เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ จี้เลิกมติ ครม.ต่ออายุสัมปทานเชฟรอน ขออย่าเพิ่งลงนามขยายสัญญา เร่งแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ด้านเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ยื่นหนังสือทบทวน บี้ทวงคืนท่อก๊าซ
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี และ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.) กองทัพนิรนาม พร้อมสมาชิกจำนวน 50 คน ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้พิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาที่ให้ต่ออายุสัมปทานบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โดย พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าวว่า คปป.ขอเสนอปัญหาการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้เอกชนที่ผ่านมายึดตามกฎหมายปิโตรเลียม 2514 ซึ่งไทยเสียเปรียบทั้งเรื่องความโปร่งใส การตรวจสอบปริมาณขุดเจาะเพราะเอกชนรายงานเป็นเดือนตามมาตรา 76 แทนที่จะรายงานเป็นวินาทีต่อวินาทีทำให้รัฐไม่สามารถตรงจสอบได้ อีกทั้งการแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมยังเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนหักค่าใช้จ่ายกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิต จ่ายภาษีให้รัฐลดลง 35-60 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งให้อายุสัญญาจากเดิม 20-30 ปีเป็น 39 ปี และควรมีการป้องกันการรั่วไหลเพราะรัฐไม่วางมาตรการลงโทษทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ รวมถึงรัฐควรเร่งแก้ไขกฎหมายจากการให้สัมปทานเป็นสัญญาจ้างเพื่อให้ทันภายในปี 2560 เพื่อให้ทันการเปิดประมูลก่อนสัญญาสัมปทาน และสำหรับผลประโยชน์ส่วนแบ่งปิโตรเลียมที่รัฐบาลควรจะได้จากสัมปทานถือว่าน้องกว่าประเทศอื่นๆ
“ขอให้รัฐบาลและนายกฯ มีความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่สินจ้าง และรักประเทศชาติ โปรดพิจารณายกมติ ครม. 7 ธันวาคม 2559 ที่ให้ต่ออายุสัมปทานเชฟรอน และอย่าเพิ่งรีบลงนามสัมปทานในการขยายสัญญาเพราะจะทำให้รัฐและประชาชนเสียหาย และขอให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 และ พ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียมโดยเร็ว” พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าว
ขณะที่เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้ยื่นหนังสืออีกฉบับหนึ่งเพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายปิโตรเลียมเพื่อผลประโยชน์ของประเทศกรณีการต่ออายุสัญญาสัมปทานการขุดเจาะและผลิตให้แก่บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และการแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียม 2 ฉบับกับการเรียกคืนท่อก๊าซธรรมชาติด้วยเช่นกัน และขอให้นายกฯ ทวงคืนท่อก๊าซธรรมชาติซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 32,000 ล้านบาทให้กลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็วเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน
