปรับปรุง ไม่ควรจะใช้เป็นเสียงคำถามออกประชามติ ก็พูดสวนเขา ก็ปรากฎว่าเราก็เจ็บคนเดียวเพราะว่าอะไร เพราะว่าสนช.หลายท่าน เขาก็รุมผมว่าไม่ใช่หน้าที่กกต. กกต.มีหน้าที่จัดจัดไป คำถามเป็นเรื่องของสนช.ในการตั้งนะครับ

เติมศักดิ์ -ไม่ใช่หน้าที่กกต.มาวิจารณ์คำถามพ่วง

รศ.สมชัย-ใช่ครับ แต่เราให้ความเห็นว่าเป็นส่วนซึ่งอาจจะเกิดไม่เป็นกลางในการออกเสียงประชามติหรือนะครับ จะมีประเด็นที่ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ซึ่งก็จะเป็นประเด็นข่าวในช่วงนั้น อันนี้นี้ทำได้ไหม ไอนี่ทำไม่ได้ไหมนะครับ บางครั้งคนที่เป็นผู้บริหารบ้านเมืองก็พูดก่อนกกต. อย่างเช่นบอกว่าใส่เสื้อโหวตโน ผิดจะจับ ทำไม่ได้ แจกใบปลิว แจกแผ่นพับต่างๆ ทำไม่ได้ผิดนะครับ กกต.ก็แสดงจุดยืนว่าสิ่งต่างเหล่านี้ถ้าหากว่า 1.ไม่หยาบคาย 2.ไม่เป็นเท็จ 3.ไม่เป็นการปลุกระดม สามารถทำได้ แล้วก็บอกว่าใส่เสื้อโหวตโน ก็ใส่ได้ ถ้าจะแจกแผ่นปลิวแผ่นผับ ถ้าหากไม่เข้าข่าย 3 อย่างนั้น ก็สามารถทำได้เพราะฉะนั้นนี่คือการแสดงจุดยืนซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนผู้มีอำนาจในสังคม ซึ่งเรียนตามตรงครับว่าคนหรือหน่วยงานที่จะพูดขัดในสถานการณ์ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ผมก็ต้องบอกว่าน้อยเพียงนิดเดียวที่จะสามารถพูดในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้สะท้อนว่ากกต.เองไม่ใช่เรื่องของที่ว่าจะต้องตามใจใคร แต่เรายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องว่าควรเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่ง กรธ.

เติมศักดิ์ -กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

รศ.สมชัย-กรรมการร่าง กรรมการร่างเองมีประเด็นหลายเรื่องต่อสังคม เราเองวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงนะครับว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันอาจจะเป็นสิ่งซึ่งปัญหาในอนาคตนะ ยกตัวอย่างเช่นหลักการที่กรรมร่างเสนอเรื่องของการผู้ตรวจการการเลือกตั้งแทน กกต.จังหวัด ซึ่งตอนนี้ผ่านไปแล้วในหลักการนี้ เราก็บอกล่วงหน้าบอกว่า มันจะเป็นปัญหานะเพราะท่านเอาคนที่ไม่อยู่ในพื้นที่นะครับ จำนวน 5-8 คน อาจจะมี 2 คนอยู่ในพื้นที่นะครับ อีกที่เหลือไม่อยู่ในพื้นที่ ไปทำงาน คำถามที่ 1.เขาไปทำงานไหม 2.คือไปแล้วเขาจะรู้จริงไหม นะครับแล้วอันนี้จะก่อให้เกิดปัญหาจริงรึเปล่า เรื่องจริงเหรอที่ซื้อไม่ได้ แล้วก็ยกหลายๆ ประเด็นออกไปนะครับ เพราะว่าสมมติ คุณเติมศักดิ์ ว่าเราตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินขึ้น เอ่ยผู้ตรวจการการเลือกตั้งขึ้นมาจำนวน 5-8 คน ในจังหวัดหนึ่ง ต้อนรับสมัคร ก็ให้เขียนใบสมัครยืนยันว่าข้าพเจ้าพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในทุกจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย แล้วพอจับฉลากขึ้นมาบอกไปอยู่ปัตตานี แม่ฮ่องสอน ไปอยู่ 2 เดือนเต็มๆ คำถามคือจะมีคนถอนตัวไหม อะไรอย่างนี้เป็นต้น หรือ 2.เข้าไปแล้วเขาจะรู้ข้อเท็จจริงไหมว่าในพื้นที่นั้นเป็นยังไง หัวคะแนนเป็นยังไงนะครับ ถนนหนทางเป็นยังไง บ้านเมืองเป็นยังไง ผู้คนเป็นยังไง ไม่รู้หรอกครับ กระบวนการทำนองแบบนี้เราบอกว่าเราไม่เห็นด้วย

เติมศักดิ์ -แต่เขาบอกว่าก็ดีกว่าตอนนี้ กลายเป็นคนของนักการเมือง นักการเมืองมาครอบงำได้

รศ.สมชัย-คือผมก็แย้งบอกว่าก็บอกมาสิว่าจังหวัดไหน แต่ว่าก็ตอบไม่ได้ แล้วผมก็บอกว่าจริงๆ แล้วกกต.จังหวัดเนี่ย ผมกลับเห็นว่าวิธีคิด ซึ่งผมก็เคยเห็นด้วยนะว่าเอาคนกลุ่มนี้มาเป็นกกต.จังหวัด ผมว่ามันเป็นราชการเกินไป คือ ณ ปัจจุบันนี้คนเป็น กกต.จังหวัดคือรองผู้ว่าฯ คือนายอำเภอ คือศึกษาธิการจังหวัด คืออัยการจังหวัด คือ อาจจะเป็นตัวแทนสภาทนายความจังหวัด หลักๆ คือคนกลุ่มนี้ คำถามถ้าคนกลุ่มนี้เป็นคนของนักการเมือง บ้านเมืองเราไม่เหลืออะไรแล้วนะครับ ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯบอกว่าเป็นคนของนักการเมือง ก็แสดงว่ามันเป็นปัญหาตั้งแต่รากฐานนะครับ ของภายในจังหวัดนะครับ คงไม่เกิดขึ้นจริง หรือประเด็นหนึ่งที่ผมแย้งกันเมื่อวันก่อน กรธ.ร่างเกี่ยวกับกฎหมาย ส.ว. คุณเติมศักดิ์รู้ไหมว่า ส.ว. ก็จะได้มาต้องสรรหาอำเภอระดับอำเภอ มาสรรหาระดับจังหวัด แล้วมาสรรหาในระดับส่วนกลาง เป็น 3 ขั้น และก็ต้องใช้การแนะนำตัว ไม่มีการหาเสียง และต้องเลือกไขว้ 1 กลุ่ม 1 คนอยู่ในกลุ่มที่ 1 ต้องไปเลือก 19 กลุ่ม อะไรทำนองนี้ ซับซ้อนเหลือเกินนะครับ ก็เพื่อป้องกันอะไรก็แล้วแต่ก็ว่าไป แต่ในขั้นขอจังหวัด พอเลือกได้ 5 คนในแต่ละกลุ่มแล้ว บอกให้จับฉลากเหลือ 1 คน นี่คือหลักการที่ กรธ.ร่างขึ้น พอในขั้นของจังหวัดนะครับ เหลือ 5 คน ในกลุ่มของแต่ละอาชีพ ให้จับฉลาก 5 เหลือ 1 ผมบอกว่าผมไม่เห็นด้วย เพราะว่าจับฉลากมันจะมีคุณภาพได้ยังไง ผมบอกว่าทุกคนมีคุณภาพเท่าเทียมกัน แล้วคนที่เข้ามาโดยดวงรึเปล่า โดยความสามารถอะไรทำนองนี้ เราก็ให้ความเห็นที่แย้งออกไป เพราะฉะนั้นแน่นอนครับว่าบทบาทของกกต.หรือบทบาทของอาจารย์สมชัย อาจจะเป็นบทบาทที่ไม่พึงพอใจของการฝ่ายที่เกี่ยวข้องนัก ในฝ่ายที่เป็นกรรมการร่างอาจจะคิดว่าผมพูดมาก อาจจะไปพูดหักหน้าหรือแม้กระทั่งประโยคที่ผมบอกว่าถ้าคุณจะเอากฎหมายมาทำประชาพิจารมารับกับความเห็น ก็ต้องเอาของจริงมานำเสนอเพื่อให้วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่เอาของปลอมมา ประโยคทำนองนี้ อาจทำให้ไม่พอใจ

เติมศักดิ์ -ไม่ใช่เอาของปลอมมาให้ประชาชน ต้องเอาของจริงมาให้เขาเห็นใช่ไหมครับ

รศ.สมชัย-คือเวลาเขามีการรับฟังความคิดเห็นนะครับ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมือง กฎหมายเกี่ยวกับกกต. กฎหมายเกี่ยวกับส.ส. เกี่ยวกับ ส.ว. อย่างนี้เป็นต้นนะครับ จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ใช้เงินไม่น้อยนะครับ ก็คือไปใช้จากทุกๆ จังหวัด ในทุกๆ ภาค และจัดในส่วนกลาง แต่ละครั้งๆ ใช้เงินพอสมควร แต่ว่าเอาอะไรมาให้ดูล่ะ เอาสิ่งซึ่งไม่ใช่ร่างจริงมาให้ดู แล้วบอกว่ามันอยู่ในกระบวนการการร่าง ก็ทำไมไม่ร่างให้เสร็จ ทำไมไม่เอาของจริงครบถ้วนมาให้ดู หรือแม้ประเด็นเซ็ตซีโร่ ก็ไม่อยู่ในร่าง ไม่อยู่ในร่างที่ไปรับฟังความคิดเห็นนะครับ หรือเรื่องของพรรคการเมืองก็ดี เรื่องของการเลือก ส.ส. ส.ว. ก็ดี ก็เหมือนกับ กรธ.เอง ก็เหมือนกับว่าจะบาดเจ็บในระหว่างทาง

เติมศักดิ์ -คล้ายๆ เอาร่างหนึ่งไปฟังความคิดเห็น แต่เอาอีกร่างหนึ่งเข้าสภา ทำนองนั้นใช่ไหมครับ

รศ.สมชัย-ทำนองนั้นๆ ซึ่งอันนั้นก็คือช่วงนั้นยังร่างไม่เสร็จ ยังไม่ตกผนึกก็เลยเอาสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นประเด็นเซ็ตซีโร่ มันไม่อยู่ในร่างกรธ. อย่างที่ผมยกตัวอย่างให้เห็น

เติมศักดิ์ -อาจารย์สมชัยกับอาจารย์มีชัย นี่โต้กันหนักๆ นี่บ่อยไหม

รศ.สมชัย-ผมก็พูดกับท่านโดยความเคารพ เวลาผมไปประชุมกับท่านในที่ประชุม ผมพยายามตอบทุกคำถามเหมือนกัน เวลาท่านถามเรื่องราวต่างๆ นะครับ ก็ไม่ได้ก้าวร้าวเรื่องของอย่างตอบตรงไปตรงมา เราคิดเห็นอย่างไร อาจจะเป็นท่านมีความคิดชิดมีจุดยืนในการที่จะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งแน่วแน่อยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าในแง่ของการแสดงความเห็นต่อสาธารณะอาจจะสวนกัน ซึ่งท่านเป็นระดับครูบาอาจารย์ผมด้วยซ้ำ ผมห่างจากท่านเยอะมาก

เติมศักดิ์- ถ้าพูดตรงๆ ภาษาชาวบ้าน เป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์สมชัยและกกต.โดนหมั่นไส้ ในนาทีสุดท้าย ก็โละทิ้งไปทั้งชุดเลย

รศ.สมชัย-คือคำถามถ้าหมั่นไส้ผมจะโละไปทำไมทั้งชุด หลักการอยู่ตรงนี้ครับว่าในกรรมการการเลือกตั้งที่เหลือ ถ้าเราไล่กันดูกรรมการการเลือกตั้ง 5 คน ถ้าเอาหลักการที่ กรธ.พูดไว้ตอนแรกว่าคนที่มีคุณสมบัติครบได้ไปต่อคนซึ่งไม่ครบต้องออกไป คนเดียวแน่ ๆ เท่านั้นเอง คือ ท่านประวิช รัตนเพียร ด้วยเหตุว่าเคยเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินมาก่อน ด้วยเหตุว่าพ้นจากตำแหน่งไม่ถึง 10 ปี 2 ข้อกล่าวหาเพียงพอละ และอีก 3 คน ผ่านแน่ ๆ คือเคยเป็นผู้พิพากษาระดับอธิบดีผู้พิพากษาศาล เพราะฉะนั้น 3 คนนี้ผ่านแน่ ๆ ท่านประธานของผมท่านบุญส่ง ท่านธีรวัฒน์ 3 คนนี้ผ่านแน่ ๆ ผมนะเป็นกลุ่มที่ประเภทครึ่ง ๆ กลาง ๆ ครึ่งบกครึ่งน้ำอะไรประมาณนี้ เพราะยังไม่รู้จะพ้นไม่พ้นเพราะว่าผมจะต้องเอาหลักฐานไปยื่นต่อกรรมการสรรหาว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในแง่ของการทำงานภาคประชาสังคมมาไม่น้อยกว่า 20 ปี ก็ต้องไปยื่นซึ่งกรรมการสรรหาจะบอกว่าใช่หรือไม่ใช่ยังไม่รู้ คำถามคือถ้าหมั่นไส้ผมก็ให้ขบวนการตรงนั้นเป็นฝ่ายที่สรรหาสิครับ และก็ในขบวนการตรงนั้นโอ้ยังเขียนไว้ว่าจะต้องเป็นที่มีทัศนคติเหมาะสมกับการทำงานในฐานะเป็นกรรมการการเลือกตั้ง ยังเล่นตรงนั้นได้อีก ทัศนคติไม่ดี

เติมศักดิ์- คือเปิดช่องให้ใช้ดุลยพินิจตรงนั้นได้ด้วย

รศ.สมชัย-ได้ด้วย เพราะฉะนั้นตรงนั้นยังไม่แปลว่าผมปลอดภัยนะ ถึงผมจะมีประสบการณ์ในการทำงานครบ 20 ปี แต่ถ้ายังพบทัศนคติแบบนี้ ไม่ดี ไม่เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ ปากมาก ปากเสีย อะไรก็แล้วแต่ก้าวร้าวผู้ใหญ่ อะไรก็แล้วแต่ก็ยังไปสามารถที่จะให้เหตุผลตรงนั้นได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้จะบอกว่าหมั่นไส้ กกต. ทั้งชุด หมั่นไส้ผมคนเดียวต้องให้ไปทั้งชุด ผมคิดว่าเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้องและสิ่งสำคัญในเชิงของหลักของนิติธรรม นิติธรรมคืออะไรคือหมายความว่ากฎหมายออกมาแล้วก่อให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่นะครับ คำถามคือ คน คือผมบอกว่าแม้กระทั่งคนที่คุณสมบัติไม่ครบคุณให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เอาตั้งแต่คนคุณสมบัติไม่ครบนะก็ไม่เป็นธรรม อย่าง ท่านประวิช รัตนเพียร วันซึ่งมาสมัคร กกต. ท่านเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่แล้วเงินเดือนสัก 4 เท่าของ กกต. แต่ท่านลาออกจากตำแหน่งตรงนั้นซึ่งยังไม่รู้นะว่าลาออกมาแล้วจะมาลง กกต. แล้วจะได้หรือไม่ได้ ท่านก็ลาออกมาแล้ววันนั้นท่านมีคุณสมบัติครบวันนั้นไม่มีข้อกำหนดว่าเคยเป็นองค์กรอิสระมาก่อนไม่ได้ ไม่มีประโยคนี้ วันนั้นระบุว่าพ้นจากการเมือง 5 ปีขึ้นไป วันนั้นท่านพ้น 5 ปี ขึ้นไป วันนี้มาเปลี่ยนกติกาใหม่บอกว่าท่านเคยเป็นองค์กรอิสระมาแล้วเพราะฉะนั้นท่านต้องพ้นทันที หรือ 2.บอกว่าท่านยังพ้นการเมืองไม่ถึง 10 ปี จาก 5 กลายเป็น 10 ให้ความเป็นธรรมกับเขาไหม

เติมศักดิ์- เหมือนเอากติกาใหม่มาย้อนหลัง

รศ.สมชัย- เหมือนว่าวันหนึงมีคนสมัครเข้าทำงาน เราบอกเรารับปริญญาตรีพอคุณทำงานไป 10 ปี ก็บอกว่าไม่เอาละอย่างนี้ต้องปริญญาโทออกไป แฟร์กับเขาไหม นี้ตัวอย่างที่ 1 นะครับ ตัวอย่างที่ 2 ท่านที่คุณสมบัติครบให้ความเป็นธรรมกับเขาไหม 3 ท่านล้วนแต่เป็นผู้พิพากษาซึ่งจะมีอนาคตในแวดวงผู้พิพากษาต่อไปได้จนอายุ 70 ปี วันนี้ท่านธีรวัฒน์ อายุ 65 ท่านบุญส่งอายุ 69 ท่านศุภชัย อายุ 68 วันที่ท่านลาออกจากผู้พิพากษา คือท่านทิ้งความก้าวหน้าในอาชีพผู้พิพากษา ทิ้งเงินเดือน ทิ้งฐานะที่สังคมยอมรับผู้พิพากษา มาทำงานในหน้าที่ กกต. ท่านทิ้งหมดนะ ยังต้องโห้อะไรนะลาออกจากสารพัด เป็น กกต. เป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เป็นได้อย่างเดียว เป็นบอร์ด เป็นอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ท่านต้องลาออกจากสิ่งต่าง ๆ สารพัดมาเป็น กกต. วันนี้มาบอกว่าด้วยเรื่องของโครงสร้างใหม่ด้วยเรื่องของปลาสองน้ำ 3 ท่านนี้ต้องพ้นไปด้วย และถามว่าเขาสามารถกลับไปเป็นศาลได้หรือไหม หรือถ้าเขากลับไปตำแหน่งที่เขามีอยู่จะคืนมาที่เขาไหม คือถ้าหากสมมุตินะ ถ้าเขาผ่อนบ้านผ่อนรถหรือมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งเลี้ยงตัวเองด้วยรายได้ขอองการเป็น กกต. ถามว่าวันนี้ให้เขาออกไปเป็นธรรมกับเขาไหม นี่ผมยกตวอย่างให้เห็นเป็นหลักของหลักนิติธรรม

เติมศักดิ์- อาจารย์เชื่อว่าหลักนิติธรรมอยู่ในรัฐธรรมนูญด้วยใช่ไหมครับ เข้าใจว่ามาตรา3

รศ.สมชัย-ใช่ ครับ

เติมศักดิ์- และนี่จะเป็นหลักที่ใช้อ้างอิงในการยื่นเรื่องต่อศาลด้วยหรือไหมครับ

รศ.สมชัย- อาจเป็นเรื่องหนึ่งอาจไม่ใช่ทั้งหมด

เติมศักดิ์- ซึ่งตรงนี้ค่อยว่ากัน เพราะว่าตอนท้าย ๆ จะถามเรื่องการยื่นที่จะโต้แย้งประชุมกันในวันพรุ่งนี้นะครับ อาจารย์เชื่อว่าการเช็ตซีโร่ กกต. เป็นตราบาปของการเมืองไทยหรือไม่ต่างจากการนิรโทษสุดซอยขนาดนั้นเลยหรือครับ

รศ.สมชัย- คือประโยคนี้ ผมต้องโทษสื่อนิดหนึงสื่อต้องเอามาลงให้ครบ คือมันมีประโยคก่อนหน้านั้น แต่สื่อชอบเอาประโยคข้างท้ายมาเขียนคือผมพูดใน 2 วรรค วรรคแรก ผมเขียนว่า ถ้าการดำเนินการดังกล่าวนี้ เป็นไปโดยสุจริต เป็นไปโดยสาธารณะ ต้องการให้เกิดปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง โดยที่อยากเริ่มต้นกันใหม่ และก็เป็นไปตาม หลักนิติรัฐ นิติธรรม อะไรก็แล้วแต่ ผมถือว่าสิ่งนั้น ไม่มีปัญหาแต่ประการใด ชอบ ถือว่าเป็นสิ่งที่ชอบ เพราะฉะนั้น ถ้ามีประโยคนำหน้า ถ้าประโยคนี้ก่อน แต่ถ้าหากว่าการดำเนินการดังกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นไปตามหลักการนั้น แต่ว่านำไปสู่หลักการการว่า การได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากผู้บริหารในปัจจุบันนี้ ยังมีส่วนเกี่ยวข้อง ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่พรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด แพ้หรือชนะการเลือกตั้ง การเตรียมการในการที่จะหา กกต. ใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ก็เป็นตราบาปของสังคม เป็นตราบาปของสภา เพราะฉะนั้นต้องอ่านทั้งยาวๆ ผมกำลังงอนสื่อมวลชนอยู่ ว่า สื่อมวลชนชอบเอาประโยคท้ายๆ มาโค้ด ซึ่งความจริงแล้วมีประโยคก่อนหน้านั้น

เติมศักดิ์- อาจารย์มองว่า นี่คือเกมการเมืองไหมครับ การเซ็ตซีโร่ กกต.

รศ.สมชัย- คือผมดคิดว่าการเมืองมันก็มีอยู่รอบทุกๆ ที่นะครับ ทุกๆ บรรยากาศ เพียงแต่ว่าระดับความรุนแรงของมันจะมีมากน้อยเพียงใด แล้วก็เราสามารถมองไปในสถานการณ์ภายภาคหน้าได้ถูกต้อง ใช่หรือไม่ใช่ เพระฉะนั้นในขณะนี้ผมยังคิดว่า ยังมองในทางที่ดีนะ ว่าเป็นการพยายามคิดในเชิงเหตุผล แต่เพียงเหตุผลดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นเหตุผลซึ่งไม่ได้ตกผลึกอย่างดีเพียงพอ และมันมีช่องว่างทำให้เกิดปัญหาภายในอนาคตได้ ที่บอกว่ายังไม่ตกผลึกก็คือว่า ปลาสองน้ำ รู้ยังไงว่า ปลาสองน้ำอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ตกผลึกเพียงพอ ถามว่าองค์กรทุกๆ องค์กรมีปลาสองน้ำไหม มันก็มีหมด และการมีปลาสองน้ำ ก็คือ มีคนเก่าอยู่กับคนใหม่ ดีหรือไม่ดีกว่ากันก็ต้องคิดให้ตกผลึกการมีคนเก่า เขาถ่ายทอดประสบการณ์ เขามีความรู้ความเชี่ยวชาญ รู้เรื่องภายในองค์การณ์ค่อนข้างดี ทำงานมาต่อเนื่อง รู้ว่าอะไรควรสานต่อ อะไรควรเดินหน้า อะไรควรหยุดเพราะฉะนั้น มันการผสมผสานกัน ระหว่างประสบการณ์คนเก่ากับคนใหม่ คนใหม่มาอาจจะมีความเฟรช มีความสด มีไอเดีย มีความคิดใหม่ๆ มีจุดยืน มีวธีคิด ทำงานที่แตกต่างออกไป เข้ามาร่วมกัน นั่นก็น่าจะเป็นตรรกะในการทำงานที่ดี แต่ไม่ใช่ว่า พอมีปลาใหม่มา ปลาเก่าต้องไป นี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดในแง่ของไม่ตกผลึกทางความคิด

เติมศักดิ์- แต่ว่าทาง กรธ. ก็ดี ทาง สนช. ก็ดี อ้างว่า เป็นที่ กกต. นี้พิเศษหน่อย ตรงที่โครงสร้างเปลี่ยน อำนาจหน้าที่เปลี่ยน คุณสมบัติเปลี่ยน ระหว่างใหม่กับเก่า ปลาสองน้ำ มันจะเข้ากันไม่ได้ มันไม่เหมือนองค์กรอื่น ที่เปลี่ยนไม่มากนัก แต่ว่า กกต. นี่พลิกเลย

รศ.สมชัย- ก็แล้วแต่ข้ออ้าง แล้วแต่ที่จะพูดขึ้นมา ถ้าไปดูในรายละเอียดก็มีเกือบจะทุกองค์กร ว่าแต่ละองค์กร หลักการเฟปลี่ยนแปลงไป คุณสมบัติก็เปลี่ยนแปลงไป ที่สูงขึ้นนะครับ ตรงนี้คือผมค่อนข้างผิดหวังมากกว่าว่า คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง พูดแต่ละครั้งไม่เคยตรงกัน ตัวอย่างง่ายๆ คุณเติมศักดิ์ ลองไปค้นประโยคในอดีต ถ้าหากมีโอกาสขึ้นสไลด์ได้ ขึ้นสไลด์นะครับ ท่านหนึ่งเคยพูดบอกว่า ท่านจะทำอย่างไรกับองค์กรอิสระหนึ่ง ก็จะเป็นบรรทัดฐานกับจะใช้ในทุกองค์กรอิสระ เคยพูดประโยคนี้ และวันนี้ท่านดังกล่าวก็พูดประโยคว่า เห็นดีเห็นงามกับการที่จะต้องเซ็ตซีโร่ทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องใช้เหมือนกันทุกองค์กร อันนี้ก็คือความกลับไปกลับมา หรือในแง่ของการพูดว่า ไม่เคยมีความคิดเรื่องเซ็ตซีโร่ แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่า มาเซ็ตซีโร่ อย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นวิธีการคิดที่กลับไปกลับมา เพราะฉะนั้นตรงนี้ ผมคิดว่า ถ้าหากว่าจะให้บ้านเมืองของเรา อยู่ภายใต้การปกครอง ที่เป็นไปตามหลักของกฎหมาย เป็นนิติรัฐ นิติรัฐ คือ ใช้รัฐเป็นกฏหมาย รัฐปกครองด้วยกฎหมายบ้านเมือง แล้วก็นิติธรรม ต้องเป็นกฏหมายที่เป็นธรรมต่อคนในสังคม ส่วนรวม ส่วนใหญ่ด้วย การออกกฎหมายต่างๆ จำเป็นต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ให้มองถึงประโยชน์สาธารณะมากกว่านี้

เติมศักดิ์- ว่ากันว่าประธานกรรมธิาการวิสามัญเองก็คือคุณตวง อันทะไชย คนแรกเลยก็ไม่มีแนวคิดเซ็ตซีโร่ แต่มาเหมือนมีอะไรบันดาลใจ ช่วงนาทีสุดท้ายหรืออย่างไรไม่รู้ ตรงนี้อาจารย์สมชัย มองยังไง มีข่าวตรงนี้ไหมครับ

รศ.สมชัย- ผมไม่ทราบ ผมเพียงแต่ติดตามท่าที ท่าที คือถ้าดูข่าวคราว ของการคลี่คลายของเรื่องราวดังกล่าว ดูเหมือนว่ากระแสจะออกมาในทิศทางที่ว่า จะให้อยู่ทั้งหมด ให้ทั้งหมดอยู่ อยู่จนครบด้วยซ้ำ เพราะข่าวคราวก็จะออกมาเป็นระยะๆ ว่ามี สนช. จำนวนหนึ่ง 14 คน แปรญัตติ ขอให้ กกต. อยู่ต่อครบ ทั้งชุด อะไรทำนองนี้ หรือแม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์ของคนใน กมธ.เอง ก็จะพูดทำนองว่าทิศทางออกมาคล้ายๆ แบบนี้ ก็ไม่ทราบว่าเป็นเหมือนสงครามหรือเปล่า ที่ประเภทว่า ถ้าจะไปซ้าย ต้องบอกว่าไปขวา หมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า กลยุทธ์ เป็นสามก๊ก ผมไม่แน่ใจ เป็นกลยุทธ์ ในการรบหรือเปล่า ให้เกิดการตายใจ อย่างนี้เป็นต้น

เติมศักดิ์- ลับลวงพราง

รศ.สมชัย- อันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่าทั้งหมด ทั้งนี้ ทั้งนั้น เกิดขึ้นจากการคิดการแว่บขึ้นมา ในเวลาสั้นๆ ตอนไหน ผมไม่ทราบ แต่คำถามก็คือว่าถ้าสมมติว่า การทำงานของ กมธ. มีการประชุมหลายต่อหลายนัดมาตลอด แล้วก็มีความเห็นไปในทางหนึ่งทางใดมาตลอด แล้วอยู่ดีๆ ณ วันสุดท้าย คือวันที่ประชุมที่ผ่านมา วันที่ 2 ที่ผ่านมา ของ กมธ. แล้วก็แว่บขึ้นมา ว่าเอาล่ะจะเซ็ตซีโร่ เป็นศูนย์ทันที คำถามคือ กระบวนการความคิดที่ไตร่ตรองรอบคอบมา เป็นเวลายาวนาน กับความคิดเพียงชั่วแว่บ ที่เกิดขึ้น ในเวลาสั้นๆ อะไร น่าจะรอบคอบมากกว่ากัน อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องคิด

เติมศักดิ์- อาจเป็นเพราะระหว่างทางนั้นไปเห็นสเตตัส อาจารย์สมชัย บนเฟซบุ๊ก แล้วเกิดเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขึ้นมา ในนาทีนั้นเลย

รศ.สมชัย- ผมสำคัญขนาดนั้นเลย หรือครับ คุณเติมศักดิ์ ผมโพสต์เฟซบุ๊ก จะกินอาหารอะไร จะไปเที่ยวที่ไหน สำคัญขนาดนั้นเลย คือต้องหนักแน่น หลักการกฎหมายคืออะไร หลักการของบ้านเมืองคืออะไร ไม่พอใจอะไรใครเป็นการส่วนบุคคล จัดการเขาซิครับ เป็นรายบุคคล แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอากฎหมาย มาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในทิศทางที่เป็นปัญหา

เติมศักดิ์- คุณเปลวสีเงิน เขียนเมื่อวานนี้ บอกว่า การแสดงออกสมชัย คนเดียวเท่านั้น ทำนองนี้ ว่าเป็นสิ่งที่อาจจะให้ลดความน่าเชื่อถือ และศรัทธาที่คนมีต่อ กกต. คุณเปลวสีเงิน ใช้คำว่า การแสดงออก สมชัย ยังแยกไม่ออกระหว่างการเป็นเอ็นจีโอ ที่ต้องเคลื่อนไหว ให้แหกออกไปตลอดเวลา เป็นการสะสมแต้ม กับการขึ้นชั้นเป็นผู้ใหญ่ในองค์กรระดับชาติที่ต้องมีสัปปุริสธรรม 7 ประการ เป็นกรอบปฏิบัติ ไม่ใช่เอะอะก็กระพือไฟ ให้เป็นกระแสสังคมเคลื่อนไหว อย่างที่มนุษย์ทึนทึกบางราย ใช้สร้างตัวอยู่ทุกวันนี้ บทบาทนายสมชัย ทำให้ผมดูแคลนกกต.หลายครั้ง หลายหนและคลื่นไส้ทุกครั้ง ที่นายสมชัย ในความเป็น กกต.โพสต์ภาพ โพสต์เรื่อง ล้นกรอบ ผิดวิสัย คนเป็นผู้ใหญ่องค์กร แล้วก็ยกตัวอย่าง หีบเลือกตั้ง ตรงนี้

รศ.สมชัย- คือคำถาม ผมจะสะสมแต้มไปทำอะไร ไปแลกสินค้าเหรอ หรือว่าจะมีตำแหน่งในทางที่สูงขึ้น กว่านี้ ผมถือว่าขณะนี้ ผมไปถึงจุดที่ถือว่า มากพอสมควรแล้ว และก็โดยรัฐธรรมนูญ ผมเป็นอะไรต่อไม่ได้ คือเงือนกำหนด จากนี้ไป คนไปเป็นองค์กรอิสระแล้ว ไม่สามารถดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นได้ ๆไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่มีแต้มที่จะไปใช้ต่อในอนาคต

เติมศักดิ์- ไม่จำเป็นต้องแหกเพื่อสะสมแต้ม เพื่อเอาไปคุยกับใคร

รศ.สมชัย- และผมไม่ได้ลง ส.ส. ที่ว่าจะต้องทำให้ประชาชนรู้จักทั่วทั้งประเทศหรือทำให้เหมือนกับว่าต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นประเด็นที่พอเข้าใจ ว่าผมสร้างข่าวเพื่อสะสมแต้มเพื่อนำไปสู่การได้ประโยชน์ส่วนบุคคลไม่ใช่ สิ่งที่ผมทำมันอยู่ภายใต้หลักการว่าอะไรถูกอะไรผิด และจำเป็นต้องพูดหรือไหม แน่นอนครับมีคนส่วนหนึ่ง ซึ่งยอมสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว และคิดว่าก้มหน้าก้มตารับกันไป ผมชื่นชมประโยคที่ท่านบุญส่ง ซึ่งเป็น กกต. อีกท่านหนึ่ง พูดมาก ๆ ถ้าไปดูสิ่งที่ท่านพูดเมื่อวานนี้ ออกอยู่ในสื่อพอสมควร ท่านพูดว่าท่าน จะสู้เรื่องนี้ ไม่ใช่ไม่สู้ ท่านเปลวสีเงินบอกท่านอื่นไม่สู้ ไม่ใช่ ท่านบุญส่งก็บอกท่านจะสู้เรื่องนี้ ท่านจะยื่นเรื่องทำการคัดค้านออกไป เนื่องจากท่านบอกว่าเขาไม่สู้เพื่อตัวเอง เพราะท่านบุญส่ง เดือนกรกฎาคม 2561 ท่านจะครบ 70 อย่างไรก็แล้วแต่ ออกวันนี้หรือออกกรกฎาคมปีหน้าไม่ใช่วันนี้นะครับ กระบวนการก็จะไปออกประมาณต้นปีหน้าด้วยซ้ำ เพราะงั้นออกต้นปีหน้ากับออกกลางปีหน้าไม่ได้มีแตกต่างกันเลยและท่านบอกท่านสู้เพื่อศักศรีท่านสู้เพื่อหลักการทางกฎหมายที่ถูกต้อง ว่ากระบวนการในการออกกฎหมายดังกล่าวถูกหรือไม่ ที่จะออกกฎในทำนองที่บอกว่าขัดในหลักนิติรัฐหลักนิติธรรม

เติมศักดิ์- สู้เพื่อหลักการไม่ใช่สู้เพื่อเก้าอี้ตัวเอง

รศ.สมชัย- คำถามต่อไปก็คือต้องไปดูต่อไปว่าแล้ว กกต. ที่เหลือ สู้ไม่สู้ ให้ดูวันพรุ่งนี้เย็น เพราะว่าวันพุธเย็นมติ กกต. จะบอกว่ายอมหรือว่าจะมีการยื่นเรื่องคัดค้านในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิว่าถ้าเราเห็นว่ากฎหมายดังกล่าว ออกมาแล้วขัดกับหลักนิติธรรม ขัดกับเจตนาของรัฐธรรมนูญก็มีสิทธิในการปกป้องกฏหมาย ดังนั้นการสู้เพื่อปกป้องกฎหมายไม่ได้ปกป้องตัวเอง

เติมศักดิ์- มีคนเขียนการ์ตูนล้อว่ามีระเบิดเวลาตั้งอยู่ กกต.ที่เหลือ 4 คน เขานั่งรอละ แต่มีสมชัยคนเดียวกำลังแกะ ๆ แบบนั้งรอไปเถอะยังไงก็ระเบิดอยู่แล้ว

รศ.สมชัย- ไม่ทราบเหมือนกันครับ

เติมศักดิ์- สู้คนเดียวหรือไหม

รศ.สมชัย- ไม่ได้สู้คนเดียวครับ รอดูมติ กกต. ว่ามติกกต.จะว่าอย่างไร ซึ่งผมคิดว่า หรือพูดล่วงหน้าไม่ทราบว่าจะเหมาะสมหรือไม่นะครับ ว่ามีแนวโน้มค่อนข้างที่จะยื่นแน่นอน ยื่นต่อทาง สนช.ว่าประเด็นของกฎหมายที่มีอยู่ที่ออกมามีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและก็ขัดกับเจตนารมณ์ขัดกับหลักนิติรัฐหลักนิติธรรมและอาจจะต้องเป็นปัญหาทำให้ต้องมีการทบทวน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ต้อง

เติมศักดิ์- มีแนวโน้มสักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ที่จะยื่น นับจากนาทีนี้นะครับ

รศ.สมชัย- ผมว่าเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ละกัน ซึ่งก็คงจะตรงข้ามกับที่คุณเปลวสีเงินพูดว่า กกต. ท่านอื่นไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ว่าผมอาจจะพูดมาก อาจค่อนข้างที่จะนำเสนอข้อมูล เอางี้ดีกว่าถ้ากกต.ท่านอื่นโพสต์ในเฟซบุ๊กเป็นข่าวไหม

เติมศักดิ์- ไม่ค่อยเป็นนะครับ

รศ.สมชัย- ไม่ค่อยเป็นหรือครับ คือจะให้ไปพูดในที่ต่าง ๆ นะ แม้กระทั่งท่านบุญส่งพูดชัด ๆ เมื่อวาน ข่าวก็ไม่ได้เสนอมากมายนัก แต่พอเป็นผมที่เป็นส่วนที่ไฟส่องมาเวลาทำอะไรสักนิดหนึง ก็เป็นข่าวขึ้นมาในส่วนนี้

เติมศักดิ์- เพราะท่าทีหรือไหมอาจารย์ คนอื่นอาจจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นอดีตผู้พิพากษา พอสมชัยมันดูละมันเปรี้ยว

รศ.สมชัย- ไม่ทราบเหมือนกันมันเป็นสไตล์ของแต่ละคน ช่วยไม่ได้ ผมก็พยายามจะทำตัวให้สงบที่สุดแล้วนะ ในส่วนนี้ แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าประเด็นที่คุณเปลวสีเงินเป็นนักหนังพิมพ์อาวุฒโส ซึ่งความจริงผมก็มีการโพสต์ถึงท่านในวันนี้ ในเชิงทำนองว่าผมเคารพท่าน ว่าท่านเองท่านเป็นเสาหลักของบ้านเมืองในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเวลาที่สังคมต้องการคนที่จะกระตุกทางความคิด กล้าพูด กล้าที่จะวิพากษ์ออกมา หลาย ๆ คน นักหนังสือพิมหลาย ๆ คน เงียบอยู่เฉยแต่ท่านเองท่านเป็นคนกล้าที่จะพูดกับสังคมผมชื่นชมท่านแต่คือที่ผมชี้ว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ที่สมชัยเป็นปัญหาคนเดียวแล้วทำให้คนอื่นโดนเซ็ตซีโร่ด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงตรรกะแบบนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าสมชัยเป็นปัญหาคนเดียวคนที่เป็นผู้ออกกฎหมายบ้านเมือง คนซึ่งเป็นผู้บริหารบ้านเมืองต้องจัดการสมชัยสิครับ ไม่ใช่จัดการคนอื่นที่เหลือ 4 คน เพราะงั้นตรรกะที่ท่านบอกว่าผมเป็นเหตุแต่ให้อีก 4 คนไปด้วย ท่านกำลังดูถูกผู้ใหญ่บ้านเมือง ว่าผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ไม่เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ ไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเพียงพอ เอาเรื่องของคนคนเดียวมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย

เติมศักดิ์- อีกวรรคหนึงขออนุญาติ คุณเปลวสีเงินบอกว่า โอเคคุณจะถูกใจไม่ถูกใจเรื่องการเช็ตซีโร่ก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าการแสดงออกมันต้องเคารพมติ ต้องเอื้อเฟื้อให้สังคมดดยรวมแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะเป็นแบบอย่างและใช้อ้างอิงได้ พูดง่าย ๆ เปลวสีเงินบอกว่าสมชัย ศรีสุทธิยากร แสดงออกแบบกระฟัดกระเฟียดไม่มีวุฒิภาวะเลย องุ่นเปรี้ยว

รศ.สมชัย- ทุกครั้งที่ผมเขียนถ้อยคำสุภาพหมดเป็นเหตุเป็นผลแต่สื่อเองที่จะช่วยทำให้สีสรรมันดูคล้ายว่าน่าตื่นเต้นขึ้น ทำให้ข่าวเป็นข่าวพาดหัว อย่างคำว่าฟัดมันไม่มีหรอกครับในข้อความที่ผมเขียน หรือว่าคำรุนแรงต่าง ๆ มันไม่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นบางทีลักษณะของการนำเสนอข่าวก้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้เห็นว่าเป็นบรรยากาศทำนองแบบนี้

เติมศักดิ์- ซึ่งคุณใช้คำว่า อาจารย์สมชัยแสดงท่าทีแบบเมื่อพวกกูอยู่ไม่ได้กุก็จะค้นตะแกรงกฎหมายให้พวกมึงตายไปด้วยกัน คล้าย ๆ กับกรณีที่พูดถึง 9 รัฐมนตรีด้วยไหม

รศ.สมชัย- เรื่อง 9 รัฐมนตรี ต้องบอกว่า เอางี้ผมต้องลำดับเรื่องก่อน เล่าไทม์ไลน์ให้ดูนิดหนึงคุณเรืองไกร พรรคเพื่อไทย ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องเราให้แก่ กกต. วันที่ 1 พฤษภาคมนะครับ พอยื่นเรื่อง กกต.ก็ให้สำนักงานกฎหมายไปดูว่าสิ่งที่คุณเรืองไกรยื่นมันมีมูลเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้ไหมหรือไม่ เพราะฉะนั้นฝ่ายกฎหมายก็ใช้เวลาในการอ่านสิ่งที่เป็นกฎหมายของคุณเรืองไกรหลายหน้าทีเดียว โยงกฎหมายไม่รู้กี่มาตรา โอ้เหนื่อยมากครับ สำนักงานกฎหมายนี้อ่านเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่ง 15 วันไม่ได้เร็วไปไม่ได้ช้าไปพอเหมาะพอสม ก็บรรจุเข้าวาระของ กกต. วันที่ 23 พฤษภาคม วันนั้น กกต. มีแค่ 4 คน อีกคนไม่อยู่คือผม ผมไปดูงานกับทางศาลเป็นหลักสูตรของศาล ก็ปรากฏว่าพอเหลือ 4 คน 4 คน ก็บอกว่ารอครบ 5 คน ค่อยตัดสิน ก็เลยนัดประชุมครั้งต่อไปวันที่ 6 มิถุนายน กมธ. มีมติเซ็ตซีโร่ 2 มิถุนายน พอบอก 2 มินายนเซ็ตซีโร่ 6 มิถุนายน เราบอกว่ามีมูลรับไว้พิจารณา

เติมศักดิ์- มันบังเอิญอย่างร้ายกาจ

รศ.สมชัย- คิดกลับใหม่ นะคุณเติมศักดิ์ สมมุติ 23 พฤษภาคมผมอยู่และรับไว้พิจารณาวันนั้นข่าวจะกลับกันไหมว่ารัฐบาลเอาคืนพอ กกต. แจ้งรับว่าคดีมีมูล รับไว้พิจารณาตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อหลังจากนั้นรัฐบาลมีคำสั่งต่อทันทีเซ็ตซีโร่ กกต. มันก็กลับกันได้ ซึ่งความจริงทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่เกี่ยวข้องกันเลย

เติมศักดิ์- บังเอิญจังหวะเวลามันมาอยู่ตอนหลังกรรมาธิการมีมติพอดี

รศ.สมชัย- ไม่ได้เกี่ยวกันและการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นเพียงแค่เบื้องต้นแล้วแต่กรรมการท่านจะมีความเห็นอย่างไรและมาเสนอ กกต. อีกทีหนึ่ง ภายใน 60 วัน ท่านก็ต้องไปดูประเด็นต่าง ๆ ถ้าจำเป็นต้องเรียกรัฐมนตรีมาให้ปากคำต่าง ๆ ก็เรียก ถ้าท่านไม่มาท่านจะส่งเอกสารมาก็ได้ไม่เป็นปัญหา มีเวลา 60 วัน ซึ่ง 60 วันแล้ว กกต. เขาจะมาดูมติอีกทีหนึ่ง ว่าเราเห็นสมควรที่จะส่งต่อเป็นไปรษณีย์ส่งต่อเรื่องทั้งหมดไปให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการถอดถอนรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งการตัดสินใจถอดถอนหรือไม่ ไม่ใช่ กกต.เป็นที่ศาลรัฐธรรมนูญเพระาฉะนั้นจะมาบอกว่าเราเจ้าคับเจ้าแค้นเนื่องจากถูกเซ็ตซีโร่แล้วเลยดำเนินการต่อ 9 รัฐมนตรี คำถามคือถ้าเราไม่ทำอะไรเลยคุณเรืองไกรยื่นเราก็ดึงเรื่องไว้ ยื่นเราก็ดึงไปเรื่อย ๆ ไม่ทำอะไรเลย มีเรื่องแล้วใช่ไหมครับท่านธาริต เพ็งดิษฐ์ใช่ไหมครับ เรื่องของท่านธาริต เพ็งดิษฐ์ก้ดี เรื่องของกกต.ชุดที่แล้วก็ดีที่พอมีเรื่องเข้ามาก็ดึงเรื่องให้ช้า ๆ แบบบนี้เป็นต้นแล้วก็โดนพิจารณาปี 57 ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้น กกต. อยู่ตรงนี้ทำก็หาว่ากลั่นแกล้งไม่ทำก็ติดคุกไม่ทำก็กลายเป็นว่าเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ติดคุก เพราะฉะนั้นการที่ผมพ้นจาก กกต. บ้านผมนะ เขาดีใจ ไม่ใช่เขาไม่ดีใจ บอกดีดี ไม่ต้องติดคุกตอนแก่เพราะมีเรื่องข้างหน้าอีกมากมายที่นำไปสู่เหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงมากมายเงินเดือนที่ได้ไม่คุ้มหรอกครับ เกรียรติต่าง ๆ ที่ได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้ ไม่คุ้มหรอกครับ กับการทำหน้าที่ในส่วนนี้เพราะว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ตาม เรื่องเดียวนะ ถ้าคุณเรืองไกรส่งมา แล้วเราไม่ทำอะไรก้อาจมีคนไปร้องว่าเราละเว้นนำไปสู่การโดนคดีอาญาได้ แล้วเรื่องแบบนี้มีเป็น 100 เรื่อง มีเป็นร้อย ๆ เรื่อง ที่เกิดขึ้นในหนึ่งปี

เติมศักดิ์- เปลวสีเงินตบท้ายบทความเดียวกันนี้ว่าต้องมีสัปปุริสธรรม 7 ประการ รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักการ รู้จักบริษัท รู้จักบุคคล อาจารย์สมชัยขาดข้อไหนไม่ครับ ที่ทำให้เปลวสีเงินต้องนำสัปปุริสธรรมมาย้ำในบทความ

รศ.สมชัย- คือ เหตุ ผล ตน การ ประมาณ คน อะไรประมาณนั้น คือต้องบอกว่าท่านก็ให้สติว่าการดำรงอยู่ต้องมีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เหตุผล ผมว่าผมมีนะ เพราะถ้าไม่มีเหตุผลผมคงตอบในทุกเรื่องไม่ได้ การรู้ตัวตนผมรู้นะว่าผมเองเป็นคนซึ่งไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร ผมเป็นคนซึ่งเดินดินกินข้าวแกง เป็นคนซึ่งใช้ชีวิตปกติไม่ได้รู้สึกหลงไปกับตำแหน่ง ผมเป็น กกต.คนเดียว ที่คุณเติมศักดิ์จะเห็นว่าผมเดินซื้อข้าวกินเองที่ศูนย์ราชการยกจาน ยกถาด ไปกินเองของแบบนี้ โดยผมไม่ได้รู้สึกว่าตำแหน่งผมใหญ่โตอะไร ผมบอกเจ้าหน้าที่ของผมทุกคนที่เมื่อวันแรกที่ผมรับตำแหน่งว่าคุณจะต้องช่วยผมหากวันหนึ่งผมต้องลงจากตำแหน่งผมสามารถกลับไปเป็นคนธรรมดาได้ อย่าให้ผมต้องเป็นคนซึ่งทำอะไรไม่เป็นไปไปรษณีย์ไม่เป็น ไปแบงก์ไม่เป็น หรือซื้ออาหารกินเองไม่เป็น เพราะฉะนั้นคำว่าตนของผมหมายถึงคนธรรมดาสามัญ ซึ่งเป็นคนซึ่งสามารถที่จะพูดข้อเท็จจริงออกไปต่อสาธารณะได้โดยไม่ต้องเกรงกลัว ผมใช้คำว่าเมื่อใดก็ตามถ้าเราคิดว่าการของเราถูกต้องเราสามารถพูดเหตุผลดังกล่าวต่อสาธารณะตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องเกรงใจใคร แต่ว่าตรงนี้อาจขัดกับวิธีการคิดแบบผู้ใหญ่หรือไหม ว่าเป็นผู้น้อยคอยก้มประนมกร หรืออาจจะประมาณว่าต้องเดินตามผู้ใหญ่หมาถึงไม่กัด อย่างนี้เป็นต้นนะครับ ผมคิดว่าวิธีคิดดังกล่าวไม่ใช่วิธีคิดที่ก่อให้เกิดความเจริญต่อบ้านเมือง ก็เป็นอะไรที่อาจจะแตกต่างกัน แต่ว่าผมก็น้อมรับนะครับ แม้อะไรที่รู้สึกดูก้าวร้าวบ้างและอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องนำไปปรับปรุงทบทวนแต่ความเอาจริงเอาจัง ดีกรี ผมคิดว่าผมไม่ลดหรอกครับ

เติมศักดิ์- ตกลงจะไม่ใช้ความเป็นเอ็นจีโอแสวงหาหนทางสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในองค์กรสรรหาอื่น ๆ ต่อไป

รศ.สมชัย- งง ว่าเป็นผู้ใหญ่ในองค์กรสรรหาอื่น ๆ ต่อไป

เติมศักดิ์- เหมือนกับท่านสมชัยกำลังวาดไปดาวอีกดวงละตอนนี้

รศ.สมชัย- ไม่มี ไม่มีหรอกครับ เพราะการดำรงตำแหน่งตรงนี้ถูกห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าไม่สามารถไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอื่น ๆ ต่อไปได้ เป็นได้ครั้งเดียวในชีวิต เพราอย่างนั้นต้องไปทำมาหากินอย่างอื่น ขายโอเลี้ยง ขายอะไรก็แล้วแต่ อย่างที่บอกว่าจะใช้ตำแหน่งนี้ การสร้างข่าวนี้ เพื่อนำไปสู่การตำแหน่งในอนาคต ไปสู่องค์กรสรรหาอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ครับ ท่านเข้าใจผิด

เติมศักดิ์- ครับขออนุญาตไปที่พรุ่งนี้นะครับ พรุ่งนี้ที่อาจารย์สมชัยบอกว่าตอนนี้มีโอกาส 60 เปอร์เซ็นต์ ที่จะโต้แย้งยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าร่าง พ.ร.ป. กกต.นี้ ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เข้าใจว่าเหตุผลหนึ่ง น่าจะเป็นเจตนารมณ์ เกี่ยวกับบทเฉพาะการของรัฐธรรมนูญใช่ไหมครับ ที่ไปค้นและเจอว่ามีบันทึกเจตนารมณ์ว่าให้องค์กรอิสระที่มีคุณสมบัติครบให้อยู่ต่อจนครบวาระ

รศ.สมชัย- คือต้องบอกว่านักข่าวเก่ง วันนี้นักข่าวมีการ เรียกว่า ปล่อยข่าวตัวนี้ออกมาว่า กกต. ไปพบบันทึกนะครับ ซึ่งผมเล่าให้ฟังอย่างนี้ ว่าในตัวรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าหลังจากที่เมื่อร่างกฎหมายลูกเสร็จแล้ว จะต้องส่งคืนไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้องและศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้องดังกล่าว พิจารณาว่ามีเนื้อหาสาระของกฎหมายดังกล่าวส่วนใดที่ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ สมชัย- อันนี้คือสิ่งซึ่งเป็นการช่วยกันตรวจสอบและเขียนไว้โดยอาจารย์มีชัย เองนะครับ มาตราไหนก็ต้องไปดูครับ อันนี้คือหลักการที่ระบุไว้ เพราะฉะนั้นเมื่อส่งมา ก็ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่เราที่ต้องไปดูว่า มีส่วนใดของกฎหมายที่ขัดเจตนนบ้าง ตอนนี้เจตนาอยู่ที่ไหน เจตนาที่จะร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีการบันทึกไว้เป็นเอกสาร ว่า ณ การประชุมครั้งนี้ ประโยคนี้แปลว่าอะไร ประโยคนี้แปลว่าอะไร อันนี้แหละ คือสิ่งที่เราจะไปโต้แย้ง เพราะเราเห็นว่า มีบันทึกของ กกต.เอง ที่พูดถึงบทเฉพาะกาลในแนวหนึ่ง ไม่ใช่แนวของเซ็ตซีโร่ ซึ่งเดี๋ยว ผมเข้าใจว่า สื่อเก่งๆ อาจจะเจาะออกมาได้ ไม่แน่ใจ สื่อเก่งๆ อาจจะเจาะออกมาได้ แต่ถึงท่านไม่เจาะเราก็จะเปิดเผยต่อท่านในวันพรุ่งนี้เย็น ว่าบรรทัดนั้นมาจากที่ไหน อย่างไร ใครพูด ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นประเด็น ซึ่งผมคิดว่า ก็มีน้ำหนักทีเดียวว่า ก็ในเมื่อเจตนา ซึ่งท่านเป็นคนร่างเอง ท่านบันทึกไว้เอง ไม่ได้พูดลอยๆ ด้วยลม แต่เป็นการเขียนโดยบันทึก และเป็นรายงานการประชุม ดังนั้นก็จะต้องมีน้ำหนัก ว่านี่คือเจตนาว่าไม่ได้ต้องการให้เซ็ตซีโร่

เติมศักดิ์- ใน 273 ที่เขามักจะอ้าง เขาบอกไว้ว่า เขียนไว้ชัดนะ ว่าการดำรงตำแหน่งต่อไปเพียงใด ให้เป็นไปตาม กฎหมายลูกของแต่ละองค์กร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กสม. กกต. ให้ว่าไปตามกฎหมายลูก

รศ.สมชัย- ประโยคนี้ก็จะมีคนคิดบอกว่า ตีคำต่อคำตามกฎหมาย ตัวต่อตัวตามกฎหมายแล้ว ดำรงตำแหน่งต่อไปเพียงไร

เติมศักดิ์- อ๋อ มีคำว่าต่อไปนะ

รศ.สมชัย- ต่อไปเพียงไร ซึ่งคำว่าต่อไปเพียงไรนี้ อย่างน้อยต้องต่อไป แต่ว่าการออกกฎหมายลูกที่ให้พ้นทันที ไม่ได้ต่อไปเพียงไร

เติมศักดิ์- อันนี้เอาจากถ้อยคำเลยนะครับ

รศ.สมชัย- แต่ว่าอันนี้ก็เป็นประเด็น ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นประเด็นที่เราจะหยิบยกขึ้นมาหรือไม่นะครับ แต่ว่าผมเองผมหยิบยกได้ว่าต่อไปเพียงไรนี้ มันแปลว่า ต้องต่อไป และต่อไป 1 นาทีก็ได้ ต่อไป 5 นาทีก็ได้ ต่อไป 1 วัน 1 เดือน 1 ปี ก็ได้ แต่ขณะพ้นทันที ไม่มีคำว่า ต่อไปเพียงไรนะครับ เจตนา

เติมศักดิ์- หรือตีความว่ารักษาการต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่

รศ.สมชัย- ไม่ครับ ต่อไปเพียงไร คือเพราะเขาบอกให้พ้นตำแหน่งทันที แล้วค่อยมีรักษาการ

เติมศักดิ์- พ้นทันที เซ็ตซีโร่ นี้คือพ้นทันที แล้วรักษาการ มันคนละความหมายของการดำรงตำแหน่งต่อไป รักษาการ ไม่ใช่ การดำรงตำแหน่งต่อไป นะครับ

รศ.สมชัย- เพราะมีประโยคว่า ให้พ้นทันทีก่อน เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นเรื่องของการตีความทางกฎหมาย ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ผมก็เป็นคนซึ่งประเภทอ่านแล้วก็พอจับใจความได้บ้าง ก็มาเล่าสู่กันฟัง ความเห็นที่จะนำไปสู่การเสนอต่อ สนช. อันนั้นอาจจะมีน้ำหนักและมาจากผู้รักษากฎหมายที่ ช่วยกันดู ว่าในแต่ละเรื่องนั้น เป็นอย่างไร และก็เรียนคุณเติมศักดิ์ว่า อย่าไปคิดนะว่า กกต. อยากจะอยู่ต่อ เอาง่ายๆ ท่านบุญส่ง ท่านก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อ ท่านออก วันนี้ ไม่ได้แปลว่าออกวันนี้นะ กว่าจะสรรหาเสร็จก็คือประมาณต้นปีหน้า และท่านก็มีวาระถึงเดือนกรกฎาคม เพราะฉะนั้นท่านก็คือแทบจะไม่แตกต่าง ท่านประธาน ของผม ท่านก็ประมาณ กุมภาพันธ์ ปี 62 เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะคิดว่าจะเป็นปัญหา และท่านออกตอนนี้ ท่านไม่ต้องจัดการเลือกตั้ง แต่ถ้าท่านจัดการเลือกตั้ง แล้วจะมีอีก 100 เรื่องเข้ามา ซึ่งนำสู่ความเสี่ยงในแง่ของชีวิตต่างๆ แค่ไหนยังไม่รู้ ผมเองพูดตามตรง พอแล้วนะครับ เพราะว่าขณะนี้ผมได้ทุกอย่างที่ผมต้องการหมดแล้ว จะอะไรก็แล้วแต่ มันเพียงพอละ ผมก็ไปเป็นอาชีพ อาจารย์ สอนหนังสือ ผมสบายใจมากกว่า เพราะหลักการที่เราจะโต้แย้งขึ้นไป ไม่ได้เพื่อบอกว่าต้องการอยู่ต่อ แต่เพื่อให้เกิดหลักการที่ถูกต้องในบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่การออกกฎหมายอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีมาตรฐานเดียวกัน องค์กรหนึ่งใช้อย่าง องค์กรหนึ่งใช้อีกอย่าง แล้วก็มาอ้างว่ามันไม่เหมือนกันอย่างนี้เป็นต้น ก่อนหน้านี้ก็อ้างว่า ปลาสองน้ำ พอเราโต้ว่าปลาสองน้ำ ท่านก็เปลี่ยนเรื่องใหม่ นะครับ นึกถึงนิทาน คุณเติมศักดิ์ ห้ามกินน้ำ ทำน้ำขุ่น ไม่ได้ทำหรอก เพราะว่าเราอยู่ปลายน้ำอีกฝ่ายอยู่ต้นน้ำ ตัวเอง ไม่ได้ทำ พ่อก็ทำ อะไรทำนองนี้

เติมศักดิ์- พ่อไม่ได้ทำ ปู่ก็ทำ

รศ.สมชัย- อะไรทำนองนี้ นะครับ

เติมศักดิ์- อาจารย์ได้อ่านบันทึกเจตนารมย์ของ กรธ. เกี่ยวกับบทเฉพาะกาล ที่ว่าด้วยการอยู่ต่อไป หรือไม่แค่ไหน ใช่ไหมครับ ตรงนี้อ่านแล้วชัดใช่ไหมครับ

รศ.สมชัย- เอาเป็นว่า เดี๋ยวรอแถลงข่าว แต่ผมคิดว่าผมอ่านแล้ว และผมคิดว่าเจตนาตรงนั้นที่บันทึกไว้ ไม่ได้พูดถึงการเซ็ตซีโร่ เอาแค่นี้ละกันนะครับ คือพูดถึงอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่การเซ็ตซีโร่

เติมศักดิ์- ซึ่งมีเจตนารมย์และเหตุผลบอกไว้ด้วย ว่าทำไม ถึงคิดอย่างนั้น

รศ.สมชัย- ใช่ครับ และเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นก็ต้องนำเสนอสิ่งนี้ว่าขัดเจตนารมณ์ซึ่งท่านก็ต้องบอกให้ได้ว่า สาเหตุที่ท่านบันทึกเป็นแบบนี้นั้น เพราะอะไร อย่างไร แล้วเราก็คิดว่ามันเป็นหลักฐานที่เพียงพอ แต่เรียนตามตรงนะครับ ไม่ได้มาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ไม่ได้มาประเภทว่า ข้าอยู่ไม่ได้ เอ็งต้องอยู่ไม่ได้ด้วย อะไรทำนองนี้ แต่หลักการที่ถูกต้องต้องดำรงอยู่ในบ้านเมืองเรา แล้วถ้าเกิดว่าไม่มีคนพูด ทุกคนยอมจำนน อะไรเกิดขึ้น บ้านเมืองก็จะถูกลากไป ในทิศทางของคนซึ่งมี ทักษะในเชิงกฎหมายที่จะพูดให้คนงงไปและก็เชื่อไปในทางใดทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะเป็นการสู้บนหลักการ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรครับ

เติมศักดิ์- การเซ็ตซีโร่ที่ทำตอนนี้กับการไม่เซ็ตซีโร่แต่กลายเป็นปลาสองน้ำ จะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปไหมครับ อาจารย์ครับ ว่ามันจะเป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรมหรือไม่

รศ.สมชัย- ถ้าใจผม ผมเลือกทางยิ่งกว่านั้นคือให้อยู่ครบทั้ง 5 คน ไม่ใช่เอาเรื่องคุณสมบัติมาจับด้วยซ้ำว่าใครกำหนดครบอยู่ต่อ ไม่ครบออกไป ถามว่าท่านประวิตร ผิดอะไร เอาง่ายๆ ที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมา วันหนึ่งท่านมาลง ซึ่งอาจจะมีคนชวน มาลงด้วยซ้ำ แล้วท่านเสียทุกสิ่งไป แล้วท่านก็มาลง แล้วบอกว่าวันนี้ท่านต้องพ้นไป เพราะฉะนั้นผมคิดไกลถึงขนาดว่าต้องคืน มาหมดทั้ง 5 คนด้วยซ้ำ แต่เอาล่ะกึ่งกลางคือว่า คนมีคุณสมบัติครบอยู่ คนไม่ครบออกไปจำนวนหนึ่ง ตอนนี้ถ้าหากว่ามาใหม่ กับมีเก่าใหม่ปนกัน ง่ายๆ ครับ สิ่งซึ่ง กกต.ชุดนี้ได้ดำเนินการ และเตรียมการอย่างต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีเศษ อย่างน้อยมีการสืบทอดต่อไปเป็นหลักประกัน อย่างน้อยที่สุดมีคนเดิมที่พอรู้เรื่อง ถ้าคนใหม่มาสมมุติว่า เขาบอกว่าเห็นด้วยกับสิ่งนี้ เขาเป็นนโยบาย เขาเป็นองค์อำนาจ เขาตัดสินใจได้ สิ่งที่ตระเตรียมมาทั้งหมดมันก็ยกเลิกกันไป

ผมยกตัวอย่างเช่นว่า เอาง่ายๆเรื่องหนึ่ง ผมกำลังจะให้คนไทยในต่างประเทศสามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ที่ง่ายสะดวกขึ้น คือเรียกว่าการใช้สิทธิ์ทางอินเทอร์เน็ตนะครับ ซึ่งหลายประเทศเขาทำกันอยู่ ผมก็มีการริเริ่มจะใช้ใน 3 ประเทศในอนาคต ครั้งแรกก่อนคือ จอร์แดน นอร์เวย์ และญี่ปุ่นกรุงโอซาก้า ถึงวันนี้เตรียมการมาใช้เงินมาเตรียมการต่างๆ ถึงวันหนึ่ง กกต.ใหม่มาบอกว่าไม่เอา แปลว่าอะไร แปลว่าสิ่งที่เตรียมการมาก็ยกเลิกกันไปท่านบอกประเทศไทยยังไม่พร้อม เกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหานั้น ปัญหานี่ก็เป็นไปได้ หรือสมมุตินะครับทิศทางของ กกต.ขณะนี้ บอกว่าเราจะให้มีการขยายเวลาในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จากเวลา 15.00 น. เป็น 16.00 น. หรืออาจจะมากกว่านั้น เพื่อทำให้คนมีช่วงเวลาในการเลือกตั้งมากขึ้น และเตรียมการ เตรียมนั้น เตรียมนี่ต่างๆ หรือขณะนี้ผมสั่งการลงไปว่าการอำนวยความสะดวกแก่คนพิการ คนสูงอายุ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล จะต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ จะต้องมีทางเข้ากว้างแค่นี้ อะไรก็แล้วแต่ โต๊๊ะสูงๆเท่านั้นเท่านี้ เพราะนั้นคุณไปเตรียมเรื่องงบประมาณมาในการดำเนินการ ถึงวันหนึ่งบอกว่าไม่ต้องทำ มันก็ยกเลิกไป

เติมศักดิ์- อาจารย์จะบอกว่าถ้าเป็น 7 คนใหม่เลยเหรอครับ

รศ.สมชัย- โอกาสยกเลิกมีในหลายๆ เรื่อง และโอกาสยกเลิกมีบางครั้ง ผมอาจจะพูดเลวร้ายไปอาจจะมาจากนำเสนอของเจ้าหน้าที่เอง ผมพูดประโยคนี้ครับว่าสิ่งที่ กกต.ทำงานทุกวันนี้ มันสวนกันระหว่าง 2 อย่าง 1.คือประชาชนสะดวก หรือ 2.เจ้าหน้าที่สะดวก ถ้าประชาชนสะดวกแล้วเจ้าหน้าที่ลำบาก ถ้าเจ้าหน้าที่สะดวกแล้วประชาชนลำบาก นี่คือสิ่งที่สวนกันตลอดเวลา

เติมศักดิ์- แนวโน้มคือเจ้าหน้าที่ไม่อยากลำบาก

รศ.สมชัย- ใช่ครับ เจ้าหน้าที่ไม่อยากขยายเวลาเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ไม่อยากจัดหน่วยเลือกตั้งแก่คนพิการ เจ้าหน้าที่ไม่อยากทำโปรแกรมในการเลือกตั้งในต่างประเทศ เพราะว่ามันต้องใช้เงินใช้เวลา เจ้าหน้าที่ไม่อยากที่จะให้มีหน่วยเลือกตั้งที่ไปเป็นหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งกระจายตามจุดต่างๆ ที่เพียงพอ ใช้สมาร์ทการ์ดมาในการอ่าน ทุกอย่างไม่ต้องการ ต้องการเหมือนเดิม

เติมศักดิ์- แต่ทำไมอาจารย์ต้องคิดว่า 7 คนใหม่จะคิดไม่เหมือน 5 กกต.เดิม

รศ.สมชัย- อาจจะเหมือน หรือ อาจจะไม่เหมือนนะครับ ซึ่งผมถึงบอกให้ว่าดีไม่ดี ในฝั่งข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงอาจจะมาจากเจ้าหน้าที่เองเลยว่า อย่าเพิ่งเลยท่าน หลายต่อหลายเรื่องเลยครับ

เติมศักดิ์- 7 คนใหม่จะเป็นคนที่ว่านอน สอนง่ายขึ้นมากไหม เอาแบบตรงไปตรงมาเลยครับ

รศ.สมชัย- พูดไม่ได้ครับ เราไปพูดล่วงหน้าไม่ได้

เติมศักดิ์- จะดื้อเหมือนอาจารย์สมชัย ไหม

รศ.สมชัย- ไม่ได้ครับ พูดไม่ได้ครับ แต่ว่าให้ดูกระบวนการสรรหา ผมชี้ว่ากระบวนการสรรหาที่เป็นอยู่ภายใต้บทเฉพาะกาล ไม่ใช่กระบวนการในสภาวะปกติ เพราะว่าวิธีการสรรหา เริ่มต้นว่า 1.มีกรรมการสรรหา กรรมการสรรหาสามารถไปคว้าใครมาก็ได้ โดยไม่ต้องสมัคร นี้คือในรัฐธรรมนูญ

เติมศักดิ์- นอกบัญชีผู้สมัครก็ได้

รศ.สมชัย- ใช่ครับนี่คือ กติกาที่เปลี่ยนแปลงไป 2.เมื่อกรรมการสรรหา ลงมติเรียบร้อยแล้ว ส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา บทเฉพาะกาลบอกว่าตอนนี้ไม่มีวุฒิสภา ให้ใช้ สนช. แทน สนช.มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธชื่อที่กรรมการสรรหาส่งไป ปฏิเสธกี่ครั้งก็ได้ และเมื่อปฏิเสธแล้วชื่อนั้นต้องหายไปทันที ไม่มีสิทธิ์ส่งมาใหม่ ไม่ใช่ว่ากรรมการสรรหาจะยืนว่าคนนี้เป็นคนดี สมมุติ เอาใครดี กรรมการสรรหา ส่งชื่อคุณเติมศักดิ์ไป สนช.ว่าคุณเติมศักดิ์ ชอบวิจารณ์รัฐบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอาเติมศักดิ์ กรรมการสรรหาไม่มีสิทธิ์ยืนว่าเติมศักดิ์เป็นคนดี และขอเสนอชื่อช้ำไป ชื่อนั้นต้องหายไปทันที แล้วต้องหาชื่อมาใหม่ แล้วส่งให้ สนช. ทำแบบนี้จนกว่า สนช.จะเห็นชอบให้มีกรรมการการเลือกตั้งครบทั้ง 7 คน

เติมศักดิ์- วงเล็บซึ่ง สนช. เป็นแม่น้ำ 5 สาย ให้การบ้านให้สังคมไปคิดแล้วกัน ว่าเราจะได้ 7 คนแบบไหน ให้สังคมไปคิดต่อนะครับ

รศ.สมชัย- จะเป็นกลางไหม ถ้า สนช. หรือรัฐบาลชุดนี้ไม่คิดจะอยู่ในอำนาจต่อ ไม่คิดว่าจะหนุนพรรคการเมืองใด ไม่คิดว่าจะเป็นผู้บริหารต่อหรือไม่ ผมว่านี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าท่านจะได้องค์กรที่เป็นกลางจริงๆ เพื่อมากำกับกติกาในอนาคต แต่ถ้า นี้คือประโยคแต่ถ้าเหมือนกัน แต่ถ้าหลายท่านใน สนช. คิดจะเป็น ส.ว.ต่อ หรือหลายท่านที่อยู่ในรัฐบาลคิดจะเป็นรัฐบาลต่อ หรือหลายท่านที่อยู่ในรัฐบาลคิดว่าพรรคการเมืองนี้ดี พรรคการเมืองนี้ไม่ดี ต้องหนุนบางพรรคให้ชนะเลือกตั้ง กกต.ที่จะเกิดขึ้นจากรายชื่อ สนช. จากการที่ สนช.อนุมัติรายชื่อ จะเป็นกลางได้อย่างไร

เติมศักดิ์- อย่าเพิ่งไปพาดหัวว่า สมชัย ชี้รัฐบาลล็อกสเปก กกต.

รศ.สมชัย- ฟังให้ครบทุกประโยค

เติมศักดิ์- โอเค ถ้านะ ถ้าเป็นเช่นนี้เราได้ กกต.ถูกล็อกสเปกมาใช่ไหมครับ

รศ.สมชัย- เพราะว่าส่งชื่อคืนทุกครั้งที่กรรมการสรรหา การเลือกคนดีแค่ไหนไปก็แล้วแต่ ส่งชื่อคืนจนกว่าจะเบื่อนะครับ ไม่เอา คืน คืนเสร็จคนนั้นไม่เอาเปลี่ยนชื่อใหม่ สรรหามาใหม่ส่งชื่อไปใหม่ ไม่พอใจก็ส่งชื่อมาอีก ลงมติไม่รับไปเรื่อยๆ

เติมศักดิ์- สุดท้ายครับในฐานะอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ แล้วเป็นคนที่ดูแลการเลือกตั้งมาด้วย 2 คุณสมบัตินี้ มองคำถาม เอาข้อแรกก่อนก็ได้ครับ เพราะเราเวลาไม่มากนัก

รศ.สมชัย- เดี๋ยวๆ คำถามใคร

เติมศักดิ์- คำถามของนายกฯ

รศ.สมชัย- อ๋อ ครับผม

เติมศักดิ์- หลังเลือกตั้งเราจะได้รัฐบาลที่มีธรรมภิบาลหรือไม่ ผมขอคำถามนี้ก่อน ถ้าโอกาสหน้า อาจารย์ได้เป็น กกต. ผมมาถามใหม่ อาจารย์ในฐานะสอนรัฐศาสตร์ด้วย ดูแลการเลือกตั้งด้วย ตอบคำถามข้อ 1 หน่อยซิครับ

รศ.สมชัย- ถ้า ผมใช้คำว่า ถ้าอีก กกต. ชุดใหม่เป็น กกต. ที่เป็นกลาง ทำงานจริงจัง ตรงไปตรงมา กลไกต่างๆ ที่ กรธ. ออกแบบมาทั้งหมด เป็นกลไก ที่ได้ผล เพราะท่านเป็นคนร่างเองมากับมือ กฎเกณฑ์ทุกอย่าง จะมีผู้ตรวจการการเลือกตั้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ สารพัด ทั้งหลายทั้งปวง เพิ่มอำนาจ กกต. ให้ทำโน่น ทำนี่ได้ ก็ต้องมั่นใจนะครับว่า ผลการเลือกตั้งจะต้องดี ดังนั้น ถ้าหากว่าทำถึงขนาดนี้แล้ว ผลการเลือกตั้งไม่ดี ก็ต้องถามคุณเติมศักดิ์แล้ว ว่าใครควรรับผิดชอบ

เติมศักดิ์- ครับ วันนี้ว่ากันตามนี้ก่อน พรุ่งนี้ฝากไว้ก่อน ไม่น่าจะเกินช่วงเย็น ใช่ไหมครับ เราจะได้รู้ว่า ตกลงมติของ กกต. ว่าอย่างไร

รศ.สมชัย- เข้าใจว่าน่าจะประมาณนั้น

เติมศักดิ์- และ ณ นาที นี้ อาจารย์สมชัย ยังเชื่อ ประมาณ 60 เปอร์เซนต์ว่า จะโต้แย้งและยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า กกต.

รศ.สมชัย-โต้แย้ง และยื่นกลับไป สนช.

เติมศักดิ์- สนช. ก่อน

รศ.สมชัย- สนช. ก่อนครับ ยังไม่ยื่นถึงศาล

เติมศักดิ์- เดี๋ยวก่อนครับ ขั้นตอน โต้แย้ง และ ยื่นไปยัง สนช.

รศ.สมชัย- สนช. จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วมขึ้นมา 11 คนก็จะ มีประธาน กกต. เป็นประธาน สนช. 5 คน กรธ. 5 คน รับพิจารณาข้อเสนอของ กกต. แล้วเขาส่งเรื่องกลับไปโหวตใน สนช.

เติมศักดิ์- โอ้โห ต้องผ่านด่าน สนช. อีกทีหนึ่ง

รศ.สมชัย- ใช่ครับ ถ้า สนช. เห็นด้วยกับข้อเสนอเราก็กฎหมายนี่ตก ร่างใหม่ ว่ากฎหมายนี้ ขัดเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ ถ้าเห็นด้วยกับเรา ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ประกาศใช้กฎหมาย พอประกาศใช้กฎหมายแล้ว ค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ

เติมศักดิ์- ก็ยังมีลุ้นนะครับ อาจารย์ หรือว่าแทบไม่ลุ้นแล้ว

รศ.สมชัย- คือว่า ผมเก็บของแล้ว คุณเติมศักดิ์ ไปดูออฟฟิศ ผมเก็บของหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ผมมีความสุขนะครับ

เติมศักดิ์- แต่ขอสู้จนนาทีสุดท้าย

รศ.สมชัย- เพื่อหลักการ ไม่ได้ว่าเพื่อให้ตัวเองอยู่ แล้วก็เรียนตามตรงครับ การเป็นน กกต. ไม่ได้มีความสุขครับ เหนื่อย แต่ผมคิดว่าเรามีโอกาสทำเพื่อบ้านเมือง เราก็ทำ เท่าที่ทำได้

เติมศักดิ์- วันนี้ขอบคุณมากครับ อาจารย์สมชัย

รศ.สมชัย- ครับ สวัสดีครับ

เติมศักดิ์- คนเคาะข่าวลาไปก่อน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น