ทายาทรุ่นที่ 2 ของธุรกิจ 3 ทศวรรษ “วัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล” ผู้มีวิสัยทัศน์โกอินเตอร์ หวังพลิกวิกฤติธุรกิจครอบครัว เดินหน้าสร้างสินค้าให้แตกต่างจากคู่แข่ง ฉีกกฎการค้าแบบเดิมๆ ด้วยไลน์โปรดักส์ใหม่เอาใจลูกค้าชาวจีนอย่าง “จระเข้ทุบ” และยังคงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหมูทุบสินค้าดั้งเดิมไว้ พร้อมแปรรูปเนื้อชนิดต่างๆอีกมากมาย เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ และช่วงชิงพื้นที่การขายในประเทศให้ได้ ทั้งยังวางแผนสร้างโรงงานใหม่ ร่วมมือกับภาครัฐและเกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้ลพบุรี ขยายสู่เกษตรเชิงท่องเที่ยว เชิญผู้สนใจเข้ามาศึกษากรรมวิธีแปรรูปจระเข้ ชักชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเข้ามาเปิดหู เปิดตา และเปิดใจ
“วัชรินทร์หมูทุบ” ธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ และล่าสุดกับเนื้อจระเข้ที่ปราศจากไขมัน เป็นผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นของจังหวัดสิงห์บุรีที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 28 ปี โดยใช้กรรมวิธีถนอมอาหารธรรมชาติแบบท้องถิ่น ด้วยการนำมาอบด้วยความร้อน แล้วนำมาทุบด้วยค้อนเหล็กแบบโบราณ มีทั้งแบบทุบนุ่ม อบกรอบ และผัดพริกสมุนไพร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังคงใช้แรงงานฝีมือจากคนในท้องถิ่นเป็นหลัก
ก่อนจะเป็นของฝากประจำจังหวัดสิงห์บุรีประเภท “ดีมาก” และได้รับการคัดสรรหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) 5 ดาว ระดับประเทศได้นั้น จุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้เกิดขึ้นเมื่อ 28 ปีก่อน จากความคิดและฝีมือการผลิตของ “ปริญดา เรืองฤทธิ์กูล” ที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ “หมูทุบ” ที่มีการควบคุมคุณภาพและขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิด มีรสชาติอร่อย มีประโยชน์ทางโภชนาการ สะอาด เก็บไว้ได้นาน ไร้สารกันเสีย ไม่สังเคราะห์สี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้รับมาตรฐานการผลิตจากหน่วยงานรัฐ และราคาประหยัด กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของสิงห์บุรีออกสู่ตลาด กลายเป็นสินค้าของฝากที่มีคุณค่าและเป็นของทานเล่นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ทั้งที่มาสิงห์บุรีและลูกค้าแวะซื้อตามจุดขายและปั๊มน้ำมันในจังหวัดต่างๆ
ต่อมาเมื่อลูกชาย (วัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล) จบการศึกษาด้านนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้เข้ามาช่วยดูแลและจัดการการผลิตและการตลาดให้ แบรนด์วัชรินทร์หมูทุบตัดสินใจหนีคู่แข่ง ด้วยการเพิ่มโปรดักส์แปรรูปจากเนื้อวัวและเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ทั้งใช้กรรมวิธีทุบและปรุงรสเพื่อขยายตลาด โดยวางจำหน่ายที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ รวมทั้ง Gourmet Market ศูนย์การค้าสยามพารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มควอเธียร์ และเดอะมอลล์สกายพอร์ต
และจากการนำสินค้าไปวางขาย ณ จุดเข้าออกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างสนามบิน ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาถามหาเนื้อจระเข้ นั่นจึงเป็นที่มาให้เกิดการผลิตเนื้อจระเข้ทุบ และเป็นต้นตำรับจระเข้ทุบเจ้าแรกของไทย ซึ่งผลิตจากเนื้อส่วนที่ดีที่สุดของจระเข้ อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าเนื้อจระเข้ช่วยลดอาการภูมิแพ้ ช่วยซ่อมแซมร่างกาย เสริมภูมิต้านทาน มีสรรพคุณทางยามากมาย รสชาติถูกปาก และไม่มีกลิ่นคาว
ผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อจระเข้มีทั้งแบบทุบรสดั้งเดิม แบบแห้งนำไปตุ๋นหรือประกอบอาหารอื่นๆได้ แบบผัดพริกสมุนไพร แบบซอสกระเพรา และปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปใหม่ๆ อย่าง น้ำพริกสมุนไพรเนื้อจระเข้ ซึ่งมีกรรมวิธีการปรุงพิเศษจากเชฟเมืองจีน และมีส่วนผสมของสมุนไพรจีนและไทยกว่า 10 ชนิด ตามด้วย แหนมกระดูกอ่อนจระเข้ ที่คิดค้นสูตรโดยผู้ริเริ่มกิจการเอง เป็นต้น
วัชรินทร์ เล่าว่า เขามองเห็นกลุ่มเป้าหมายใหม่อย่างลูกค้าแดนมังกร ที่มีความต้องการชัดเจนและมีกำลังซื้อสูงมาก จึงหันหัวเรือเบนการผลิตหลักมาที่เนื้อจระเข้แปรรูป คัดสรรส่วนหางที่เรียกว่า “บ้องตัน” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงสุดจากเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ที่ได้รับการรับรองจากกรมประมงหลายแหล่ง อาทิ อุทัยธานี อยุธยา และลพบุรี
พร้อมทำการศึกษา สังเกต ทดลองกระบวนการแปรรูปเนื้อจระเข้ จนรู้ว่าต้องมีเทคนิคการแล่เนื้อให้ได้คุณภาพ และเมื่อเนื้อจระเข้มีความชื้นสูง เพราะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จึงจำเป็นต้องลดกลิ่นคาวโดยใช้ระยะเวลาตากแดดจัดให้แห้งนานถึง 3 วัน ซึ่งมากกว่าเนื้อสัตว์อื่น แล้วนำมาอบต่ออีก 1 วัน ซึ่งต้องมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนเพื่อป้องกันเชื้อราและกันบูด โดยไม่ใช้สารเคมี ร่วมกับการใช้กรรมวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน ทุบด้วยค้อนเหล็กโบราณ ซึ่งควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่าการทุบด้วยเครื่องจักร ทำให้เนื้อจระเข้ไม่แบนเละจนเกินไป นับเป็นการผลิตที่ลงทุนสูงมาก รวมทั้งยังร่วมมือวิจัยด้านรสชาติกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ถูกใจผู้บริโภคภายใต้แบรนด์ “วัชรินทร์”
“เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วที่เราผลิตเนื้อจระเข้ออกสู่ตลาดและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยสื่อสารด้วยคำว่า “รสชาติแบบไทย อร่อยระดับสากล” ซึ่งข้อดีของการผลิตเป็นเจ้าแรกๆ คือลูกค้าคนจีนไม่นิยมสินค้าที่ผลิตในประเทศของเขา แต่มีความต้องการเนื้อจระเข้ เมดอินไทยแลนด์อยู่แล้ว ซึ่งเราตอบสนองได้ ในขณะเดียวกันเราแทบไม่มีคู่แข่งเลย เราสามารถทำตลาดได้ดีมาตลอด นอกจากจะมีลูกค้านักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อที่โรงงานซึ่งเป็นหน้าร้าน และตามจุดจำหน่ายอื่นๆแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ค้าส่งหรือตัวแทนจำหน่ายชาวต่างชาติ ให้ความสนใจซื้อสินค้าแปรรูปจากเนื้อจระเข้ไปขายในต่างประเทศอีกด้วย” วัชรินทร์เล่าถึงเสียงตอบรับของโปรดักส์ใหม่ แล้วบอกต่อว่า
เมื่อตลาดหลักคือลูกค้าชาวจีน ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาไม่ขาดสาย เขาจึงต้องเพิ่มกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ชิ้นต่อวัน ด้วยการซื้อเครื่องจักร อาทิ เครื่องอบ เพื่อเสริมทัพเครื่องเก่า และย่นระยะเวลาในการตากแห้งให้น้อยลง โดยใช้สินเชื่อจากธนาคารและใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ จนได้มีทุนทรัพย์ก้อนใหญ่เพื่อซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ และวัตถุดิบมาต่อยอดกิจการได้
ปริญดา ผู้เป็นแม่และผู้ริเริ่มกิจการ เผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเพิ่มเงินทุนต่อเนื่องด้วยการกู้ธนาคารและได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. เพราะมองว่านี่คือโอกาสในการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อจะได้ผลตอบแทนมากกว่ามองว่าเป็นความเสี่ยง และเมื่อสามารถผลิตได้ตามออเดอร์และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นหลักล้านบาทต่อเดือน ก็ทำให้เธอและลูกชายไม่เอนเอียงไปที่การกู้ยืมนอกระบบ ซึ่งอาจได้เงินทุนไม่เต็มจำนวน และยังเสียดอกเบี้ยสูงเกินความจำเป็นอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัท วัชรินทร์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด สร้างยอดขายจากเนื้อแปรรูปชนิดอื่นๆ เพียง 10% ในขณะที่เนื้อจระเข้คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% จึงเป็นเหตุผลให้วัชรินทร์ทุ่มเทการผลิตสินค้าจากเนื้อจระเข้มากเป็นพิเศษ ทั้งให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยใช้ตัวของเขาเองเป็นโลโก้และพรีเซนเตอร์ของสินค้าเพื่อสร้างการจดจำในแบรนด์และแบรนด์แอมบาสเดอร์ และการขยายตลาดถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ด้วยการออกบูธภายใต้หน่วยงานของรัฐบาลไทยที่ประเทศจีน ณ เมืองฝูโจว ฝูเจี้ยน และมุ่งเพิ่มฐานตลาดใหม่ๆ ที่กำลังส่งสัญญาณสนใจเนื้อจระเข้อย่างมาก อย่าง เวียดนาม ออสเตรเลีย และนั่นทำให้เขาต้องมองถึงการขยายฐานการผลิต สร้างโรงงานใหม่ และทำระบบแบบคลัสเตอร์กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
และแนวทางนี้ก็จะเป็นต้นทางไปสู่การต่อยอดธุรกิจการเกษตรเชิงท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับภาครัฐ หน่วยงานปกครองท้องถิ่นและเกษตรกรในจังหวัดลพบุรี เพื่อสร้างพื้นที่โชว์รูมการเกษตรครบวงจร มีทั้งบ่อจระเข้ และพื้นที่ธรรมชาติให้เยี่ยมชม พร้อมเปิดโรงงานแปรรูปเนื้อจระเข้เพื่อนำมาทำเป็นอาหาร นำเสนอขั้นตอนการปรุงอาหาร รวมทั้งการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กระเป๋า และสินค้าทำมืออื่นๆ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเรียนรู้ในกลุ่มเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้ผลิต ตลอดจนกลุ่มคนทั่วไปและลูกค้าที่สนใจการท่องเที่ยวแบบใหม่นี้
“ตอนนี้ สิ่งที่ผมฝันใหญ่และตั้งใจจะทำให้สำเร็จ คือ จะทำให้จระเข้เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศให้ได้ และหวังให้เกษตรทั้งที่เลี้ยงจระเข้อยู่แล้วและสนใจจะทำในอนาคตได้มีระบบการเลี้ยง และมาตรฐานการผลิตที่ดี ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และต้องการให้เนื้อจระเข้มีมูลค่าสูง เข้าสู่ระบบตลาด มีราคากลางที่เหมาะสม และที่สำคัญคือการเปลี่ยนทัศนคติให้คนไทยและชาติอื่นๆเปิดใจทดลองบริโภคเนื้อจระเข้” วัชรินทร์เผยถึงความมุ่งมั่นสูงสุดของคนที่มีหัวใจเถ้าแก่เต็มร้อย
พร้อมให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายอื่นๆว่า ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร อย่ากลัวที่จะริเริ่มทำสิ่งใหม่ มุ่งเดินหน้า ห้ามย่ำกับที่ หากมีอุปสรรคด้านการเงิน ควรหาคนที่จะปรึกษาหรือเครื่องมือที่พร้อมจะเป็นแขนขาให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมา จากการใช้บริการค้ำประกันทางการเงินของ บสย. ถึง 4 สัญญาอย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้ วัชรินทร์ อินเตอร์ฟู้ด เข้าใกล้แหล่งทุนได้อย่างง่ายดายทั้งในช่วงเริ่มต้นและในเวลาที่กิจการกำลังขยายตัว
บสย. จึงเปรียบเหมือนพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตัวจริงเสียงจริง
ติดต่อ โทร. 088-214-1111 Line: PUMPUIRRK
บทความโดย : บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *