กกต.ยกการจัดทำกม.ลูก หัวใจสำคัญเลือกตั้ง เน้นใช้ทุนต่ำให้คนดีเข้าแข่งขันได้ ค้านแนวคิดเซ็ตซีโร่ แต่ตั้งพรรคในอนาคต ยึดตั้งยาก อยู่ง่าย ยุบยาก ส.ว.ต้องมีคุณภาพ คาดเลือกตั้ง 10 ธ.ค. 60 หากกม.ลูกไม่ล่าช้า ไม่ห่วง "เรืองไกร" ร้องประชามติโมฆะ ประชุมกกต.พรุ่งนี้เตรียมถกการทำงานใหม่หมดให้สอดคล้องรธน. ปรับการทำงานเป็นแบบบอร์ด เพิ่มกกต.เป็น 7 คน เพื่อการตัดสินใจรอบคอบ
วันนี้ (17ส.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “ระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 20 สถาบันพระปกเกล้าตอนหนึ่งระบุ ว่า หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น คือการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส., พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว., พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายทั้ง 4 ฉบับจะเป็นตัวกำหนดหน้าตาของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปี 2560ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. จะเน้นการใช้ต้นทุนต่ำ เพื่อให้คนดีสามารถเข้าไปแข่งขันในทางการเมืองได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมากในการหาเสียง
ส่วนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเซ็ตซีโร่พรรคการเมือง เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องให้พรรคการเมืองไปเริ่มต้นจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองกันใหม่ ที่ผ่านมามีพัฒนาการมาอยู่แล้ว และมีรากฐานที่จะทำให้พรรคการเมืองเกิดความเข้มแข็ง แต่เห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองในอนาคต ควรอยู่ภายใต้ 3 หลักการ คือ ตั้งยาก อยู่ง่าย ยุบยาก ซึ่งแตกต่างจากที่ผ่านมาคือ ตั้งง่าย อยู่ยาก ยุบง่าย จึงเกิดพรรคการเมืองมากมาย 70-80พรรค มีระเบียบกฎเกณฑ์มาก ต้องให้พรรคการเมืองส่งรายงานและส่งบัญชีค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องจมอยู่กับงานธุรการ ขณะที่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ควรสร้างกลไกการสรรหาขั้นต้นให้มีคุณภาพ ก่อนให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจากกลุ่มนี้ โดยการสรรหา ส.ว.ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. 15 วัน
สำหรับ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่มกรรมการเป็น 7 คน โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ เพื่อกระบวนการคิดและตัดสินใจที่รอบคอบมากขึ้น มีประสบการณ์ที่หลากหลาย และปรับเปลี่ยนการทำงานของ กกต. ให้เป็นรูปแบบบอร์ด ไม่ใช่แยกการกำกับดูแลในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ นายสมชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงปฏิทินการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า จากการดูกำหนดการต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่กำหนดโรดแม็ปการเลือกตั้ง ส.ส.ไว้ในปลายปี 2560 หากขั้นตอนการจัดทำกฎหมายลูกไม่มีปัญหาติดขัดใดๆ คาดว่าการเลือกตั้ง ส.ส.สามารถมีขึ้นได้ในวันที่ 10 ธ.ค. 2560 ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ และเป็นช่วงวันหยุดยาว ถือเป็นวันที่เหมาะสม เพราะไม่ใกล้กับช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งอาจจะมีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริง สุ่มเสี่ยงที่จะมีการซื้อเสียง เบื้องต้นการกำหนดวันดังกล่าวยังไม่ใช่มติ กกต. เป็นการทดลองเสนอวันที่เป็นไปได้ ยังไม่ใช่วันจริง เพราะต้องรอให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับ มีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะสามารถกำหนดวันเลือกตั้งที่แท้จริงได้ เพราะถ้าหากการร่างกฎหมายลูกมีความล่าช้าก็อาจไม่ใช่วันดังกล่าว
นายสมชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายลูกเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยเบื้องต้นได้ให้แนวทางกับคณะทำงานยกร่างของสำนักงาน กกต.ในหลักการกว้างๆ ทำให้เกิดผลดีต่อบ้านเมือง ป้องกันให้เกิดการทุจริตน้อยที่สุด ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใช้ต้นทุนต่ำ และพัฒนาพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง เป็นพรรคของประชาชน มีความต่อเนื่องและเป็นสถาบัน ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะมีการหยิบยก พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับปี 2524 มาเป็นแนวทางในการยกร่าง
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุด ขอให้ผลประชามติวันที่ 7 ส.ค. เป็นโมฆะ โดยอ้างเหตุผลว่า กกต.แจกร่างรัฐธรรมนูญไม่ทั่วถึงนั้น นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ได้ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ คือให้แจกร่างรัฐธรรมนูญให้ทั่วถึง ซึ่ง กกต.ก็ได้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญทุกช่องทาง ทั้งจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ดังนั้นประเด็นนี้จึงไม่น่าเป็นห่วง เข้าใจว่าผู้ยื่นอาจจะเข้าใจผิดในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
นายสมชัย ยังเปิดเผยด้วยว่า สำหรับการประชุม กกต. ในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) ตนจะเสนอขอเซ็ตซีโร่การทำงานของ กกต.ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่วางรูปแบบการทำงานของ กกต. เป็นบอร์ด ไม่แบ่งแยกด้านต่างๆ ในการทำงาน เปลี่ยนมาให้ทุกคนช่วยกันดูแลงานทุกด้าน เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ โดยไม่ต้องรอให้มี กกต.เพิ่มใหม่อีก 2 คน เพราะหากทำภายหลังอาจไม่พร้อมกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปี 2560 ได้
