“กกต.” แถลงสรุปประชามติ คนใช้สิทธิ 29.7 ล้าน คิดเป็น 59.4% บัตรเสีย 9.36 แสนใบ เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 16.8 ล้าน ไม่เห็นชอบ 10.5 ล้านเสียง คิดเป็น 61.35% ต่อ 38.65% เห็นชอบคำถามพ่วง 15.1 ล้าน ไม่เห็นชอบ 10.9 ล้าน คิดเป็น 58.07% ต่อ 41.93% ชูไม่มีจังหวัดไหนใช้สิทธิต่ำ 50% เผย 3 จว.ชายแดนใต้บัตรเสียมากสุด กทม.พบน้อยสุด ลำพูนมาโหวตมากสุด ชุมพรคนเห็นชอบ 2 ประเด็นมากสุด “สมชัย” ไปพิษณุโลกพรุ่งนี้สอบวิธีนับคะแนนแต่ไม่นับใหม่ “ศุภชัย” พร้อมชง กม.ลูกให้ กรธ.
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการการเลือกตั้งนำโดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ร่วมกันแถลงผลออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการที่ได้มีการนำส่งถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยในจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียง 50,071,589 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 29,740,677 คน หรือร้อยละ 59.40 บัตรเสีย 936,209 บัตร หรือร้อยละ 3.15 ประเด็นที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบ 16,820,402 คะแนน หรือร้อยละ 61.35 ไม่เห็นชอบ 10,598,037 หรือร้อยละ 38.65 ประเด็นที่ 2 คำถามพ่วง เห็นชอบ 15,132,050 คน หรือร้อยละ 58.07 ไม่เห็นชอบ 10,926,648 หรือร้อยละ 41.93 ส่วนเรื่องร้องคัดค้านไม่มี
ด้านนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ในปี 2550 ยังมีบางจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึงร้อยละ 50 แต่ครั้งนี้ไม่มีจังหวัดไหนที่ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าร้อยละ 50 เลย จากนี้ไป กกต.ก็จะถอดบทเรียนปัญหาอุปสรรคในการออกเสียงเพื่อเป็นบทเรียนไว้สำหรับการจัดการเลือกตั้งปลายปีหน้า
ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิเป็นที่น่าพอใจ เกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิในปี 2550 บัตรเสียร้อยละ 3.15 อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจเช่นกัน เพราะมี 2 คำถาม น่าจะมีบัตรเสียมากกว่านี้ แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าบัตรเสียเกิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ค่อนข้างสูง คือ ปัตตานี ร้อยละ 7.43 นราธิวาส 7.11 ยะลา 6.54 ซึ่งจะนำไปศึกษาว่าเกิดจากเหตุใดทั้งในแง่ความรู้ ความเข้าใจ ปัญหาศาสนา ต้องไปดูเกิดจากอะไร ส่วนบัตรเสียน้อยสุดคือ กทม.ร้อยละ 1.53 สำหรับผู้มาใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับแรก จ.ลำพูน 76.47 จ.แม่ฮ่องสอน 74.36 จ.เชียงใหม่ 73.17 จ.ตาก 70.06 จ.เชียงราย 67.64 ส่วนจังหวัดที่เห็นชอบทั้งประเด็นที่ 1 และประเด็น 2 เห็นชอบสูงสุด 5 จังหวัด คือ ชุมพร นครศรี ภูเก็ต สุราษฎ์ธานี ระนอง
นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณีการหันหลังนับคะแนนที่ จ.พิษณุโลก ว่า กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นวิธีการนับที่ผิดระเบียบ ต้องนับโดยเปิดเผย แต่ในหน่วยดังกล่าวไม่มีการร้องคัดค้านจึงจะไม่นับคะแนนใหม่ แต่เมื่อเป็นประเด็นสังคมให้ความสนใจ ตนจะเดินทางไป จ.พิษณุโลกด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นเป็นเพียงคลิป การดำเนินการต่อไปคงต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น จำนวนเสียงไม่มีผลกระทบต่อการประกาศผลเป็นทางการ ทั้งนี้ ในส่วนของเปิดให้แสดงความคิดเห็นก่อนการออกเสียง ยืนยันว่าครั้งนี้เปิดโอกาสให้อย่างกว้างขวางและมีการดีเบตมากกว่าการเลือกตั้งหรือการประชามติทุกครั้งที่ผ่านมา
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการยกร่าง พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง นายศุภชัยกล่าวว่า การร่างกฎหมายลูกเป็นอำนาจของ กรธ. ถ้ามีการประสานมายัง กกต.เราก็พร้อมที่จะเสนอเนื่องจากขณะนี้เราได้มีการเตรียมความพร้อม มีคณะทำงานดำเนินการเรื่องดังกล่าวไว้อยู่แล้ว หากมีการประสานคิดว่าจะเสนอได้เร็ว แม้จะอายุมากแต่ไม่ทำงานช้า ส่วนที่มีการเสนอให้เซตซีโร่พรรคการเมืองเป็นเรื่อง กรธ.ที่จะพิจารณา กกต.ไม่มีหน้าที่ยกร่าง
อีกด้านหนึ่ง นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงาน กกต. กล่าวว่า ยอดตัวเลขผลการออกเสียงที่เขย่งกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ โดยในกรณีบัตรดี และบัตรเสียที่ขาดไป 36 ใบนั้น น่าจะเกิดจากบัตรที่ถูกฉีกทำลาย เพราะส่วนนี้จะไม่ได้มีการนำมารวมอยู่เป็นบัตรดี หรือบัตรเสีย ส่วนยอดเห็นชอบและไม่เห็นทั้ง 2 คำถามที่เมื่อรวมแล้วไม่เท่ากัน และน้อยกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธินั้น เพราะมีผู้กาบัตรเพียงคำถามเดียวจำนวนมาก โดยตัวเลขดังกล่าวก็เป็นชุดเดียวกับที่ กกต. รายงานไปยังนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดตัวเลขบัตรที่นับเป็นคะแนนในประเด็นร่างรัฐธรรมนูญมีทั้งสิ้น 28,804,432 บัตร แต่เมื่อนำคะแนนเห็นชอบจำนวน 16,820,402 คะแนน และคะแนนไม่เห็นชอบจำนวน 10,598,037 คะแนนมารวมกัน กลับพบว่ามีจำนวนยอดน้อยกว่าจำนวนบัตรที่นับเป็นคะแนนถึง 1,385,993 คะแนน ส่วนประเด็นคำถามพ่วง มีบัตรที่นับเป็นคะแนนรวมทั้งสิ้น 28,804,432 บัตร แต่เมื่อนำคะแนนเห็นชอบ 15,132,050 คะแนน มารวมกับคะแนนไม่เห็นชอบจำนวน 10,926,648 คะแนนน ก็พบว่ามีจำนวนยอดรวมน้อยกว่า บัตรที่นับเป็นคะแนนถึง 2,745,734 คะแนน