xs
xsm
sm
md
lg

“วิรัตน์” หนุนให้อำนาจ กกต.อายัดทุนซื้อเสียง แต่กั๊กตัดสิทธิคนชักใยม็อบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หัวหน้าทีมกฎหมาย ปชป. หนุนข้อเสนอประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปท.หลังชง กรธ.ให้ กกต.มีอำนาจอายัดเงินทุนซื้อเสียง ชี้เป็นยาแรงโดยอำนาจรัฐจะแก้ปมโกงได้ แต่กั๊กตัดสิทธินักการเมืองชักใยม็อบ ห่วงปิดกั้นเสียงข้างน้อยไม่เป็นประชาธิปไตย แต่หากชุมนุมไม่สงบ ต้องลงโทษให้เด็ดขาด พร้อมฟันการใช้อำนาจรัฐที่สนับสนุนให้ทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ

วันนี้ (30 ต.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะเสนอคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจอายัดเงินกลุ่มทุนที่ซื้อเสียงว่า ปัญหาการเมืองไทยที่วิกฤตอยู่ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา คือ การใช้อำนาจเงินและการใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของตน ดังนั้น กระบวนการที่ทำลายการซื้อเสียงหรือ การใช้อำนาจรัฐไปในทางที่ไม่ถูกต้องนั้นต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งตนเห็นด้วยและขอสนับสนุน เพราะถือเป็นกระบวนการที่ใช้ยาแรงโดยอำนาจรัฐ เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาการซื้อเสียงได้

นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า ส่วนที่ระบุว่าหากพบนักการเมืองอยู่เบื้องหลังม็อบอาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น ตนเห็นว่าการมีความเห็นต่างจากรัฐ ในหลักประชาธิปไตยมีทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยแปลว่าเสียงข้างมากบริหารแต่ต้องฟังเสียงข้างน้อย เพราะฉะนั้นการที่ออกกฎใดๆ โดยปิดกั้นเสียงข้างน้อยต้องพึ่งระมัดระวังเพราะจะไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น ในส่วนนี้ตนเห็นว่าควรต้องยอมรับความแตกต่างในระบอบประชาธิปไตย คือ ต้องยอมรับความเห็นต่างหากการกระทำอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เช่น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 รัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นการใช้สิทธิโดยสงบและปราศจากอาวุธ หากผู้กระทำกระทำการอยู่ภายในกรอบของกฎหมายดังกล่าวต้องบัญญัติให้มีสิทธิ แต่การกระทำที่ไม่สงบและมีอาวุธหรือการเข่นฆ่าประชาชน เช่น เหตุการณ์ในปี 2553 หรือสังหารผู้ที่มาชุมนุมในสมัย กปปส. อย่างนี้ต้องลงโทษให้เด็ดขาด และต้องสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือสั่งการด้วย รวมถึงอำนาจรัฐที่สนับสนุนการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่น ช่วยเหลือสนับสนุนในการสั่งไม่ฟ้อง หรือไม่ดำเนินคดีต่อฝ่ายของตนหรือพวกของตนซึ่งกระทำผิดอย่างชัดเจน อย่างนี้ก็ต้องยกร่างกฎหมายบังคับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใช้อำนาจที่ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือพรรคพวกของตนให้พ้นผิด อย่างนี้ต้องลงโทษเด็ดขาด


กำลังโหลดความคิดเห็น